บทที่12 ไปเที่ยวบ้านคุณย่า
บ้านของธนกฤต
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นเหมือนกับเช้าวันแรกที่พิมพ์ลภัสมาอยู่ที่นี่ ธนกฤตที่ไม่สวมเสื้อปิดบังแผงอกเดินมาปลุกพิมพ์ลภัสที่เตียงก่อนที่จะออกไปวิ่งเหมือนอย่างเมื่อวาน
“เหนื่อยอะ” เสียงบ่นดังมาจากทางด้านหลังของธนกฤตและพิมพ์ลภัสทำให้ทั้งคู่ต้องชะลอความเร็วแล้วหันไปมอง จึงได้เห็นพรปวีร์ทำหน้าตาเหนื่อยล้าข้างๆมีสองพ่อลูกอยู่ใกล้ๆ
“พอกันทั้งอาทั้งหลาน ดีนะที่พริกหวานพอจะเล่นกีฬาบ้าง” ธนกฤตเอ่ยก่อนที่จะเห็นพรปวีร์มองตาขวาง
“ก็ฉันงานยุ่งนิ ไม่ใช่ว่าจะมีเวลาออกกำลังเหมือนคนอื่นๆ” พรปวีร์เอ่ยบอก
“อย่ามาอ้างงานยุ่งน๊าเจ๊ ต่อไปนี้ยุ่งแค่ไหนเจ้ก็ต้องออกกำลัง” พีรวัศเอ่ยอย่างกวนประสาท
“ใครไปเป็นเจ๊นายไอ้บ้าพี” คนถูกเรียกว่าเจ้หันควับกลับมามองสามี
“นั่นสิวะพี เจ๊ที่ไหนเมียนายชัดๆ” เสียงของเพลิงตะวันที่เพิ่งวิ่งตามมาพร้อมพีมตะวันและพายัพเมฆเอ่ย
“อยากตายก่อนลูกบวชมั้ยเพลิง” คุณครูสายโหดเอ่ยถามเสียงดุ
“อาเพลิงก็พูดถูกนะคะอาพลอย อาเพลิงขาวันนี้บ้านอาเพลิงมีอะไรกิน” พิมพ์ลภัสเอ่ยล้อผู้เป็นอาก่อนหันไปทำเสียงหวานใส่เพลิงตะวัน ธนกฤตและเธอตกลงกันว่าในช่วงเย็นเธอจะทำอาหารเองแต่ช่วงเช้าจะไปฝากท้องที่บ้านของเพลิงตะวันส่วนช่วงเที่ยงวันหยุดจะออกไปหาอะไรกินข้างนอก
“แหม่พริกหวานใครที่หาของอร่อยให้กินได้เนี่ยรีบประจบเชียว ไม่รักอาแล้วสิ “ พรปวีร์เอ่ยบอกอย่างน้อยใจ
“โอ๋ๆพริกหวานรักอาพลอยที่สุดในโลกเลย แต่ตอนนี้อาพลอยมีอีกสองชีวิตที่ต้องดูแล หลานคนนี้ต่างหากตกป๋องแล้ว” พิมพ์ลภัสเอ่ยอย่างทีเล่นทีจริงจนพรปวีร์เดินมาหยิกแก้ม
“โอ๊ยๆอาพลอยพริกหวานเจ็บ” พิมพ์ลภัสทำเสียงเหมือนเจ็บมากจนอาพลอยเริ่มหน้าซีด “เจ็บมากมั้ยพริกหวานอาของโทษ”
“โอ๊ยเจ็บ...ซะที่ไหน555” พิมพ์ลภัสเอ่ยก่อนที่จะวิ่งออกไปเล็กน้อย
“เด็กคนนี้นิมาให้อาหยิกแก้มซะดีๆ” พรปวีร์เอ่ยอย่างหมั่นเขี้ยว
“แน่จริงจับให้ได้ดิ 555” เด็กสาวเอ่ยก่อนที่จะวิ่งต่อไป
“พั้น พีม พลาย มาช่วยกันจับพริกหวานหน่อยสิลูก” พรปวีร์เอ่ยก่อนที่จะวิ่งตามไปพีมตะวันและพัญวลัยจึงออกวิ่งตามไปอย่างสนุกสนาน ส่วนพายัพเมฆนั่นกำลังครุ่นคิดว่าจะหาทางแกล้งสามสี่คนนั้นดีหรือว่าจะยื่นเฉยๆเพราะตอนนี้เขาง่วงมากไม่มีอารมณ์แกล้งใครเลย
“พ่อ พลายไปวิ่งก่อนนะ วิ่งเสร็จจะกลับบ้านไปนอนต่อเลย ไม่รอล่ะ” พายัพเมฆบอกเมื่อตัดสินใจได้ก่อนที่จะหาวแล้วเริ่มออกวิ่ง สามหนุ่มเกือบใหญ่มองคนขี้แกล้งแล้วยิ้มเอ็นดูก่อนที่จะเริ่มคุยกัน
“วันนี้จะไปไหนกันบ้างวะ ใกล้ปีใหม่แล้ว” เพลิงตะวันเอ่ยถาม
“ฉันจะพาน้องพั้นกับพลอยไปเที่ยวต่อแล้วพวกนายล่ะ” พีรวัศเอ่ยบอกถึงโปรแกรมของเขาในวันนี้
“อยู่บ้าน พ่อตาแม่ยายมา” เพลิงตะวันเอ่ยบอกก่อนที่เพื่อนอีกสองคนจะหัวเราะออกมา ก็พ่อตาของเพลิงตะวันนั้นทั้งดุและโหดแถมหวงลูกสาวจนหลานโตแล้วยังไม่ชอบหน้าลูกเขยอยู่ดี
“แล้วนายล่ะธาม อยู่บ้านมั้ยฉันว่าน่าจะพาหนูพริกหวานไปเดินเล่นกินลมชมวิวนะ หนูพริกหวานคงอยากเที่ยวเล่น” พีรวัศเอ่ยถามคนเป็นหลานเขยภรรยา
“เป็นอาเขยไม่ถึงสามวันนี่ห่วงหลานเมียขนาดนี้เลย วันนี้ฉันจะพาพริกหวานไปบ้านปู่” ธนกฤตเอ่ยบอก
“ก็ดีว่ะ ฉันจะได้รายงานพลอย ดูแลหลานฉันดีๆล่ะ” พีรวัศพูดก่อนที่ทั้งสามคนจะหัวเราะออกมาแล้วเริ่มวิ่งออกไป
หลังจากวิ่งกันจนได้เหงื่อแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำก่อนที่จะกลับมากินข้าวเช้าที่บ้านของเพลิงตะวันที่สาวน้อยชาวกรุงได้กินอาหารใต้ครั้งแรกอย่างอร่อยโดยที่ลูกชายคนเล็กของบ้านนั้นยังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนห้องไม่ลงมาเนื่องจากเมื่อคืนเล่นเกมจนรุ่งสางก่อนที่ธนกฤตและพิมพ์ลภัสจะกลับมาเอากระเป๋าใส่เสื้อผ้าที่บ้านเพราะเขาจะพาเธอไปค้างสองวันหนึ่งคืน
“พี่คะ หนูอยากซ้อนบิ๊กไบท์” เสียงหวานเอ่ยบอกขณะที่มองรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบท์ของธนกฤตที่จอดอยู่ในโรงรถที่มีชนิดละสองคน
“แต่ถ้าพลอยรู้ได้เอาเกสรลิลลี่มาฆ่าพี่แน่หนู” ผู้การหนุ่มเอ่ยบอก พรปวีร์นั้นห่วงและหวงพิมพ์ลภัสจะตายไปขนาดบอกจะพาไปเที่ยวคุณเธอยังซักจนละเอียดยิบ
“เดี๋ยวโทรไปขออาพลอย” เด็กสาวเอ่ยบอกก่อนที่จะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาโทรหาอาสาวที่พีรวัศและพัญวลัยพาไปที่ไหนแล้วไม่รู้เมื่อปลายสายรับสายสาวน้อยของธนกฤตก็เริ่มออดอ้อนของผู้เป็นอาทันทีจนอาสาวถึงกับต้องยอม
“เรียบร้อย อาพลอยอนุญาตแล้ว ไปกัน” เด็กสาวเอ่ยบอกทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมาก่อนที่จะเอ่ยถาม “คันไหน”
“คันนี้ๆ” พิมพ์ลภัสชี้ไปที่บิ๊กไบท์คันที่เขาใช้ในวันที่เจอกันครั้งแรก
“กอดแน่ๆสิ ตกลงไปพี่หามาคืนพลอยไม่ได้มีหวังซวยอีก” ธนกฤตเอ่ยบอกพร้อมทั้งกระชบอ้อมกอดของเด็กสาวให้แน่นขึ้น โดยที่เด็กสาวไม่รู้เลยว่าพี่ธามของเธอกำลังฉวยโอกาสเล็กๆน้อยๆอยู่
บ้านคุณปู่
บิ๊กไบท์สุดเท่ของธนกฤตชะลอความเร็วก่อนที่จะดับเครื่องจอดหน้าบ้านเรือนไทยหลังงามของธานินทร์ผู้เป็นปู่ที่อายุอานามปาเข้าไปเลขแปดแล้วแต่ยังแข็งแรงกระฉับกระเฉง
“ทำอะไรอยู่ปู่” คนเป็นหลานเอ่ยถามเมื่อจอดรถแล้วเห็นผู้เป็นปู่กับเด็กๆอายุประมาณ7-8ขวบยืนมุงกันอยู่ใต้ต้นมะม่วงใกล้ๆ
“อ้าวเจ้าธาม มาก็ดีแล้วช่วยปู่ทีไอ้ขนุนมันวิ่งหนีไอ้น้อยหน่าขึ้นไปบนต้นมะม่วงแล้วลงไม่ได้ ปีนไปเอามาให้ปู่ที” ธานินทร์เอ่ยบอกหลานชาย ก่อนชี้ไปที่เจ้าขนุน แมวไทยสีสวาดตัวอ้วนของธนาหลานชายของธานินทร์วัย8ขวบที่อยู่บนต้นมะม่วง ส่วนเจ้าน้อยหน่าหมาไทยหลังอานของธานินทร์ก็ถูกล่ามโซ่ไว้ห่างๆ
“พี่ธามเอาให้หน่อยนะ” ธนาเอ่ยขอร้องลูกพี่ลูกน้องที่อายุห่างกันถึง30ปี
“ได้ๆเดี๋ยวพี่เอาให้” ธนกฤตเอ่ยบอกก่อนที่จะพับแขนเสื้อขึ้น
“เดี๋ยว!!! หนูปีนเอง พี่ธามน่ะแก่แล้วเดี๋ยวตกลงมาหลังหัก” แม่หนูพิมพ์ลภัสเอ่ยก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้ต้นมะม่วงแล้วปีนขึ้นไปอย่างคล่องแคล่วก่อนที่จะนำเจ้าขนุนลงมาอย่างปลอดภัย
เพี๊ยะ
“โอ๊ย!!!” เด็กสาวร้องลั่นทันทีเมื่อจู่ๆก็มีก้านมะพร้าวเหลาฟาดลงที่แขน
“เป็นสาวเป็นแส้ใครสั่งใครสอนให้ทำตัวเป็นลิงทโมน” เสียงดุดังขึ้น พิมพ์ลภัสหันไปมองคนที่ตีอย่างงุนงง หญิงชราวัย70กว่าคนนี้เป็นใครกันถึงมาเอาก้านมะพร้าวมาตีเธอ
“ย่ากิ่งครับ โอ๊ย” ธนกฤตที่จะเข้าไปหากิ่งกานต์ผู้เป็นย่าถึงกับร้องโอ๊ยเมื่อได้รับอานิสงฆ์ของก้านมะพร้าวไปด้วย ดีนะแค่ก้านมะพร้าว ถ้าก้านมะยมล่ะก็ไม่อยากจะคิด
“เราก็อีกคน แทนที่จะปีนขึ้นไปเองกลับปล่อยให้แม่ลิงทโมนขึ้นไป เกิดตกลงมาแข้งขาหักขึ้นมาจะหาที่ไหนไปคืนพ่อแม่เค้า” ย่ากิ่งของธนกฤตเอ็ดหลานชายก่อนที่จะหันไปพิจารณาหลานสะใภ้
“เฮ้อ! สอนลิงให้ไหว้น่าจะสอนง่ายกว่าสอนแม่ลิงทโมนนี่ พอกันกับเจ้าพั้นไม่สิดูจะมากกว่า” กิ่งกานต์เอ่ย เล่นเอาลิงทโมนงงหนัก นี่แค่ปีนต้นมะม่วงถึงกับเอาไปเปรียบเทียบว่าสอนลิงให้ไหว้ง่ายกว่าเลยเหรอ
“พริกหวานไม่ใช่ลิงทโมนนะครับย่ากิ่ง แค่เด็กแสบจิตใจดีเท่านั้นเอง อย่ามองน้องในแง่ร้ายสิครับ” ธนกฤตเอ่ยบอกผู้เป็นย่า
“แหม่! มีปกป้อง เป็นเอามากนะเจ้าหลานชาย เอาเถอะๆพากันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป แล้วเดี๋ยวไปถอนสายบัวให้ย่าด้วย” กิ่งกานต์เอ่ยบอกก่อนที่จะแอบลอบยิ้มแล้วเดินขึ้นบ้านไปอย่างมีความสุข แค่ฟังที่หลานชายปกป้องแม่ลิงทโมนนางก็ดีใจแล้ว
“อย่าไปกลัวย่าเลยนังหนู อดีตครูสอนมารยาทไทยก็แบบนี้แหละ ไปๆเจ้าธามพาเมียไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนที่คุณนายกิ่งกานต์จะเอาไม้หวายแช่น้ำเกลือออกมา” ธานินทร์เอ่ยบอกหลานสะใภ้ก่อนที่จะหันมาบอกหลานชาย ธานินทร์และกิ่งกานต์เคยรับราชการครูแม้กระทั่งตอนนี้เกษียณอายุราชการแล้วแต่ก็ยังคงเป็นครูทั้งคู่ ธานินทร์เป็นครูภาษาไทยปัจจุบันชายชราก็ยังคงสั่งสอนลูกๆคนงานที่ทำงานในสวนผลไม้ของตน
“ครับปู่ ตามมาเร็วพริกหวาน” ธนกฤตเอ่ยบอก เด็กสาวรีบวิ่งตามร่างสูงที่เดินนำหน้าไปทันที
“นี่กลัวย่ากิ่งขนาดนี้เลยเหรอหนู” ธนกฤตเอ่ยถามคนที่เอาแต่เกาะแขนเขาไว้ตั้งแต่เปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาจากห้อง สายตาคอยระแวดระวังหันซ้ายหันขวาอยู่ตลอดเวลา
“ก็น่ากลัวมั้ยล่ะหน้าดุขนาดนั้นแถมยังถือก้านมะพร้าว บอกตรงๆนึกถึงครูโหดที่โรงเรียนเลย แสบแขนไม่หาย” พิมพ์ลภัสเอ่ยบอกพลางนึกไปถึง 'ครูโหด' หรือครูที่โหดที่สุดที่เคยฟาดเธอด้วยไม้บรรทัดเหล็กนั้นแหละ
“555 งั้นอย่าเกาะพี่ดีกว่า ท่านจะว่าเป็นสาวเป็นนางมาจับเนื้อต้องตัวผู้ชายมันไม่งาม” ธนกฤตเอ่ยบอก พิมพ์ลภัสรีบผละออกทันที
“พี่จะไปถอนสายบัวที่ไหนอ่ะ” พิมพ์ลภัสเอ่ยถามอย่างสงสัย ตอนนี้เด็กสาวอยู่ในชุดเสื้อคอกระเช้ากับผ้าถุงที่เธอช่างรู้สึกทั้งรำคาญและเดินลำบากมาก สาวน้อยชาวกรุงผู้ไม่เคยนุ่งผ้าถุงยาวถึงตาตุ่มถึงกับออกอาการเดินเหยียบชายผ้าถุงมาสองสามครั้ง
“ที่บ่อปลาหลังบ้านน่ะ ย่ากิ่งปลูกบัวไว้” ธนกฤตเอ่ยบอก
“ไปด้วยนะ ไปด้วย” เด็กสาวผู้เริ่มกลัวเจ้าของบ้านเอ่ยบอกก่อนจะเดินตามแต่ด้วยความไม่คุ้นชินกับผ้าถุงจึงเหยียบเข้าจนเซไปข้างหน้า ธนกฤตรีบถลาเข้ามารับไว้ก่อนที่จะยิ้มออกมา
“ซุ่มซ่ามนะเรา ถ้ามันลำบากนักก็ขยับขึ้นอีกนิดสิ ถึงหัวเข่าย่ากิ่งคงไม่ว่าหรอก” ธนกฤตเอ่ยบอกก่อนที่จะช่วยจัดผ้าถุงให้เด็กสาวจนสาวน้อยถึงกับเขิน
“ไปกันดีกว่า” ธนกฤตเอ่ยบอกหลังจากจัดผ้าถุงให้เด็กสาวเรียบร้อย ผู้การหนุ่มพาเด็กสาวมาถึงบ่อปลาที่มีดอกบัวหลวงอยู่เต็ม
“มา จับมือพี่ไว้” ชายหนุ่มเอ่ยบอกหลังจากก้าวขึ้นไปยืนบนเรือ เด็กสาวจับมือชายหนุ่มไว้ก่อนที่จะก้าวลงแต่เท้าเจ้ากรรมกลับไปสะดุดกับไม้พายที่ถูกวางไว้จนเซไปหาธนกฤต ใบหน้างามถลาไปกระทบกับอกแกร่งจนเหมือนเธอไปจูบแผงอกเขา เสียงจังหวะหัวใจของธนกฤตที่เด็กสาวได้ยินทำให้เด็กสาวเงยหน้าขึ้นไปมองก่อนที่ความเขินอายจะเข้าครอบงำเมื่อสบตากับสายตาอ่อนโยน ทำให้พิมพ์ลภัสรีบผละออกทันทีจนหงายหลังตกลงไปในน้ำ
“ว้าย” ตูม!!! เสียงเด็กสาวร้องขึ้นพร้อมๆกับเสียงน้ำ ธนกฤตหัวเราะสภาพคล้ายลูกหมาตกของเด็กสาวอย่างขำขัน 'หน้อยแหนะ บังอาจมาหัวเราะกันเหรอ พิมพ์ลภัสจะไม่ยอมเปียกคนเดียว'
“โอ๊ยยย พี่ธามช่วยด้วยตะคริวกิน” เด็กสาวเอ่ยพร้อมทั้งทำท่าเหมือนจะจมน้ำทำให้ธนกฤตรีบกระโดดลงไปทันทีด้วยความเป็นห่วง
“พริกหวาน หนูเป็นไงบ้าง” ธนกฤตเอ่ยถามหลังจากว่ายเข้ามาใกล้เด็กสาวที่ว่ายห่างออกมาจากฝั่งพอสมควร
“สงสัยว่า...สงสัยว่า พี่ธามจะโดนดี555 นี่แน่ะ” เด็กสาวเอ่ยเสียงเศร้าก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเสียงใสพร้อมกับการกวักน้ำใส่ชายหนุ่มอย่างสนุกสนาน นาทีนี้ชายหนุ่มรู้แล้วว่าแม่หนูน้อยแกล้งเขา
“แสบนะเรา แบบนี้มันต้องเอาคืน” ธนกฤตเอ่ยก่อนที่จะกวักน้ำใส่เด็กสาว ทั้งสองผลัดกันกวักน้ำใส่กันก่อนที่ร่างสูงจะขยับเข้าไปใกล้แล้วรวบร่างบางมากอดไว้
“มันเขี้ยวนัก ตัวแสบแบบนี้ต้องลงโทษ” ธนกฤตเอ่ยก่อนที่จะโน้มหน้าไปหอมแก้มทั้งสองข้างของเด็กสาว
“เด็กอะไรแก้มทั้งนุ่มทั้งหอม” ธนกฤตเอ่ยก่อนที่จะยิ้มออกมาเมื่อเห็นสีหน้าแดงระเรื่อของพิมพ์ลภัส “แก้มนุ่มๆหอมๆแบบนี้มันต้องฟัดแก้มให้หายมันเขี้ยว”
“อร๊าย!!! อย่านะอีตาพี่ธาม” เด็กสาวเอ่ยอย่างเขินๆก่อนที่จะรัวกำปั้นใส่คนมันเขี้ยวเบาๆอย่างเขินอาย
“นี่หยุดเลยนะทำร้ายร่างกายแบบนี้เดี๋ยวเปลี่ยนจากแก้มมาเป็นปากซะนี่” ธนกฤตเอ่ยขู่ก่อนที่จะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ เขากะจะขู่แต่เอาเข้าจริงกลับอดใจไม่ไหว อยากจะจูบเธอจริง ใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้าไปใกล้ๆ หมายจะจูบริมฝีปากงานแต่แล้ว...
