3
นวลอนงค์ยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อ รู้สึกกระหายน้ำ พร้อมทั้งหน้ามืดอย่างบอกไม่ถูก เธอยังไม่ได้กินข้าวปลาตั้งแต่เมื่อวาน เพราะงานแต่งงานที่เร่งรีบ แถมยังไม่มีกะจิตกะใจจะกินอะไร ในยามนี้เธอรู้สึกทั้งหิวทั้งเพลีย ทั้งเหนื่อยล้าไปหมด ก่อนที่สติจะดับวูบลงไป
น้ำที่สาดเข้ามากระทบกับใบหน้า ทำให้นวลอนงค์กะพริบตาปริบๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า
“ฉันให้เธอมาทำงาน แต่เธอดันมานอนหลับ ใช้ได้ที่ไหน”
เสียงเข้มที่ดุดันใบหน้าถมึงทึงของคนเป็นสามีทำให้เธอสะดุ้งสุดตัว
“นวลไม่ได้ตั้งใจค่ะ”
เธอรีบลุกขึ้น ก่อนจะเซเล็กน้อยเพราะรู้สึกหน้ามืด แต่เขาไม่ได้สนใจจะเข้ามาช่วย ยังมองเธออย่างรังเกียจ
“การศึกษาต่ำ ค่าแรงเธอวันละสามร้อย ยังไม่พอใช้หนี้ค่าสินสอดเลย แต่ฉันสงสารพ่อกับแม่เลี้ยงเธอ ท่านจะได้สุขสบายตอนแก่ เลยให้ค่าสินสอดที่จริงๆ ฉันตั้งใจจะให้โฉมชบามากกว่า แต่เธอก็ทำร้ายพี่สาวตัวเองได้อย่างเลือดเย็น”
“นวลทำอะไรคะ นวลไม่ได้เคยทำอะไรพี่โฉมเลย”
เธอเริ่มเถียงเขาบ้าง เพราะไม่รู้ว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่
“คนอย่างเธอ ทำร้ายคนอื่นสารพัดแต่ไม่เคยรับรู้ถึงความผิดของตัวเอง ถ้าวันนี้เธอทำงานไม่เสร็จก็ไม่ต้องกินข้าว”
โยธินเดินจากไปพร้อมกับคำพูดโหดร้ายของเขา เธอใช้มือยกขึ้นบังแสงแดดที่สาดส่องลงมาอย่างร้อนแรง ก่อนจะกัดฟันทำงานต่อไปเรื่อยๆ แม้จะร้อนจะหิวและอ่อนเพลียเพียงใด เธอก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานจนเสร็จ
มันสำปะหลังที่เธอขุดขึ้นมาใส่เข่งได้เป็นจำนวนมาก เธอปาดเหงื่อมองตะวันที่กำลังจะลับขอบฟ้า
ร่างของนวลอนงค์รีบเดินสะโหลสะเหลไปที่โรงครัวอย่างรวดเร็ว เธอตรงเข้าไปกดน้ำมาดื่มแก้กระหาย แม่ครัวกำลังเก็บกวาดโรงครัว เธอเดินเข้าไปด้อมๆ มองๆ ดูแต่ไม่กล้าถามอะไร
“อ้าว... แม่หนูมีอะไร”
“ป้าคะ พอจะมีข้าวให้กินไหมจ๊ะ”
“ข้าวอะไรล่ะ นี่มันหมดเวลางานแล้ว เขาเก็บกวาดจะกลับบ้านกันแล้ว”
“เหรอจ๊ะ”
คนถามลอบกลืนน้ำลายลงคอ ลูบท้องไปมาด้วยความหิว
“เป็นคนงานใหม่เหรอ”
คำถามของป้าตรงหน้าเอ่ยถามเพราะไม่เคยเห็นหน้าเด็กสาวมาก่อน
“ค่ะ เพิ่งมาทำงานวันนี้วันแรก”
เธอคิดอยู่นานก่อนตอบ จะบอกว่าเป็นเมียของโยธินมันก็คงดูตลกน่าดู อีกทั้งคงไม่มีใครเชื่อ เธอเองก็ไม่เคยคิดว่าจะได้แต่งงานกับเขา รวมถึงมาเป็นเมียเขาด้วย
เขาคงไม่รับเธอเป็นเมีย แต่แต่งเพราะบอกแขกเหรื่อไปเยอะแยะแล้ว ถ้ายกเลิกก็คงเสียชื่อเสียงหรือไม่ก็อับอายขายหน้าที่เจ้าสาวตัวจริงหนีไปกับชายอื่น
“มีข้าวเหลืออยู่นิดนึง เอาไหมป้าจะเจียวไข่ให้”
ป้าเสริมศรีเห็นคนตรงหน้าหิวก็นึกเอ็นดูขึ้นมาวูบหนึ่ง
“ขอบคุณค่ะป้า”
นวลอนงค์ไหว้คนตรงหน้าปรกๆ ดีใจจนน้ำตาไหล แล้วไม่นานข้าวไข่เจียวร้อนๆ ก็มาวางตรงหน้า เธอกล่าวขอบคุณอีกครั้งก่อนจะรีบตักข้าวกินด้วยความหิว แม้ข้าวจะเย็นชืดไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าไม่มีข้าวกิน พอกินเสร็จเธอก็รีบล้างจานไปคว่ำเอาไว้
“หนูขอบคุณป้ามากๆ นะคะ”
เธอยกมือไหว้ป้าเสริมศรีอีกครั้ง
“ไม่เป็นไร ชื่ออะไรล่ะเรา อายุยังน้อยอยู่เลย ทำไมมาเป็นคนงานที่ไร่นี้ล่ะ”
“ชื่อนวลอนงค์ค่ะ เรียกหนูว่านวลเฉยๆ ก็ได้”
เธอไม่ได้ตอบว่าทำมาเป็นคนงานที่นี่ เสริมศรีก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ นางรีบเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับบ้าน
“ป้าชื่ออะไรจ๊ะ”
“เสริมศรี เรียกว่าป้าศรีก็ได้ ป้าเป็นแม่ครัวให้ที่ไร่แห่งนี้ คอยทำอาหารเลี้ยงคนงาน”
“เขาเลี้ยงอาหารคนงานกี่มื้อจ๊ะป้า”
“สามมื้อ พรุ่งนี้รีบมากินสิ ตอนหกโมงเช้า ก่อนไปทำงาน”
“ขอบคุณจ้ะป้า ป้าพักอยู่แถวไหนจ๊ะ”
“ด้านหลังโน่น นวลล่ะพักอยู่แถวไหน”
“ตรงโน่นจ้ะ”
เธอชี้ไปยังบ้านพักของตัวเอง แถวนี้มีบ้านพักหลายหลังอยู่ใกล้ๆ กัน
“ป้าไปก่อนนะ”
ป้าเสริมศรีรีบจ้ำอ้าวกลับบ้านพักของตัวเอง นวลอนงค์อยากจะถามอะไรอีกมาก แต่ป้าเสริมศรีก็เดินหายลับไปแล้ว แสงตะวันลับขอบฟ้า ความมืดเริ่มโรยตัวขึ้นมา เธอเดินมาถึงหน้าห้องพัก ทำท่าจะเปิดประตูเข้าไป แต่โดนมือแข็งๆ ของใครคนหนึ่งกระชากเอาไว้เสียก่อน
“คุณโย!” เธออุทานเห็นสีหน้าดุดันของเขา
“เธอทำงานไม่เรียบร้อย แล้วนี่หายหัวไปไหนมา”
“คือนวลไปกินข้าวมาค่ะ” เธอรีบระล่ำระลักบอกเขา
“ทำงานไม่เรียบร้อยริจะไปกินข้าว มันสำปะหลังจะวางอยู่อยู่ตรงนั้นหรือไง ทำไมเธอไม่พากลับมาด้วย”
