บทที่ 1-2
ยิ่งยามเจ้าหล่อนส่งยิ้มให้กับทุกคนที่อยู่รอบ พรตรู้สึกได้เลยว่าช่างสว่างสดใสกว่าแสงใดในโลกนี้ นี่คือผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘เมีย’ ของนายพรตคนนี้ ใช่ เมธาวี ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการและเรากำลังจะหย่าขาดจากกันในวันพรุ่งนี้ ไม่ซิ หรือพรตจะเปลี่ยนใจแล้ว
เจ้าหล่อนมีพี่ชายและคุณย่าเขาประกบไว้ พรตยืนมองภาพนั้นอย่างภาคภูมิใจ เมธาวีสวยกว่าทุกคนในงาน ทุกท่วงท่าอิริยาบถน่ามองไปหมด เขาค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ราวกับต้องมนต์สะกด ใบหน้ามีรอยยิ้มที่แสนภูมิใจเกิดขึ้น ยิ่งเมื่อเวลาที่ได้ยินทุกคนชมเมียเขาว่า ‘สวยเหลือเกิน’
พรตสบตากับคุณย่าที่หันมาทางตนพอดี นางปรานีส่งสายตาให้ชายหนุ่มรีบเข้าไปสมทบ พรตตั้งท่าจะเข้าไปแต่แล้วนางเอกของงานกลับเดินออกมาพร้อมพลและชายอีกคน ที่พรตก็เพิ่งเห็นว่าอยู่ในงานด้วย ‘เจ้าโชค’ ทนายความหนุ่มอนาคตใกล้เด็กในอุปการะของคุณย่านั่นเอง
ถ้าพรตคิดไม่ผิดนั่นก็คือ เมธาวีเห็นเขาเต็มสองตา ทั้งคู่สบตากันพอดีแม้ชั่วเวลาหนึ่ง ทว่า... เธอเมินหนีเขา ไม่ส่งสายตาทักทายหรือแม้แต่ส่งยิ้มสักนิดก็ยังดี เมธาวีทำเมินผ่านเหมือนมองไม่เห็นแต่พรตแน่ใจว่าเห็น ที่ทำให้รู้สึกไม่พอใจมากไปกว่านั้นก็คือ เมียเขาสนิทกับเจ้าโชคตั้งแต่เมื่อไร ทำไมถึงได้เดินคุยไปยิ้มไปกับเจ้าโชคได้ โดยไม่สนใจหันมามองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี ที่ยืนเป็นหัวหลักหัวตออยู่ตรงนี้
“ไป เข้างานกันเจ้าพรต” เสียงคุณย่าทำให้พรตดึงสติกลับมา แม้แต่นางปรานีก็ไม่สนใจเขา
ถึงจะเรียกให้เข้างานแต่หญิงวัยกลางคนก็เดินนำหน้าไปสมทบกับเจ้าหญิงของงานเรียบร้อยแล้ว ทิ้งให้พรตยืนเคว้งอยู่เพียงลำพังและทำหน้าที่ผู้ดู ภาพแห่งความเบิกบานที่ไม่มีตนอยู่ในนั้นแม้แต่นิดเดียว
ยิ่งคิดก็ยิ่งมีคำถาม ยิ่งอยากหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุผลการหย่าของเมธาวีเพื่ออิสรภาพแค่นั้นจริงหรือ หรือว่ามีสิ่งใดแอบแฝงที่พรตไม่รู้ แน่นอนว่าคนอย่างเขาไม่มีวันถูกใครหลอกหรือให้ใครมาหยามน้ำหน้ากันได้แน่
‘อย่าทำให้คนอย่างนายพรตเสียหน้าเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นผลที่ตามมาจะประมาณค่ามิได้แน่’
พรตหยิบไวน์ที่อยู่ในถาดบริกรซึ่งเดินผ่านมาพอดีกระดกรวดเดียวลงคอ แล้วค่อยๆ ก้าวเดินตามไปอย่างช้าๆ เพื่อสังเกตบางสิ่งที่สงสัย และเมื่อคิดว่าพอจะได้คำตอบในคำถามนั้น สิ่งแรกที่เขาตัดสินใจเด็ดขาดและจะไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ ก็คือ
จะไม่การหย่าเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้แน่ และถ้าจะหย่าคนที่เอ่ยปากคำนั้น ต้องเป็นพรตคนนี้คนเดียว!
“ไม่หย่า” เสียงนางปรานีอุทานลั่นห้องด้วยความตกใจ
“แกเป็นบ้าอะไรของแก เจ้าพรต เกิดจะมาไม่อยากหย่าอะไรตอนนี้”
หญิงวัยกลางคนทั้งตกใจและแปลกใจ เมื่อจู่ๆ เจ้าหลานชายตัวดีอย่างพรตก็เดินเข้ามาบอกในตอนเช้าตรู่ว่าจะไม่หย่ากับเมธาวี ทั้งที่รับปากและตกลงกันเป็นอย่างดีว่าหลังจากงานเลี้ยงบริษัทเมื่อคืนนี้ ทั้งคู่จะคืนอิสรภาพให้แก่กันด้วยการจดทะเบียนหย่า
แน่นอนว่าผู้ที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากเรื่องนี้อย่างเมธาวีพร้อมอยู่แล้ว แต่ไอ้เจ้าหลายชายตัวดีนี่ซิ ดันมากลับคำเสียเฉยๆ ทำให้นางปรานีต้องตั้งสติเพื่อถามเหตุผลของการ ‘ไม่หย่า’ ครั้งนี้
“ไหนบอกมาซิ ทำไมจะไม่หย่า”
“ก็ผมคิดว่ามันไม่จำเป็นต้องหย่า การหย่าไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น” พรตพูดหน้าตาเฉย
“พูดบ้าอะไรของแก เจ้าพรต” นางปรานีไม่เข้าใจสิ่งที่หลานเอ่ย
“เพราะผมรู้ไงว่าหลานสะใภ้คุณย่าอยากจะหย่าเพื่ออะไร” รอยยิ้มที่มุมปากพรตปรากฏอย่างเจ้าเล่ห์
“เพื่ออะไร ไหนพูดให้กระจ่างซิ” ยิ่งฟังก็ยิ่งปวดหัวและไม่เข้าใจมากไปกว่าเดิม
“จะหย่ากับผมเพื่อไปหาผู้ชายคนอื่นแทน คุณย่ารู้ได้ไงครับว่าผู้ชายคนอื่นจะดูแลหลานสาวของเพื่อนได้ดีกว่าผม”
“เจ้าพรต พูดบ้าอะไรของแก” นางปรานีอารมณ์ขึ้นเป็นครั้งที่สอง
“ที่หนูวีต้องการหย่าก็เพื่อจะได้มีอิสระทั้งสองฝ่าย จะทำอะไรก็ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกันอีก แกไปเอาที่ไหนมาพูดว่าหนูวีจะไปหาผู้ชายคนอื่น”
“ผมเห็น ผมรู้ ผมเดาออก และผมก็เชื่อว่าสิ่งที่รู้ ที่เห็น เป็นเรื่องจริงที่ไม่ต้องพิสูจน์”
“ไอ้พรต” คราวนี้หญิงวัยกลางคนโมโหจริงๆ แล้ว
“แกจะเอาตัวเองไปเปรียบกับหนูวีไม่ได้ อย่าเอาสิ่งที่แกทำเหมาว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนตัวเอง หนูวีไม่เคยมีใคร ไม่ได้ทำตัวอย่างที่แกพูด เลิกทำตัวงี่เง่าแล้วไปหย่าซะให้เรียบร้อย” นางยื่นคำขาดเสียงแข็ง
“ทำไมคุณย่าถึงอยากให้ผมหย่าครับ คุณย่าไม่อยากได้เมธาวีเป็นหลานสะใภ้แล้วเหรอ” พรตย้อนถาม
เรื่องนี้เขาเองก็สงสัยเหมือนกัน เพราะครั้งที่ถูกจับให้แต่งงานกับเมธาวีนั้น นอกจากคำขู่ที่บอกว่าจะตัดออกจากกองมรดกแล้ว เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่นางปรานีต้องการ นางจึงมาบอกเหตุผลที่แท้จริงของการแต่งงานครั้งนี้ว่า
‘ย่าสงสารหนูวี ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนพึ่งพาได้แล้ว ยังไงแกกับหนูวีก็เคยเห็นกันมาแต่เล็ก ถึงตอนนี้จะยังไม่ได้รักไม่ได้ชอบอย่างผัวเมีย แต่อย่างน้อยย่าก็มั่นใจว่าแกจะไม่ทำร้ายน้อง และเชื่อว่าถ้าเกิดย่าเป็นอะไรไป อย่างน้อยแกก็จะเห็นแก่ย่าดูแลหนูวีได้ดีแน่ๆ’
“หรือว่าคุณย่าเห็นว่ามีคนอื่นที่สามารถดูแลเมธาวีได้ดีกว่าผมแล้ว” พรตนึกถึงหน้าเจ้าหมอนั่น คนโปรดของคุณย่านั่นแหล่ะไม่ใช่ใครอื่น
“แกพูดบ้าอะไรเนี่ย ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าหนูวีต้องการหย่า ก็เพื่อที่แกจะได้มีอิสระ อยากจะทำอะไรก็ทำได้ตามชอบใจ อีกอย่างหนูวีเองก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว ก็ควรจะได้ใช้ชีวิตในอย่างที่ตัวเองต้องการ” นางปรานีเอ่ยแล้วนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้นที่เมธาวียื่นข้อเสนอนี้
‘วีอยากจะหย่าให้คุณพรตค่ะ’
‘อะไรกันหนูวี เจ้าพรตทำอะไรให้เสียใจหรือโกรธ บอกมาย่าจะไปจัดการให้’
‘ไม่เลยค่ะ วีแค่อยากจะคืนอิสระให้คุณพรต คุณย่าคะ วีโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว ความรักความหวังดีที่คุณย่ามีให้ วีขอกราบขอบพระคุณมาก แต่วีคิดว่าการแต่งงานไม่ใช่วิธีปกป้องที่ดีที่สุดและทำได้ตลอดชีวิตแน่ วีควรเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตและดูแลตัวเองมากกว่าที่จะมาให้คนอื่นรับผิดชอบชีวิต’
‘หนูวี แต่เจ้าพรตไม่เคยว่าอะไรเลยนะ’
‘วีรู้ค่ะ ที่คุณพรตไม่พูดแต่ไม่กลับบ้านเลยมาเป็นปีก็เพราะเกรงใจคุณย่า และเพราะวีอยู่ที่นี่ ทำไมเราต้องทำให้คุณพรตกลายเป็นคนนอกครอบครัวไปล่ะคะ ในเมื่อที่นี่มีคุณย่า มีพี่พลที่เป็นคนในครอบครัวของคุณพรตจริงๆ คุณย่าเชื่อวีเถอะค่ะ วีต้องการหย่าเพื่อคืนอิสระให้คุณพรตจริงๆ ไม่ได้มีอย่างอื่น และวีก็อยากขอโทษที่ทำให้คุณพรตลำบากตลอดหนึ่งปีที่แต่งงานกับวี’
‘โธ่ หนูวี’
‘วีสัญญาค่ะว่าจะดูแลตัวเองดีๆ จะไม่ทำให้คุณย่าต้องเป็นห่วง คุณย่าอย่าคิดมากและไม่ต้องเครียดนะคะ วีตัดสินใจดีแล้ว รบกวนคุณย่าช่วยนัดคุณพรตให้วีหน่อยนะคะ สะดวกวันไหนเมื่อไรวีพร้อมเสมอค่ะ’
“คุณย่าครับ” เสียงพรตทำให้หญิงวัยกลางคนรู้สึกตัวขึ้นมา
“แกไม่ต้องลีลามากเจ้าพรต ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วไปอำเภอกับย่า”
“ผมบอกแล้วไงว่าจะไม่มีการหย่า” พรตเสียงแข็งเล็กน้อย นางปรานีสบตาหลานชายแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
“แกจะทำอะไรของแก เจ้าพรต”
“ผมก็จะทำในสิ่งที่คุณย่าต้องการไงครับ จะไม่มีการหย่าระหว่างผมกับเมธาวีเด็ดขาด ไม่มีทาง” พรตเอ่ยชัดถ้อยชัดคำอีกว่า
“คนอย่างผมไม่ใช่นึกจะแต่งก็แต่ง นึกจะหย่าก็หย่า ผมไม่ใช่ตุ๊กตาให้ใครมาใช้ประดับตัว พอไม่ชอบแล้วก็จะเขี่ยทิ้งง่ายๆ อีกอย่างหลานสาวเมธาวีของคุณย่าคนนี้ ก็หยามหัวใจผมเหลือเกิน”
“หยามหัวใจอะไรของแก” นางปรานีเวียนหัวกับการเจ้าบทเจ้ากลอนของพรตเหลือเกิน
“ก็หยามที่คิดจะหย่ากับผม แล้วไปหาคนที่ไม่ได้ดีกว่าผมสักเท่าไรไงครับ”
“เจ้าพรต พูดบ้าอะไรอีกแล้ว เอาเถอะ แกจะทำอะไรจะตัดสินใจยังไงก็เอาสักอย่าง ถ้าจะหย่าก็ไปอำเภอกับย่า แต่ถ้าไม่ก็ไปคุยกับหนูวีให้เข้าใจซะ จะเอาไงก็เอากัน ย่าปวดหัวแล้ว” หญิงวัยกลางคนส่ายหน้าเบาๆ
“คุณย่าบอกให้เมธาวีรู้ได้เลยครับว่าจะไม่มีการหย่าเกิดขึ้น และผมจะไปหาเธอด้วยตัวเองวันนี้”
ถ้านี้ไม่ใช้การพูดต่อหน้า นางปรานีคงไม่เชื่อแน่ว่าพรตประกาศออกมาจากปากว่า จะไปหาเมียตามกฎหมายที่ละเลยกันมานานถึงหนึ่งปีเต็ม
เกิดอะไรขึ้น สงสัยฝนฟ้าจะไม่ตกต้องตามฤดูกาลเสียแล้วกระมัง!
