1
นวลอนงค์ พงศ์เดช นั่งกุมมือของตัวเองแน่น เธอต้องเข้าพิธีแต่งงานแทนพี่สาวที่หนีตามผู้ชายคนอื่นไปแล้ว เรื่องราววุ่นวายนี้เกิดขึ้นเพราะความไม่รู้จักพอของโฉมชบา พี่สาวคนเดียวของเธอ แต่ถ้าจะพูดกันตรงๆ โฉมชบาไม่ใช่พี่สาวของเธอจริงๆ แต่เป็นลูกติดมารดาเลี้ยงของเธอนั่นเอง
ครอบครัวของเธอค่อนข้างยากจน อยู่มาวันหนึ่งเธอได้เจอแหวนทับทิมที่คุณหญิงวิลาวัลย์ทำตกเอาไว้ แต่โดนพี่สาวแย่งเอาไป และบอกทุกคนว่าตัวเองเป็นคนเจอแหวนวงนั้นเสียเอง คุณหญิงให้คนออกตามหา คุณหญิงวิลาวัลย์ดีใจมากที่ให้แหวนคืน ท่านจึงตอบแทนพี่สาวของเธอโดยการช่วยเหลือครอบครัวของเธอและให้เงินจุนเจือมาอีกจำนวนหนึ่ง
คุณหญิงวิลาวัลย์มีลูกชายหนึ่งคนชื่อโยธิน เขาเอ็นดูพี่สาวของเธอและเธอมาก เขาซาบซึ้งในบุญคุณครั้งนั้น เมื่อเจริญวัยขึ้นมาโยธินก็ตกหลุมรักพี่สาวของเธอ เขาจำต้องไปเรียนต่อเมืองนอกหลายปี จึงสัญญาว่ากลับมาจะแต่งงานกัน
พี่สาวของเธอไม่ได้รักษาสัญญา หล่อนนอกกายนอกใจไปมีผู้ชายมากหน้าหลายตา แต่เพราะต้องรักษาภาพพจน์พี่ สาวของเธอมักบอกใครๆ ว่าผู้ชายพวกนั้นเป็นคนรักของเธอ
มารดาเลี้ยงของเธอก็ช่วยปกปิดเรื่องไม่ดีของพี่สาวเธอ เธอเองก็พูดอะไรไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะโดนตบตีทำร้าย บิดาก็เข้าข้างลูกติดและภรรยาใหม่ เธอจึงต้องก้มหน้าก้มตาทำตามความต้องการของสองแม่ลูกเพราะขัดไม่ได้ บิดาเองก็พูดเป่าหูมาตลอดว่าที่ครอบครัวมีกินถึงทุกวันนี้เพราะพี่สาวของเธอมีบุญคุณกับคุณหญิงวิลาวัลย์ ท่านเลยเมตตาช่วยเหลือยามขัดสน แม้คุณหญิงจะเสียชีวิตไปนานแล้ว โยธินก็ยังดูแลครอบครัวของเธอเป็นอย่างดี ด้วยเหตุที่ว่าเขามีใจรักใคร่โฉมชบานั่นเอง
“ออกไปเข้าพิธีแต่งงานได้แล้ว แกอย่าทำให้เสียเรื่องล่ะ ไม่อย่างนั้นฉันเอาแกตายแน่”
โฉมฉายจิ้มหน้าผากลูกเลี้ยงสาว ข่มขู่เสียงกร้าว
“ค่ะน้าฉาย”
“แกห้ามปริปากเรื่องพี่สาวของแกเด็ดขาด ยัยโฉมน่ะไปดีแล้ว ได้สามีรวย เขาเองก็ทิ้งคุณโยธินเอาไว้ให้แก ร่ำรวยไม่ต่างกัน ฉันรู้ว่าแกแอบชอบคุณโยธินมานานแล้วไม่ใช่เหรอ”
“นวลไม่ได้...”
“อย่ามาปฏิเสธนังนวล จำใส่กะลาหัวของแกเอาไว้ ฉันกับยัยโฉมให้แกได้แต่งงานกับคุณโยธิน แกหัดสำนึกบุญคุณของฉันบ้าง”
คุณโฉมฉายจิ้มหน้าผากลูกเลี้ยงสีหน้าดุดัน
นวลอนงค์ไม่กล้าปริปากพูดอะไร ได้แต่พยักหน้ายอมรับเพราะไม่อยากมีปัญหา
“ถ้าฉันอยากได้อะไร แกต้องหาให้ฉัน เพราะฉันช่วยให้แกสมหวังกับผู้ชายดีๆ อย่างคุณโยธิน แกจำใส่กะโหลกกลวงๆ ของแกเอาไว้”
“ค่ะ”
นวลอนงค์รับคำ ไม่กล้าหืออือเพราะโดนกดขี่มาตั้งแต่เด็ก
“ไปเข้าพิธีได้แล้ว”
เสียงเข้มที่ตวาดทำให้นวลอนงค์หัวหด ยิ่งลงมาเข้าพิธีแต่งงาน หญิงสาวยิ่งขาสั่นเมื่อเห็นใบหน้าบึ้งตึงของเจ้าบ่าว ดวงตาดุดันของเขาทำเธอก้าวขาไม่ออก โฉมฉายเลยดันแผ่นหลังลูกเลี้ยงให้ไปเข้าพิธี
พิธีแต่งงานที่เต็มไปด้วยความอึดอัด นวลอนงค์อยากจะหายตัวไปจากงานแต่งเหลือเกิน เธอนิ่วหน้าด้วยความเจ็บเมื่อโยธินกุมไหล่เธอเอาไว้แล้วบีบเข้าหากันอย่างรุนแรง ดึงให้เธอเดินไปรับแขกพร้อมกับเขา เธอได้แต่หงอ ก้มหน้าก้มตา ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่เขาพาไปแนะนำด้วยท่าทีแกนๆ
หลังจากพิธีแต่งงานที่น่าชวนอึดอัด พิธีส่งตัวเข้าห้องหอก็มาถึง นวลอนงค์หวาดกลัวไปหมด เธอกลัวเจ้าบ่าวของตัวเอง พอส่งตัวเข้าห้องหอเสร็จสิ้น เขาก็ปาเสื้อผ้าใส่หน้าเธอทันที
“แต่งตัวซะ”
น้ำเสียงดุดันของเขาทำให้เธอลนลานรีบไปเก็บเสื้อผ้าที่เขาปาใส่หน้า ก่อนจะสะดุดหกล้มหัวคะมำ แต่เขาไม่ได้สนใจจะมาช่วย
“ฉันได้อ่านจดหมายของพี่สาวเธอแล้ว”
เขากอดอกมองเธอสีหน้าบ่งบอกถึงความเหี้ยมเกรียม ในขณะที่เธอตะเกียกตะกายขึ้นจากพื้น
“พี่โฉมเขียนจดหมายให้คุณโยเหรอคะ”
เธอไม่รู้จริงๆ ว่าพี่สาวหนีไปกับผู้ชายคนอื่นได้ยังไงกัน โยธินดีกับพี่สาวของเธอและครอบครัวของเธอมาโดยตลอด
“เอาเป็นว่าฉันรู้เรื่องสารเลวของเธอแล้วล่ะ และเห็นใจโฉมชบากับแม่เลี้ยงของเธอมากที่มีคนอย่างเธออยู่ร่วมบ้าน”
คำพูดของเขาที่สาดใส่บ่งบอกถึงความรังเกียจเดียดฉัน นวลอนงค์กลืนก้อนอะไรสักอย่างที่ติดคอจนพูดไม่ออก
“ไปแต่งตัวสิ ต้องเดินทางตอนนี้”
เขาตวาดกลับมา เธอรีบลนลานไปเปลี่ยนชุด แต่ชุดเจ้าสาวมันถอดยากเสียเหลือเกิน เธอเดินคอตกออกมามองเขาอย่างหวาดๆ เห็นเขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้วในชุดเดินทาง
