บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2

รำไทยส่งเงินค่าแท็กซี่ให้กับลุงคนขับ จากนั้นจึงหอบหิ้วกระเป๋าและก้าวลงจากรถ ดวงตากลมโตดำขลับที่ไร้การแต่งแต้มโดยสิ้นเชิงเบิกกว้างด้วยความชื่นชมเมื่อได้เห็นคฤหาสน์กลางกรุงที่ถูกจัดว่าสวยงามมากๆ แห่งหนึ่งในประเทศไทยอยู่เบื้องหน้า

สาวน้อยกระชับกระเป๋าในมือที่ชื้นเหงื่อของตัวเองให้แน่นขึ้น ขณะก้าวเท้าเดินตรงเข้าไปภายในสิ่งก่อสร้างที่งดงามอ่อนช้อยตรงหน้า คฤหาสน์อิสรเกษมสวยงามสมคำล่ำลือจริงๆ รอยยิ้มละไมแต้มใบหน้างาม ลืมความเครียดที่อัดแน่นอยู่ภายในใจมาตลอดทั้งคืนไปชั่วขณะ

ปี๊น!!!เอี๊ยด!!!

เสียงแตรรถพร้อมๆ กับเสียงเบรกจนล้อลากไปกับพื้นดังสนั่นขึ้นที่ด้านหลัง สาวน้อยตกใจสุดขีดสะดุดขาของตัวเองจนล้มลงกองกับพื้น เบิกตากว้างมองเจ้ารถที่จ่ออยู่กับร่างของตัวเองในระยะกระชั้นชิดด้วยความตื่นตระหนก แล้วก็พ่นลมหายใจออกมาจากปากเมื่อเห็นมันหยุดนิ่งไม่เคลื่อนที่อีกแล้ว

“ถ้าอยากตายก็ไปยืนอยู่กลางถนนนู่น ไม่ใช่มาขวางทางฉันแบบนี้!”

เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลของเจ้าของรถเมอร์เซเดสเบนซ์สปอร์ตสีดำคันงามตรงหน้าดังกระหึ่มขึ้นลั่นโสตประสาท และนั่นมันก็ยิ่งทำให้รำไทยตัวสั่นงกๆ พยายามจะลุกขึ้นยืนแต่จนแล้วจนรอดก็ทำไม่สำเร็จ ต้องนั่งแหงกอยู่แบบนั้นต่อไป

“ฉันขอ...โทษค่ะ ไม่ได้ตั้งใจ...”

“ไม่ได้ตั้งใจก็ลุกขึ้นสิ หลีกไปให้พ้นๆ ซะ!”

พ่อคนที่นั่งนิ่งอยู่บนรถยังตะคอกใส่ไม่เลิก แต่หล่อนไม่มีสิทธิ์ไปโกรธเขานี่ ในเมื่อหล่อนเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเอง เขาไม่ชนเข้าให้ก็ดีแค่ไหนแล้ว รำไทยมีความคิดไม่ผิดจากนางเอกในละครเลยแม้แต่นิดเดียว

“ฉัน... ขาแพลงลุกไม่ขึ้นค่ะ”

รำไทยพยายามที่จะขยับตัวอีกครั้งแต่ผลก็เป็นแบบเดิมคือไม่สามารถเคลื่อนกายให้พ้นรัศมีล้อรถของพ่อคนอารมณ์ร้ายที่อยู่บนรถได้ หญิงสาวได้ยินเสียงเขาสบถเบาๆ ในลำคอด้วยความขุ่นเคือง ก่อนที่จะเปิดประตูรถและลงมาเผชิญหน้ากับหล่อน

ให้ตายเถอะ เหมือนกับโลกหยุดหมุนทันทีเมื่อหล่อนกับเขาได้ประสานสายตากัน กระแสไฟฟ้าแล่นปรู๊ดปร๊าดไปทั่วทั้งร่างเพียงแค่ได้เห็นใบหน้าของผู้ชายคนนี้อีกครั้ง ภามิน อิสรเกษม ผู้ชายที่ฝังอยู่ในความทรงจำของหล่อนตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตากัน ริมฝีปากแห้งผากลำคอสาวเป็นผุยผงแขนขาอ่อนเปลี้ยจนแทบจะเป็นลม พยายามบังคับสายตาให้ก้มลงมองพื้นไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว เขาสง่างามจนคนมองอย่างหล่อนหัวใจแทบหยุดเต้นเพราะความสมบูรณ์แบบไร้ที่ตินั้น เขาดูอันตรายสุดขีด แต่ก็น่าค้นหาอย่างที่สุดเช่นกัน

ไม่คิดว่าผู้ชายที่แทบจะปลิดชีวิตของหล่อนวันนี้จะเป็นเขาไปได้...

“เอ่อ...”

“นึกว่าใคร ที่แท้ก็เด็กรับใช้ในบ้านน้ามุกนี่เอง...”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงดูแคลน ความเหย่อหยิ่งและถือตัวของเขาทอรัศมีออกมารอบๆ กายสูงสง่าที่น่าจะเกินหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรอย่างแรงกล้า

รำไทยหน้าชาดิก ก้มหน้ามองพื้นนิ่งหัวใจเต้นโครมครามด้วยความรู้สึกมากมายสับสนปนเปกันมหาศาล แต่เจ้าความรู้สึกที่มีมากที่สุดก็คงจะหนีความอับอายและขายหน้าไม่พ้น ผู้ชายคนนี้หล่อมาก หล่อราวกับไม่ใช่มนุษย์ก็จริง แต่เขาก็ใจร้ายไม่ผิดจากจอมมารสักนิด

ภามินย่อตัวสูงๆ ของตัวเองนั่งลงบนส้นเท้า จ้องใบหน้างามที่ติดตราตรึงใจของรำไทยด้วยสายตาไร้ความรู้สึกใดๆ แม้พึงจะพยายามแสดงออกไปเช่นนั้น แต่ภายในอก ภายในร่างกายกลับขานรับต่อเสน่ห์นางอย่างรุนแรงจนเขาอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ ความงามความเย้ายวนและแน่นอนว่าเจ้าหล่อนจะต้องหอมหวานไปทั้งเนื้อทั้งตัวทำให้เขาดื่มด่ำกับทุกรายละเอียดบนดวงหน้านวลนั้นไม่วางตา แก้มนวลเจือเลือดฝาดจนเป็นสีก่ำ ขณะที่ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก เขาลอบยิ้มออกมาเมื่อได้มองกลีบปากอิ่มเต็มสีแดงสดของเจ้าหล่อนชัดๆ เต็มตาแบบนี้ มันน่าจูบ... น่าขยี้ด้วยปากร้อนๆ ของเขายิ่งนัก

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ารำไทยจะยิ่งมองก็ยิ่งสวยแบบนี้ เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนเขาก็รู้สึกอึดอัดแทบบ้าที่ต้องเห็นเจ้าหล่อนอยู่ในรัศมีสายตา แต่ตอนนี้นะกำลังจะบ้ามากกว่าอีกเมื่อเห็นหล่อนอยู่ใกล้แค่เอื้อม อยากจะทำอะไรต่อมิอะไรกับเจ้าของร่างอรชรอ้อนแอ้นสมส่วนของเจ้าหล่อนให้หายอยากนักให้ตายสิ...

ชายหนุ่มเลื่อนสายตาคมกริบของตัวเองจากกลีบปากอิ่มของรำไทยต่ำลงไปยังลำคอระหงที่ขาวเนียนหน้าดูดเม้มด้วยปากนัก และต่ำลงไปกว่านั้น แม้เจ้าหล่อนจะใส่เสื้อผ้ามิดชิดแบบปิดถึงลำคอ แต่ความอวบอัดของเต้างามที่พุ่งดันเสื้อตัวสวยออกมาก็ทำให้เขาถึงกับปากคอแห้งผาก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแค่เพียงได้มอง ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์ในเรื่องเพศรสแบบเขาจะรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัวแบบนี้

ภามินบิดปากด้วยความคลื่นไส้สะอิดสะเอียนต่อความคิดของตัวเองที่มีต่อผู้หญิงตรงหน้า เขาสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ ราวกับต้องการเรียกสติของตัวเองเช่นกัน และเมื่อสามารถควบคุมฮอร์โมนทางเพศให้เข้าที่เข้าทางได้แล้ว วาจาเผ็ดร้อนก็เริ่มต้นขึ้นอีก

“มาวุ่นวายที่นี่ทำไม...” ชายหนุ่มกระชากเสียงถามออกไป แล้วก็นึกขึ้นได้

“อ๋อ... เธอจะมารับจ๊อบสอนแม่ฉันนี่น่า...”

ความวาบหวามพุ่งเข้าทิ่มแทงร่างกายทันทีเมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ของผู้ชายที่หล่อยิ่งกว่าเทพบุตรบนสวรรค์คว้าหมับมาที่เอวคอด จากนั้นก็ดึงร่างของหล่อนให้ลุกขึ้นยืนตามร่างสูงใหญ่ของเขา แม้กิริยาจะไม่ได้อ่อนโยนแต่รำไทยก็ยังอดเคลิบเคลิ้มไม่ได้ หัวใจของหล่อนเต้นแรงราวกับกำลังถูกใครกระหน่ำตี

“ยืนดีๆ สิ...”

และด้วยขาที่ยังเจ็บอยู่นั้นก็ทำให้หญิงสาวไม่มีทางยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้ ร่างอรชรที่ซ่อนความอวบอัดเอาไว้มากมายจึงเสียหลักเอนพิงกายทรงพลังที่แน่นปั๋งไปด้วยกล้ามเนื้อเข้าโดยบังเอิญ และนั่นมันก็ทำให้กองไฟกองใหญ่ภายในกายหนุ่มของภามินระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงเมื่อเรือนกายเสียดสีกันไปมา

“อย่ายั่วให้มากนักนะ”กัดฟันเค้นเสียงคำรามใส่หน้าออกไป

“ฉัน...ไม่ได้ยั่วนะคะ... แต่ยืนไม่ไหวจริงๆ”

เงยหน้าขึ้นปฏิเสธแต่แล้วก็ต้องตกอยู่ในมนต์ขลังของผู้ชายสุดหล่ออีกครั้ง ทั้งคู่สบตากันเนิ่นนาน ก่อนที่ภามินจะเป็นฝ่ายรู้สึกตัวและผละออกห่าง แต่กระนั้นมือใหญ่ก็ยังคงกระชับเอวคอดและต้นแขนกลมกลึงเอาไว้กันเจ้าหล่อนล้มหน้าคว่ำลงไปกับพื้นอีกครั้ง

“น่ารำคาญชะมัด...”

หนุ่มหล่อระเบิดลมหายใจออกมาหนักๆ จากนั้นก็พยุงแกมลากร่างอรชรของรำไทยไปยัดใส่รถสปอร์ตเปิดประทุนของตัวเอง ภามินปิดประตูรถแรงๆ ก่อนจะกระโดดขึ้นรถและขับเข้าไปในบ้านที่อยู่ห่างจากรั้วเข้าไปเป็นร้อยๆ เมตรด้วยความเดือดดาล แต่ก็ยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้อยู่ดีว่าเขาเดือดดาลใครมากกว่ากัน ระหว่างแม่สาวน้อยรำไทยแสนงามคนนี้ หรือว่าตัวเอง?

เพียงแค่อึดใจเดียวรถสปอร์ตสีดำคันงามที่ขับด้วยความเร็วสูงก็เคลื่อนจากหน้ารั้วมาหยุดที่หน้าตึกใหญ่ของคฤหาสน์อิสรเกษม คนตัวโตดับเครื่องรถเปิดประตูออกและรีบก้าวลงไปทันที โดยไม่คิดจะหันมาพูดอะไรกับหล่อนเลยแม้แต่คำเดียว รำไทยนั่งอึ้งอยู่นานกว่าจะก้าวลงมาจากรถได้

“ไม่ได้ไปทำงานหรือพ่อภาม”

เสียงนุ่มอบอุ่นที่หล่อนจำได้ดีว่าเป็นเสียงของคุณน้าพราวฟ้าดังขึ้นด้านใน และมันก็ทำให้รำไทยเป่าปากออกมาด้วยความโล่งอกเลยทีเดียว

ในที่สุดก็ไม่ต้องเคว้งคว้างแล้วเรา...

“ผมลืมเอกสารสำคัญเอาไว้น่ะครับ ก็เลยรีบกลับมาเอา...”

ภามินรีบก้าวเท้าขึ้นบันได แต่แล้วก็ชะงักและหันหน้ากลับมาหามารดาที่นั่งอยู่ในห้องโถงอีกครั้ง

“มีแขกคุณแม่มาครับ อยู่หน้าตึกแนะ”

“ใครหรือพ่อภาม” พราวฟ้าละสายตาจากคู่มือทำขนมหวานขึ้นมองบุตรชายด้วยความสงสัย

ภามินแค่นยิ้มน้อยๆ “ก็คุณแม่นัดใครไว้ล่ะครับ” พูดจบก็ก้าวขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับมาตอบคำถามใดๆ ของมารดาอีกเลย

“คนที่นัดไว้หรือ? หนูรำไทยกับหนูมารัน...”

เจ้าของบ้านวัยกลางคนระบายยิ้มออกมา และรีบลุกขึ้นยืน กำลังจะเดินออกไปหน้าตึกแต่ร่างอรชรของรำไทยที่เดินกะโผลกกะเผลกก็ปรากฏตัวขึ้นซะก่อน พราวฟ้าฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ

“หนูรำไทย... มานี่มานั่งกับน้านี่จ้ะ”

พร้าวฟ้ารีบชักเชิญเสียงตื่นเต้น รำไทยยกมือไหว้ด้วยความอ่อนน้อม ขณะลากสังขารที่ยังเจ็บอยู่มาทรุดนั่งลงตรงหน้าของพราวฟ้าได้สำเร็จ

“ขาหนูเป็นอะไรไปล่ะ ทำไมเดินกะเผลกพิกล”

รำไทยยิ้มบางๆ ส่ายหน้าน้อยๆ “อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ แต่ไม่เป็นอะไรแล้ว”

พราวฟ้าพยักหน้ารับ ก่อนจะทำท่าชะเง้อชะแง้ราวกับมองหาใครบางคน “แล้วนี่หนูรันไม่มาพร้อมกันหรอกเหรอ” คำถามของสตรีต่างวัยตรงหน้าทำเอารำไทยถึงกับต้องก้มหน้าหลบตาเลยทีเดียว

“เอ่อ... คุณรันจะตามมาทีหลังค่ะ”

“แต่หนูรันต้องไปทานข้าวกับพ่อโรมเย็นนี้นี่นา... แล้วจะมาทันเหรอ”

เสียงของพราวฟ้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง รำไทยฟังแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิดนัก แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น

“คุณรันบอกว่าให้หนูไปแทนค่ะ เธอฝากของมาให้คุณโรมพัทด้วย”

คำตอบของรำไทยไม่ได้ทำให้แค่พราวฟ้าต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจคนเดียว แต่ผู้ชายที่พึ่งเดินลงมาจากบันไดก็ถึงกับต้องเหลียวมองด้วยอีกคน

“หนูหมายความว่ายังไงจ๊ะ น้างงจังเลย...”

“เอ่อ...”

“อย่าบอกนะว่าที่มานี่จะมาเป็นตัวแทนของน้องรันไปดินเนอร์กับพี่โรมน่ะ...”

เสียงกระด้างของภามินที่ดังขึ้นที่ปากประตูห้องโถงทำให้สองสาวต่างวัยหันขวับไปมองพร้อมๆ กับ และก็ได้เห็นความเหยียดหยาม ดูแคลนบนใบหน้าหล่อเหลานั้นเต็มๆ ตา

“ทุเรศสิ้นดี...”

“ทำไมว่าน้องแบบนั้นล่ะพ่อภาม น่าเกลียดจังเลย”

พราวฟ้าเห็นรำไทยหน้าซีดเผือดก็รีบเอ็ดตะโรบุตรชายคนเล็กทันที แต่เจ้าหมอนี่มันยอมฟังใครที่ไหนกันล่ะ ไม่รู้ตอนตั้งท้องหล่อนเผลอกินอะไรแสลงเข้าไป พ่อนี่ถึงได้เอาแต่ใจสุดฤทธิ์สุดเดชแบบนี้

“ความจริงไม่ใช่สิ่งน่าเกลียดนี่ครับ แต่คนที่ทำเป็นหงิมๆ ติ๋มๆ แต่ข้างในเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานมากกว่าครับที่น่าเกลียด ผมไปล่ะ”

ภามินพูดทิ้งท้ายเอาไว้ได้อย่างเจ็บแสบ ก่อนจะพาตัวเองเดินหายออกไป เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มและเคลื่อนตัวออกไปทำให้หล่อนรู้ว่าจอมมารไปแล้ว

พราวฟ้าถอนใจออกมาด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะหันไปปลอบใจรำไทยที่นั่งตาแดงๆ อยู่ข้างๆ ด้วยความสงสารสุดกำลัง

“อย่าคิดมากเลยนะหนูรำไทย ลูกชายของน้าคนนี้ก็เป็นแบบนี้แหละ ปากร้ายไปเรื่อย แต่เขาไม่มีอะไรหรอกนะ เป็นคนใจดีมากอีกต่างหาก”

แม้จะไม่เห็นว่าภามินจะมีจิตใจดีอย่างที่พราวฟ้าสาธยายแค่ไหน แต่รำไทยก็เก็บความคิดนั้นเอาไว้แต่เพียงในใจ ก่อนจะพยักหน้ารับน้อยๆ ด้วยความเซื่องซึม

“หนูไม่ติดใจอะไรหรอกค่ะ”

“แล้วนี่บอกได้ไหมว่าทำไมหนูรันถึงส่งหนูมาแทนล่ะ ในเมื่อหนูรันต่างหากที่เป็นคู่หมั้นของพ่อโรม ไม่ใช่หนูสักหน่อย รำไทย...”

หญิงสาวก้มหน้านิ่งอยากจะบอกอยากจะพูดทุกอย่างออกไปแต่ก็ทำไม่ได้จำต้องเก็บไว้ในใจอย่างเดียว

“หนูก็ไม่ทราบหรอกค่ะ คุณรันบอกเพียงแต่ว่าจะตามมาทีหลัง และให้หนูไปพบคุณโรมพัทแทนค่ะ แต่เธอฝากของมาให้คุณโรมพัทด้วยนะคะ เหตุผลของการกระทำทุกอย่างของคุณรันน่าจะอยู่ในนั้นค่ะ” แม้จะเป็นเพียงแค่การสันนิษฐานแต่มันก็ทำให้พราวฟ้าคล้อยตามได้

“งั้นเย็นนี้หนูก็ไปดินเนอร์กับพ่อโรมก็แล้วกันนะ เดี๋ยวน้าจะให้พ่อภามขับรถไปส่ง”

“ไม่ต้องค่ะ หนูไปเองจะสะดวกกว่า”

สาวน้อยรีบค้านทันควันเพราะไม่อยากอยู่ใกล้ผู้ชายแสนอันตรายอย่างภามินอีก ยิ่งอยู่ใกล้หัวใจก็ทั้งเจ็บปวด ทั้งเต้นแรงจนหล่อนเหนื่อยจับจิต

“หนูไปถูกเหรอ ตอนนี้พ่อโรมอยู่พัทยาเชียวนะ”

รำไทยอ้าปากค้าง ใบหน้างามเต็มไปด้วยความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “พัทยาหรือคะ? หนูนึกว่านัดกันที่กรุงเทพฯ เสียอีก”

พราวฟ้าส่ายหน้าอมยิ้มบางๆ “ถ้าเป็นที่กรุงเทพฯ น้าคงเลื่อนนัดแล้วเรียกพ่อโรมกับมาที่บ้านแล้วล่ะ แต่นี่พ่อโรมมีงานด่วนที่พัทยาและต้องอยู่ที่นั่นอีกหลายวันเลยทีเดียว ทีเนี้ยให้พ่อภามไปส่งได้หรือยังจ๊ะหนูรำไทย”

ไม่มีทางเลือก... ไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ หรือสำหรับหล่อน...

“ค่ะ น้าพราว...”

ก้มหน้ามองมือตัวเองที่ประสานเอาไว้บนตักนิ่ง หัวใจเต้นรุนแรงปะทะเข้ากับหน้าอก มือไม้เย็นเฉียบเมื่อนึกช่วงเวลาที่จะต้องอยู่กับผู้ชายที่ชื่อภามินอีกครั้ง หากเป็นไปได้หล่อนอยากจะอยู่ให้ไกลจากผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่แทบจะกระชากลมหายใจออกจากปอดของหล่อนจนหมดเพียงแค่ได้สบตา

“ดีมากจ้ะ อย่างนั้นเดี๋ยวน้าจะให้แม่บ้านพาหนูขึ้นไปพักผ่อนนะ นี่แม่ทับทิมมานี่หน่อย” พราวฟ้าพูดกับหล่อนแล้วก็หันไปควักมือเรียกหญิงผมสีดอกเลาร่างท้วม

“มีอะไรให้อิฉันรับใช้หรือคะคุณผู้หญิง”

หญิงผมสีดอกเลาร่างท้วมเอ่ยถามเสียงนุ่มนวล ขณะชำเลืองมองใบหน้างดงามของรำไทยด้วยความทึ่งจัด ผู้หญิงอะไรสวยบาดตาจริงๆ

“พาหนูรำไทยขึ้นไปพักผ่อนนะ เอาห้องใกล้ๆ กับพ่อภามนั่นแหละ”

รำไทยหน้าแดงก่ำ ขณะที่แม่บ้านวัยชราพยักหน้าและยิ้มอย่างเข้าใจ

“ได้ค่ะคุณผู้หญิง เชิญค่ะคุณรำไทย”

หญิงสาวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยกมือไหว้ลาพราวฟ้า และเดินตามหญิงชราร่างท้วมขึ้นบันไดไปอย่างไม่มีทางเลือก

พราวฟ้ามองตามร่างอรชรของรำไทยด้วยสายตาพึงพอใจ “เด็กอะไรเรียบร้อย น่ารักเหลือเกิน อย่างนี้ต้องขอยายมุกมาเป็นลูกสะใภ้อีกสักคนแล้วล่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel