บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7

เวลา 8.20 นาฬิกา

ปทิตตาวิ่งลงจากบันไดชั้นบนด้วยสภาพขอบตาดำคล้ำเนื่องจากนอนไม่หลับทั้งคืน สาเหตุไม่ใช่จากใครที่ไหน ที่สำคัญวันนี้เธอยังตื่นมาเตรียมอาหารเช้าไม่ทัน สงสัยคงถูกดุอีกแน่ๆ

“ปาล์มขอโทษนะคะที่ตื่นสาย”

เจ้าของร่างบางยืนก้มหน้ารับผิดหลังเดินเข้ามาบริเวณโต๊ะอาหารแล้วพบว่าผู้มีตำแหน่งเป็นพี่ชายกำลังนั่งอ่านข่าวบนสื่อโซเชียล โดยมีเพียงกาแฟแก้วเดียวที่เป็นอาหารมื้อเช้าของวัน

“นอนไม่หลับหรือไง...หืม?” ฟรานซิสเอ่ยถาม แววตาแฝงไปด้วยเลศนัยบางอย่าง

“เอ่อ...ค่ะ” หญิงสาวตอบกลับไปแบบไม่เต็มเสียงนัก นึกเคืองที่อีกฝ่ายทำราวกับพวกมีตาทิพย์

“ฉันไม่ถือหรอกถ้าเธอจะนอนไม่หลับเพราะคิดถึงฉัน...แม่น้องสาว”

คนรู้ดีลุกขึ้นและยื่นหน้าเข้ามาใกล้เกินความจำเป็น ทำเอาน้องสาวขี้อายต้องรีบผินหน้าหลบไปอีกทางก่อนจะรีบเอ่ยตัดบท “ปาล์มขอตัวไปเรียนก่อนนะคะ”

“เดี๋ยวไปส่ง” พี่ชาย(ที่แสนดี)อาสาพร้อมกับลุกขึ้นทำเอาเท้าเรียวที่กำลังจะก้าวออกไปถึงกับชะงัก วงหน้าเรียวสวยค่อยๆ หันกลับไปมองคนพูดแล้วย้ำอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจนัก

“ปะ...ไปส่งหรือคะ”

“ใช่! ไปส่ง แล้วอย่าคิดขัดใจฉันเด็ดขาด” ประกาศิตบวกกับสายตาที่จ้องมองมาทำให้นักศึกษาสาวรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ

“ค่ะ” ในที่สุดเจ้าตัวก็พยักหน้าอย่างยอมจำนนเพราะรู้ดีว่าคงไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว

“รีบไป เดี๋ยวสายนะ” ผู้ชายจอมฉวยโอกาสกล่าวในขณะที่มือหนาเอื้อมมาโอบรอบเอวคอดให้เดินตรงไปยังรถยนต์คันหรูซึ่งจอดรออยู่บริเวณประตูทางเข้าโดยมีประนัยลูกน้องคนสนิทของชายหนุ่มทำหน้าที่คนขับ

“เชิญครับ”

หลังประตูรถยนต์บริเวณด้านหลังเปิดออกปทิตตาก็ถูกดันเข้าไปด้านใน ซึ่งเจ้าของเรือนกายกำยำก็ตามเข้ามาติดๆ มิหนำซ้ำยังบดเบียดเข้าหาราวกับพื้นที่ภายในรถถูกจำกัดทั้งๆ ที่มีเขาและเธอเพียงแค่สองคน

“นัย เดี๋ยวไปส่งมะ...ส่งน้องสาวฉันที่มหา'ลัยก่อน” น้ำเสียงทุ้มออกคำสั่ง พอเห็นแววตาเขียวปั๊ดของหญิงสาวข้างกายเพราะกลัวว่าเขาจะหลุดพูดจาบ้าๆ จึงเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา

ประมาณครึ่งชั่วโมงล้อรถยนต์ก็จอดสนิทบริเวณด้านหน้าตึกของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ปทิตตารู้สึกโล่งอกไม่น้อยที่มาถึงจุดหมายปลายทางเสียที

“เป็นอะไร ทำไมถอนหายใจแรงขนาดนั้น” คนขี้สงสัยถามพลางขมวดคิ้วมุ่น

“เปล่าค่ะ ปาล์มขอตัวไปเรียนก่อนนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็ยกมือขึ้นตั้งใจจะเปิดประตูรถ ครั้นพอเปิดไม่ออกเจ้าของใบหน้าหวานซึ้งก็ขมวดคิ้วมุ่น

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าประนัยไม่เคยทำอะไรนอกเหนือคำสั่งของผู้บังคับบัญชา เจ้าตัวได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ผ่านกระจกหน้ารถให้นักศึกษาสาวเพื่อขอลุแก่โทษ

“วันนี้เลิกเรียนกี่โมง?”

“...”

“ถามทำไมไม่ตอบฮึเด็กดื้อ” ผู้ปกครองจอมเผด็จการทำเสียงฉุนๆ

“สี่โมงเย็นค่ะ” หญิงสาวจำต้องตอบกลับไปราวกับรู้ดีว่าถ้าขืนยังดื้อดึงตนเองคงไม่ได้ลงจากรถ

“เลิกเรียนมารอที่เดิม ฉันจะมารับ”

“มะ...มารับหรือคะ”

“ทำไม เธอมีปัญหาอะไร?” พอเห็นใบหน้าตื่นๆ ของอีกฝ่ายก็ยิ่งทำให้เขาหรี่ตามองอย่างจับผิด

“เปล่าค่ะ ปาล์มแค่ไม่อยากรบกวนเวลางานของคุณฟรานซิส” เธอรีบชี้แจง

“เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็น”

“ค่ะ...แล้วคุณฟรานซิสจะลงไปทำความรู้จักกับเพื่อนปาล์มก่อนไหมคะ” เมื่อไม่สามารถคัดค้านอะไรจึงจำต้องยอมตกลง กระทั่งดวงตากลมเหลือบมองไปนอกกระจกเห็นว่าเพื่อนสนิทกำลังเดินมาทางนี้พอดี

“เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย” ผู้ชายขี้หวงถามทันควัน เพื่อนผู้หญิงพอรับได้ แต่ถ้าเป็นเพื่อนผู้ชายคงต้องพิจารณากันอีกที

“ผู้หญิงค่ะ”

“ได้สิ! ไอ้นัยเปิดประตู”

“ริต้า” ทันทีที่ก้าวลงมาจากรถปทิตตาก็ตะโกนเรียกเพื่อนเสียงดัง

“อ้าว ปาล์ม” เจ้าของชื่อหันมายังทิศทางดังกล่าวก่อนจะโบกมือทักทายกลับ ทว่าดวงตากลับจ้องไปยังชายหนุ่มปริศนาที่ยืนอยู่ข้างกาย

“ตอนอยู่ในรถปาล์มเห็นริต้าพอดีเลยชวนเอ่อ...” หลังจากเพื่อนเดินเข้ามาหาเธอก็มีอาการอ้ำอึ้งเพราะไม่แน่ใจว่าจะแนะนำว่าอีกฝ่ายเป็นพี่ชายดีไหมในเมื่อเขาไม่เคยยอมรับตนในฐานะน้องสาว

“พี่ธันครับ”

ฟรานซิสเป็นฝ่ายแนะนำตัวเองออกไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและมีท่าทีเป็นกันเอง ซ้ำยังแนะนำชื่อเล่นอย่างสนิทสนม อาการน้อยใจทั้งที่รู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์ตีตื้นขึ้นมา ปฏิกิริยาดังกล่าวไม่อาจรอดพ้นสายตาคนใจร้ายไปได้และเขาเองก็พึงพอใจไม่น้อย

“สวัสดีค่ะพี่ธัน ริต้าเคยได้ยินปาล์มบอกว่ามีพี่ชายไม่คิดว่าจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้” รอยยิ้มโต้ตอบนั้นหวานจนผิดปกติยามได้มองหน้าพี่ชายของเพื่อนสนิทนับตั้งแต่ก้าวเข้ามาศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย

“พอดีพี่เห็นว่าปาล์มมีเรียนช่วงเช้าเลยแวะมาส่งครับ ไม่อยากให้ขับรถไปไหนมาคนเดียว”

คนเจ้าเล่ห์ทำราวกับหวังดีต่อน้องสาว(นอกไส้)นักหนาทั้งๆ ที่ความจริงแล้วจุดหมายปลายทางของเธอและเขาเรียกได้ว่า 'คนละทาง'

“หูยย อยากมีพี่ชายน่ารักแบบนี้บ้างจังค่ะ พี่ชายริต้าทำไมไม่เป็นแบบนี้บ้างนะ” ศรุตาอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบชายตรงหน้ากับผู้เป็นพี่ชายของตน

“อย่าคิดมากเลยครับ พี่ชายของน้องริต้าอาจจะไม่ว่าง เดี๋ยวพี่คงต้องขอตัวไปทำงานก่อน” ชายหนุ่มกล่าวคำลาและไม่ลืมหันไปกำชับหญิงสาวข้างกายอีกครั้งด้วยสรรพนามรื่นหูแต่ดูน่ากลัวสำหรับคนฟัง

“อย่าลืม เย็นนี้รอพี่ที่นี่ แล้วจะรีบมารับ”

“ค่ะ” ปทิตตาตอบรับเสียงเบา แม้จะน้อยใจแค่ไหนเธอก็ต้องข่มมันเอาไว้ข้างใน

“พี่ชายปาล์มทั้งหล่อทั้งน่ารักม๊ากมาก” ศรุตาชมเปาะและทำท่าชวนฝันจนคนมองถึงกับส่ายหน้า ไม่มีใครรู้ฤทธิ์พี่ชายจอมเผด็จการคนนี้ได้ดีเท่าเธอ

“จ้ะ ริต้าชอบพี่ชายปาล์มเข้าแล้วใช่ไหม” หญิงสาวพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกของตนด้วยการออกปากแซวเพื่อน

“แหม...ใครจะไม่ปลื้มล่ะ หล่อเท่ขนาดนี้” เจ้าตัวแสดงท่าทางเอียงอายเมื่อถูกจับได้

“พี่ชายปาล์มก็คงชอบริต้าเหมือนกัน ปกติเขาไม่ค่อยอยากสนิทกับใครง่ายๆ หรอกนะ” อีกครั้งที่ความน้อยใจผุดขึ้นมาถึงจะพยายามเคยชินแค่ไหนก็ตาม

“จริงหรือเปล่า ว่าแต่พี่ธันหน้าตาดูออกไปทางฝรั่งอยู่เหมือนกัน” เธอพูดไปตามที่เห็นจริงๆ มากกว่าจะต้องการจับผิด

“ความจริงปาล์มเป็นแค่ลูกที่คุณแม่ขอมาเลี้ยงตั้งแต่เด็กๆ จ้ะ”

ปทิตตาตอกย้ำโชคชะตาแสนอาภัพของตน เธอไม่เถียงว่าคุณหญิงธนาภาให้ความรักและเลี้ยงดูเธอราวกับลูกในไส้ จะมีก็เพียงเขาที่ไม่เคยเห็นเธอเป็นน้องสาว

“ริต้าขอโทษนะ ปาล์มอย่าคิดมากเลย ริต้าไม่รู้จริงๆ” ศรุตากล่าวคำขอโทษด้วยความรู้สึกผิดและไม่สบายใจ

“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องจริงนี่นา”

“แล้วเอ่อ...ทุกคนดีกับปาล์มใช่หรือเปล่า?” ความเป็นห่วงเพื่อนทำให้หญิงสาวตั้งคำถามออกไป เพราะการนำลูกคนอื่นมาเลี้ยงย่อมให้ความรักแตกต่างกันกับลูกในไส้

“อื้ม...ดีสิ คุณแม่กับเขา...คือพี่ธันน่ะดีกับปาล์มมาก ส่วนแด๊ดดี้เสียไปแล้วจ้ะ”

“ดีแล้ว งั้นเรารีบเข้าเรียนกันดีกว่า”

ศรุตายิ้มกว้างและจูงมือเพื่อนสนิทเข้าไปบริเวณด้านในตึกเพื่อเข้าเรียนคาบแรกของวัน ตารางเรียนของคณะเลิกเย็นเกือบทุกวัน จะดีก็ตรงที่ช่วงเวลาพักเบรกหรือพักกลางวันมีเวลาว่างถึงสองสามชั่วโมง

 

ฟรานซิสนั่งพิงเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่พร้อมกับความคิดภายในจิตใจที่วนเวียนนับตั้งแต่ครั้งกลับมาเยือนประเทศบ้านเกิดของผู้ให้กำเนิด ก้าวแรกที่เข้าไปภายในบ้านที่แทบไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากมายนอกเสียจากน้องสาวนอกสายเลือดที่กำลังนั่งก้มหน้างุดต้อนรับการกลับมาของเขา ดวงตาคมเข้มสำรวจไปทั่วเรือนร่างบอบบางที่ทำเอาเลือดในกายพล่านยิ่งกว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน

เธอโตขึ้น จากเด็กหญิงกลายเป็นหญิงสาววัยสิบเก้า สัดส่วนขยับขยายตั้งแต่ทรวงอกอิ่ม หน้าท้องแบนราบ ไหนจะสะโพกผายดูน่าสัมผัสไปทั้งตัว ความหวงน้องสาวนอกไส้แล่นเข้ามาหา อีกทั้งความต้องการบ้าๆ ก็เริ่มบังเกิดจนกรามทั้งสองข้างบดเบียดเข้าหากันอย่างพยายามข่มอารมณ์

'ธัน ทำไมมองน้องแบบนั้น'

'ก็เปล่าครับแม่ ผมแค่อยากลองสำรวจดูว่าเด็กขี้แยเมื่อก่อนนี้จะโตขึ้นขนาดไหน' คำถามของมารดาเล่นเอาเจ้าตัวเกือบเสียศูนย์จึงรีบกลบเกลื่อนอาการแม้จะยังมองอีกฝ่ายชนิดไม่วางตา

'สะ...สวัสดีค่ะพี่...พี่ธัน' ปทิตตากระพุ่มมือไหว้ทักทายทายผู้มีตำแหน่งเป็นพี่ชายครั้งแรก

'เรียกฉันว่าฟรานซิส'

คนไม่อยากเป็นพี่ชายสวนกลับไปทันควันด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความไม่พอใจจนเจ้าตัวถึงกับสะดุ้ง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเธอก็ยังคงเป็นที่รังเกียจเช่นเดิม

'ธัน นี่น้องสาวแกนะ' ประมุขใหญ่เตือนสติบุตรชายเสียงเข้มหลังเห็นว่าเขากระทำในสิ่งไม่สมควร

'น้องสาวอะไรครับแม่ ผมไม่เคยบอกแม่สักคำว่าต้องการน้องสาวนอกไส้ ที่สำคัญผมไม่เคยคิดว่าเด็กนี่เป็นครอบครัวผม นอกเสียจากกาฝากที่แม่เอามาชุบเลี้ยงไว้ในบ้าน'

ถ้อยคำแสนร้ายกาจที่ถูกพ่นออกมาทำเอา 'กาฝาก' ได้แต่ก้มหน้านิ่งอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว เธอไม่นึกโกรธเพราะนั่นคือเรื่องจริง แต่เธอเสียใจมากกว่าที่ถูกมองว่าไร้ค่าในสายตา

'ธันพูดกับน้องแบบนี้ได้ยังไง รู้ไหมว่าน้องเสียใจแค่ไหน ไม่รักน้องก็เห็นหัวแม่บ้าง'

'ขอโทษครับที่ทำให้แม่รู้สึกไม่ดี แต่ผมยังยืนยันคำเดิม' สิ้นเสียงคนใจดำแถมยังปากร้ายก็เดินเลี่ยงขึ้นไปยังห้องนอนชั้นบนทันที

ครั้นคุณหญิงธนาภาเห็นบุตรสาวบุญธรรมหลุดเสียงสะอื้นออกมาก็รีบตรงเข้าไปปลอบประโลมด้วยความสงสาร ไม่รู้จะทำยังไงกับลูกชายคนนี้ นางยอมรับว่าเรื่องอื่นเจ้าตัวไม่เคยขัดข้อง เห็นจะมีแต่เรื่องน้องสาวที่ดูจะตั้งแง่ไม่ยอมรับท่าเดียว

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก

เสียงเคาะประตูห้องทำงานปลุกให้ผู้บริหารหนุ่มตื่นจากภวังค์ความคิด เก้าอี้ทำงานถูกหมุนกลับไปเผชิญหน้ากับแขกผู้มาเยือน

“คือ...ตกลงว่าวันนี้นายจะไปรับคุณหนูปาล์มที่มหาวิทยาลัยหรือเปล่าครับ?” ประนัยเข้ามาย้ำเตือนถึงจุดประสงค์ของผู้เป็นเจ้านายเมื่อเช้าเนื่องจากเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาสามโมงเย็นแล้ว

“ไป มึงลงไปรอกูที่รถ เดี๋ยวตามไป”

“นาย จะว่าผมจุ้นจ้านก็ได้ครับ นายรักคุณหนูปาล์มใช่ไหมครับ”

ด้วยวัยที่ไล่เลี่ยและความสนิทสนมเพราะทำงานด้วยกันมานานจนได้รับความไว้วางใจเหมือนเพื่อนคนหนึ่งทำให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชากล้าเอ่ยปากถามแบบไม่กลัวตาย สิ่งที่คิดไว้ต้องใช่แน่ๆ งานนี้ยอมโดนด่าว่า 'เสือก'

“แล้วมึงคิดว่าไง” นอกจากจะไม่โกรธแล้วชายหนุ่มยังตั้งคำถามกลับไป

“ผมก็คิดว่าชัวร์ล้านเปอร์เซนต์สิครับ แต่นายดันชอบดุคุณหนูปาล์มทั้งที่เธอน่ารักน่าทะนุถนอมขนาดนั้น”

ประนัยตอบไปตามความคิดทว่าทำเอาคนที่กำลังเตรียมตัวเก็บเอกสารบนโต๊ะเงยหน้าขึ้นมามองตาขุ่น

“มึงไม่ต้องชมคนของกูเลย กูหวงโว้ย”

“แต่ผมว่าคุณท่านคงไม่ยอม ยังไงคุณหนูปาล์มก็ได้ชื่อว่าเป็นน้องสาวนาย”

“กูไม่เคยต้องการน้องสาวไอ้นัย” ฟรานซิสเสียงเข้มขึ้นเมื่อถูกสะกิดต่อมที่ไม่เคยยอมรับมาตลอดเข้าให้

“แล้วนายต้องการอะไรล่ะครับ เมียรึไง”

ประนัยเย้าอีกครั้งจนคนถูกต้อนรีบออกปากไล่ ถ้าขืนอยู่นานกว่านี้คงได้มีการฆาตกรรมลูกน้องในห้องทำงานกันบ้างล่ะ

“กูขอความเห็นจากมึงตอนไหนฮึไอ้นัย รีบลงไปเองก่อนจะถูกกูเตะโด่งออกไปแทน”

หลังลับร่างของลูกน้องคนสนิทฟรานซิสก็อดทบทวนตามไม่ได้ว่าตนต้องการอะไรจากน้องสาวนอกไส้คนนี้ เวลาเห็นหน้าก็ทำเอาอยากครอบครองเธอไว้ข้างกาย แต่ด้วยสถานะที่ค้ำคอทำให้เขาต้องใจร้ายกับเธอทั้งที่ความจริงอยากแสดงความรัก ความจริงใจ ไม่ว่ายังไงซะเธอก็ต้องเป็นของเขาคนเดียวและต้องเป็นด้วยความเต็มใจ

 

 

 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel