ตอนที่ 5
ก๊องแก๊ง ๆ เธอทำเสียงดังให้ช้อนกระทบกับแก้วที่ชงแบบไม่พอใจ และทำอะไรให้เร็วขึ้น
"หายไปหลายวันเลยนะ คิดว่าจะหนีความผิดของตัวเองพ้นเหรอ" ลายไม้เอ่ยปากส่งเสียงยืนหาเรื่องอยู่ตรงนั้น
"หนีหน้าเหรอ...ใครบอกว่าฉันหนี ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันจะหนีคุณทำไม หื้อ...." เธอโต้กลับ มือก็ยังทำงานไปด้วย
"ถ้าไม่เอ่ยปากขอโทษฉัน เธอก็จ่ายค่ารักษาพยาบาลมาให้ฉันด้วย" เขาแบมือส่งตรงไปที่หน้าของเธอ เหมือนนิ้วยาว ๆ ของเขาจะทิ่มเข้าไปในลูกตา ปวีนุชสะดุ้งหลบแทบไม่ทัน
"ค่าอะไร" เธอแว้ดใส่เขาอีก
"อ้าว...ที่เธอกระทืบหลังเท้าจนระบม ใส่รองเท้าไม่ได้เป็นอาทิตย์ และฉันยังต้องไปให้คุณหมอเอกซเรย์เพราะกลัวว่ากระดูกร้าวนะสิ จ่ายมาสามพัน"
“หื้อ...ค่ารักษาอะไรตั้งสามพัน ฉันไม่จ่าย ชิ...สมน้ำหน้า" เธอจ้องตาตอบกับเขาแบบไม่ลดละเช่นกัน
"หื้อ...ยายเด็กนี่" เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันที่ทำอะไรเธอไม่ได้ มีเคาน์เตอร์กันอยู่
ปวีนุชกระแทกแก้วกาแฟตรงหน้าเขาเบา ๆ และยกหน้าขึ้นมองเขาแบบสายตาเดียวกัน
"เชิญไปจ่ายเงินที่หน้าแคชเชียร์ค่ะ" เธอผายมือ ทำหน้าตายียวนกลับ
เธอล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกงหยิบเงินธนบัตรใบร้อยขึ้นมาวางตรงหน้าเขา
"นี่ค่ายาหม่อง..."
"โอ๊ะ ๆ ชิชะ หน็อย ๆ..." เขาพยักหน้างึก ๆ อารมณ์เริ่มพุ่งปรี๊ดไม่พอใจที่เห็นแบงก์แดง ๆ ใบนั้น
"เอาคาปูชอิโน่สองแก้วค่ะ" มีเสียงผู้หญิงดังมาจากข้าง ๆ ของลายไม้ ทำให้ศึกฝีปากระหว่างเขาและเธอจบลงทันที
ปวีนุชสะบัดหน้าทำตากวน ๆ หันไปสนใจลูกค้าคนใหม่ แต่ก็ส่งสายตามมามองเขาแบบว่า
‘แกทำอะไรฉันไม่ได้หรอก’
ลายไม้รีบยกแก้วกาแฟของเขาขึ้น และหยิบเงินนั้นติดมือขึ้นมาด้วย
"เฮ้ย..." ปวีนุชทำเสียงเหมือนจะร้องห้าม แต่ก็ต้องหุบปากเงียบลงไป เพราะสายตาของลูกค้าคนใหม่จ้องมองคนทั้งคู่
'ค่ารถกลับคอนโดเย็นนี้เลยนะ ไม่น่าลืมกระเป๋าตังค์เลย' เธอบ่นกับตัวเอง นึกเสียดายไม่น่าให้เงินเขาไปเลย ก็ไม่คิดนี่ว่าเขาจะหยิบเงินไป
‘เงินแค่ร้อยเดียว’
‘แม่งขับรถหรูหรา แต่เห็นแก่เงินหนึ่งร้อย โอ้....พระวัดพุธ’ เธอคิดพลางมองค้อน เพราะเขาก็ยังหันมามองหน้าเธอแบบหาเรื่อง
“ชิ...” เธอทำเสียงเบา ๆ แล้วสะบัดหน้าไม่มอง หันมาสนใจชงกาแฟต่อ
'ค่อยยืมยายด้าก็ได้ โธ่เอ๊ย...' แต่ไม่วายยังทำหน้าเง้าตามหลังคนตัวโตที่ยืนต่อคิวจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์
ชายหนุ่มก็ทำท่ายียวนกลับมาให้เธอเช่นเดียวกัน ชูแบงก์ร้อยในมือ ปากก็ขยับ
“เรื่องนี้ยังไม่จบกันง่าย ๆ หรอกนะ”
เธอย่นจมูกใส่เขาเช่นกัน
‘ไว้ฉันค่อยไปสืบว่านายเป็นใครแล้วกัน’
‘แกจะไปสืบเรื่องของนายนั่นทำไม’
‘เอ่อ...จริง ปล่อยมันไป ชิ...หน้าตากวนตีน นิสัยก็กวน ปากหมาอีกต่างหาก ชาตินี้นายนั่นคงหาเมียไม่ได้ ฮา...’ นึกไปขำไปอยู่คนเดียว
เขาเดินออกไปอย่างช้า ๆ แต่เมื่อเห็นหน้าของเธอแล้วก็อดขำไม่ได้ ทำไมเขาต้องหาเรื่องทะเลาะกับเด็กผู้หญิงคนนั้น
ปวีนุชทำงานจนเพลิน จนเธอลืมที่จะยืมเงินของดาด้า อีกอย่างเพื่อนสาวก็ออกเวรไปก่อนเธอหนึ่งชั่วโมง
‘หา! ลืมยืมเงินยายด้า’ เธอตกใจเมื่อนึกออก
'ซวยจริง ๆ ได้เดินกลับแน่ ๆ เฮ้อ...' เธอบ่นกับตัวเอง
หญิงสาวหันไปดูเพื่อนพนักงานคนที่มาเข้างานต่อจากมธุรดาเพิ่งมาใหม่ จะให้เอ่ยปากยืมเงินก็กระไรอยู่ ๆ เพิ่งรู้จักกันแล้วยังไม่สนิทกัน อีกทั้งเขาก็เป็นผู้ชายด้วย เธอไม่กล้า
‘เดินกลับก็ได้วะ ใกล้ ๆ เอง เหนื่อยนิดเดียว แต่ไม่เป็นไรถือว่าเป็นการออกกำลัง’ หญิงสาวปลอบใจตัวเอง เดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ
ห้องทำงานของลายไทย
"พี่...ผมมาเอากุญแจรถ เรามาแลกรถขับกัน" ไปร์ทโยนกุญแจรถของเขาลงไปบนโต๊ะตรงหน้าของพี่ชาย
"ยังไง?" พี่ชายยกหน้าขึ้นมองใบหน้าของน้องชายแบบงง ๆ
"อ๋อ...พี่โบกี้ให้พี่เอารถของผมไปบรรทุกของของเธอครับ เยอะมาก...." ลายไม้แจ้งวัตถุประสงค์ของคู่หมั้นสาวของพี่ชายให้พี่ปาปูนทราบ ลากเสียงยาว
"หา...! โบกี้จะเอาอะไรไปนักหนาวะ กระเป๋าผ้าใบเดียวก็พอแล้วมั้ง" พี่ชายบ่นอุบ
"พี่ไม่เข้าใจผู้หญิงหรอกครับ รถพี่คันนิดเดียว ใส่กระเป๋าเสื้อผ้าอุปกรณ์ของพี่โบกี้ไม่หมดแน่ ๆ เอารถปาเจโรคันใหญ่ของผมเนี่ยไปบรรทุกอะไรก็ได้ ชัวร์....ช้างก็ยังได้ แต่ถ้ารถของพี่นะเหรอ หุ ๆ...ต้องมีใครได้ขึ้นไปนั่งบนหลังคา"
ลายไม้หมายถึงรถสปอร์ตคันโก้ของพี่ชาย
"ให้ฉันขับคันนี้ไปจนถึงพัทยา" พี่ชายยกกุญแจของน้องชายขึ้นมาดู
"ใช่ครับ ฝากของของผมไปขึ้นเรือด้วยนะครับ" ลายไม้โค้งคำนับ ก่อนจะแบมือไปตรงหน้ารอกุญแจรถของลายไทย
"เฮ้ย...เอาแบบนี้เลยนะ แล้วคันนี้จะไปถึงพัทยากี่โมง"
“อุต๊ะ แหม ๆ... มาดูถูกน้องจากัวร์ผมเสียแล้วนะครับ บอกตรง ๆ เครื่องแรงมากนะครับ วิ่งใครก็ตามไม่ทันเห็นฝุ่นครับ”
“เฮ้อ...ไม่ถนัดเลย” พี่ชายส่ายหน้า
“จะเอายังไงล่ะครับ เมียสั่งลุย ตัดสินใจ แต่ผมไม่ไปรับพี่โบกี้แน่ ๆ อีกอย่างผมจะไปหาสาว ๆ พกพาขึ้นรถไปลงเรือด้วยนะสิ ถ้าผมขับคันนี้ไป รับประกันได้คนที่สวยที่สุดไปด้วยแน่ ๆ อิอิอิ” เขาหัวเราะคิก ๆ คัก ๆ
“มีความสุขจริงนะ”
"ครับผม สวรรค์ของคนโสด แบบไม่มีบ่วงผูกตรงคอเนี่ย...." น้องชายลากเสียงยาว พลางคว้ากุญแจรถของพี่ชายไปครอบครอง
"อย่าขับรถฉันไปทำให้เกิดรอยนะ ขอร้อง..." ลายไทยทำตาละห้อย
"โอ้โห...พี่ปูนครับ ผมจะระมัดระวังให้อย่างดีครับ ทำยังกับผมขับรถห่วยยังงั้น แต่จริง ๆ แล้วรถนะครับ จะไม่ให้มีรอยขูดขีดข่วนเลยเหรอ ของต้องขับต้องใช้"
"ฉันไม่อยากให้แกขับเลย ขับรถหยาบโลน ยังไง ๆ ไปร์ทก็ต้องดูแลรถของพี่ดี ๆ นะ พี่รักมากกว่าพี่โบกี้นะโว้ย"
ฮา… น้องชายหัวเราะเสียงดัง แล้วเดินออกจากห้องไปอย่างมีความสุข ส่วนพี่ชายได้แต่นั่งคอตก ไม่ชอบให้ใครมาขับรถของตัวเองจริง ๆ รักมาก
