บทที่ 2. สัญญาผูกพัน จบตอน
“ไหนคุณมีอะไรกับฉันกันแน่คุณอิฐ” เมื่อท้องอิ่มแล้ว ณดาก็เริ่มชวนเขาคุยเป็นการเป็นงานเมื่อเขากับเธอเข้ามานั่งในรถคันหรูของเขาแล้ว เพราะเธอไม่เชื่อแน่ๆ ว่าการที่เขาเข้ามาพัวพันกับเธอเพราะต้องการเลี้ยงขอบคุณเท่านั้นแน่ๆ
“ดีเลย ผมชอบคนตรงไปตรงมา ผมต้องการคุณ”
“ห้ะ บ้ารึเปล่าคุณ อยู่ๆ มาบอกว่าต้องการกันง่ายๆ แบบนี้ ฉันไม่ได้ขายตัวนะ” ณดาเสียงเขียวหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำพูดของเขา หน็อย ไอ้เราก็นึกชื่นชมว่าคนหล่อๆ ดูดีอย่างเขากินง่ายอยู่ง่ายอัธยาศัยดี สุดท้ายก็พวกหน้าหม้อ
“นี่คุณใจเย็นๆ สิ ผมยังพูดไม่จบเลย” อิฐรีบคว้าข้อมือเล็กไว้เมื่อเธอทำท่าจะเปิดประตูรถลงไป
“จะพูดอะไรในเมื่อคุณพูดออกมาชัดเจนแล้ว ไอ้เราก็นึกว่าจะเป็นคนดี สุดท้ายก็หน้าหม้อเหมือนกันหมด”
“โอ๊ย นี่คุณ ใจเย็นๆ ก่อน ฟังก่อนสิ ผู้หญิงอะไรขี้โมโหชะมัด”
“ฉันไมได้ขี้โมโหถ้าคุณไม่ทำให้ต่อมโมโหของฉันสะเทือน”
หญิงสาวหันไปมองเขียวไม่เลิกพยายามจะสะบัดข้อมือออกจากอุ้งมือใหญ่ของเขา
“ฟังผมก่อน นั่งนิ่งๆ แล้วตั้งสติดีๆ งานนี้มีค่าจ้างสิบล้าน” สิบล้าน... ณดาหูผึ่งเงยหน้ามองสบตาคมของเขาอย่างตื่นเต้น
“เอาล่ะนั่งฟังผมดีๆ ชัดๆ ผมไม่ชอบพูดพร่ำเพรื่อไร้สาระ” อิฐหยุดพูดแล้วมองหน้าเธอเล็กน้อยเหมือนจะดูปฏิกิริยาของเธอ ณดานั่งตัวตรงเชิดหน้าไว้ตัวเล็กน้อยเขาจะได้ไม่มองว่าเธอเห็นเรื่องเงินเป็นใหญ่
“ว่ามาสิ” แหม เงินสิบล้านจะได้มาแบบไหนนะ... หญิงสาวคิดอย่างกระหยิ่มในใจแต่ใบหน้าเรียบเฉย...
“ผมต้องการให้คุณจดทะเบียนสมรสกับผม.. อ๊ะๆ ฟังเงื่อนไขก่อน ผมจะอธิบายให้ฟัง เอาเป็นว่าไปที่บริษัทผมก่อนดีกว่า วันนี้ผมมีประชุมช่วงเย็นประมาณหนึ่งชั่วโมง คุณรอได้ไหม” อิฐยกนาฬิกาดูเวลาณดาเองก็ขยับตัวอย่างอึดอัดเพราะคืนนี้เธอมีงานเต้นที่ผับ
“แต่ฉันมีงานตอนค่ำ..”
“รับงานโคโยตี้รึไง” หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะหันไปหรี่ตามองเขาอย่างระแวง
“ผมแอบสืบเรื่องคุณมาบ้างแต่ผมไม่ได้คิดร้าย เอาเป็นว่าหากคุณไว้ใจผม และยอมฟังเงื่อนไขของผม คืนนี้ผมจะจ่ายค่าเต้นให้คุณเอง”
“งั้นจ่ายมาก่อนห้าพัน” ณดารีบแบมือไปตรงหน้าเขาทันที
“อะไรกันคุณ นี่จะเอาเงินเลยเหรอ”
“ก็แหงล่ะ ฉันต้องโทร. ไปแคนเซิลงาน เผลอๆ โดนเจ้าของร้านด่าด้วย จะหยุดงานทั้งทีก็ต้องดูว่ามันคุ้มที่จะหยุดไหม เงินมันหายากนะคุณไม่ใช่เดินไปก็เจอ” ณดาค้อนเขาไปทีหนึ่งแล้วก็แอบยิ้มเมื่อเห็นเขาควักเงินออกมานับให้เธอ
“ผมให้หกพันเลยละกัน ผมมีติดตัวมาเท่านี้หมดแล้ว แต่ถ้าคุณรับงานผมจะได้เยอะกว่านี้ และเป็นงานสุจริตด้วย” อิฐบอกเหมือนรู้ว่าเธอจะว่างานที่เขาเสนอให้เป็นงานที่ผิดกฎหมาย
“โอเค ฉันจะยอมเชื่อใจคุณสักครั้ง เห็นแก่ว่าเป็นเพื่อนคุณภีมนะ” หญิงสาวรีบเก็บเงินใส่กระเป๋าหน้าบาน
“คุณสนิทกับไอ้ภีมเหรอ”
“ก็ไม่ถึงขั้นสนิทแต่ก็พูดคุยด้วยสนิทใจ คุณภีมเป็นคนดี ฉันชอบเขา”
“ต่อไปนี้ห้ามชอบมัน เพราะหากคุณรับงานผมแล้วห้ามชอบคนอื่น” ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงขึ้นมาทันแล้วยังหันมามองเธอตาขุ่นอีกต่างหาก ณดาอ้าปากค้างตามอารมณ์ของเขาไม่ทันแต่อิฐก็ออกรถไปด้วยความเร็วเธอจึงต้องรีบคาดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะหันไปมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“สงสัยคุณต้องเป็นพวกวัยทองแน่ๆ อารมณ์แปรปรวน” ชายหนุ่มหันมาทำท่าแยกเขี้ยวใส่เธอ ณดาหัวเราะเบาๆ อย่างชอบใจแล้วหันหน้าออกไปมองนอกรถ จึงไม่ได้เห็นแววตาของคนที่มองมาว่าเป็นเช่นไร...
ณดาโทรศัพท์ขอลางานที่ผับหนึ่งวันแต่ก็ไม่วายโดนตำหนิเล็กน้อยหญิงสาวขอโทษขอโพยผู้จัดการร้านแล้วก็มานั่งรออิฐในห้องทำงานของเขาหญิงสาวมองสำรวจห้องทำงานอันโอ่อ่าด้วยความชื่นชม แต่เมื่อเลขาของอิฐเข้ามาเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ระหว่างรออิฐ ณดาก็พบว่าแม่เลขาสาวสวยทรงโตมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่ดูเป็นอริเปิดเผย หญิงสาวกอดอกเชิดหน้ามองอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกันแล้วเดินไปใกล้ๆ เลขาของอิฐที่เธอสังเกตว่าเจ้าหล่อนมองเธออย่างไม่เป็นมิตรตั้งแต่เดินเข้ามาแล้วและยังจะมาแสดงอาการกระแทกกระทั้นใส่เธออย่างไม่มีเหตุผล ณดาเริ่มเดือดขึ้นมาเมื่อเห็นแววตาไม่เป็นมิตรของอีกฝ่ายจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป...
“มีอะไรกับฉันรึเปล่าคะ หมายถึง มีอะไรสงสัยอยากรู้อยากถามไหม”
“ฉันไม่ได้มีหน้าที่ตอบคำถามคู่ขาของเจ้านาย...” อวดดี.. นั่นคือสิ่งที่ณดาคิด แต่หญิงสาวก็ทำเพียงยิ้มบางๆ แล้วตอบกลับไปเรียบๆ
“ที่ถามนี่ไม่ใช่อะไรหรอกนะ เวลาด่าจะได้ด่าถูกหัวข้อ ตั้งแต่เดินเข้ามาแล้วฉันเห็นเธอมองฉันด้วยหางตาก็เลยจะถามว่าเป็นสันดานที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดหรือมองเพราะไม่ชอบหน้าจริงๆ ถ้าเป็นกิริยาอาการที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดก็พอให้อภัยได้เพราะของแบบนี้มันแก้ยาก บางคนอาจจะไม่มีอะไรแต่เพราะหน้าตาดุแววตากวนอวัยวะเบื้องล่างโดยธรรมชาติก็พอทำให้ไม่คิดมาก แต่ถ้าไม่ชอบหน้ากันอยากจะถามว่า เพราะอะไรถึงไม่ชอบทั้งที่เราเพิ่งเจอหน้ากัน” ณดาเปิดฉากพูดตรงๆ ไปเลยเพราะไม่อยากเก็บความรู้สึกอะไรไว้
“พูดแบบนี้หมายความว่าไงยะ” ใบหน้าที่เมคอัพเสียสวยพริ้งเริ่มบูดบึ้งตัวสั่นระริกจนน่าขัน
“เธอเป็นเลขาของคุณอิฐใช่ไหม ทำงานมานานรึยัง ที่ฉันอยากจะรู้ก็เพื่อจะบอกเธอว่า ตัวเองเป็นเลขานอกจากหน้าที่ด้านเอกสารประสานงานแล้วหน้าที่อีกอย่างคือต้อนรับแขกของเจ้านายตามสมควรด้วย การมองแขกของเขาด้วยแววตาท่าทางดูหมิ่นเหยียดหยามไม่เป็นมิตรถือว่าเป็นการบกพร่องในหน้าที่อย่างหนึ่งนะรู้รึเปล่า เพราะคนที่เขาเข้ามาหาเจ้านายเธออาจจะมาด้วยธุระสำคัญ และเธอไม่มีสิทธิ์ตัดสินใครแค่ภายนอก เธอจะชอบหรือไม่ชอบก็เป็นเรื่องของเธอ แต่ในหน้าที่ ในฐานะเลขา อย่ามองใครด้วยแววตาแบบนี้โดยเฉพาะแขกของเจ้านาย เข้าใจไหม...” ณดาพูดเสียยืดยาวคามจริงเธอไม่ได้อยากจะสนใจคนอย่างแม่เลขานี่เลยสักนิดแต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดเพราะเห็นท่าทางของเลขาคนนี้แล้วมันเหลือรับจริงๆ
เธอเคยไปสมัครงานเจอแววตาแบบนี้จากพนักงานในองค์กรที่ไปสมัครงานบางคนแล้วทำให้รู้สึกไม่ชอบใจและไม่อยากแม้แต่ยื่นใบสมัคร มีอยู่ครั้งหนึ่งเธอไปสมัครงานโรงงานเล็กๆ แห่งหนึ่งในตำแหน่งธุรการแล้วทางบริษัทไม่รับเหตุเพราะว่าเธอสวยเกินไป เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลคือเมียของเจ้าของโรงงานและเจ้าของโรงงานก็เจ้าชู้ลักลอบมีอะไรกับพนักงานสาวๆ บ่อยๆ จนพนักงานเหล่านั้นถูกไล่ออกไปหลายคนจนเมียต้องมานั่งคัดเลือกพนักงานเองเพื่อตัดปัญหาและคงคิดว่าเลือกคนไม่สวยเข้าทำงานสามีจะได้ไม่มายุ่ง ซึ่งเป็นความคิดที่ตลกสิ้นดี มันไม่ใช่ความผิดของคู่กรณีเสียทีเดียว ความจริงอีตาสามีเจ้าของโรงงานนั่นก็ผิดด้วยแต่ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมได้อย่างหน้าชื่นตาบาน ส่วนคนที่ถูกไล่ออกก็มีประวัติด่างพร้อยกันไป และณดาก็คิดว่าตัวเองโชคดีที่ไม่ได้งานที่โรงงานนั้น...
โชคดีที่มีเจ๊ส้มเช้งที่แนะนำงานพริตตี้ให้เธอและเมื่อเป็นมืออาชีพมากขึ้นเธอก็ฝึกพูดและพัฒนาบุคลิกภาพและการพูดจนสามารถรับงานพิธีกรคู่กับงานพริตตี้ได้แม้บางครั้งเจอสายตาดูถูกบวนลามจากคนทั่วไปก็ต้องอดทนอดกลั้นเพราะเข้าใจว่าในสายตาของหลายๆ คนการเป็นพริตตี้ก็ขายแค่ความสวยงามรูปร่างเท่านั้น บางคนมองว่าพริตตี้เป็นสาวไซไลน์ เป็นเมียน้อยเมียเก็บเสี่ย หลากหลายที่จะมอง ยิ่งเธอรับงานเต้นตอนกลางคืนด้วยแล้วยิ่งถูกมองในแง่ลบเข้าไปอีก เมื่อมีปมในใจแบบนี้มาเจอสายตาหมิ่นแคลนมองด้วยหางตาพร้อมเบ้ปากนิดๆ ของเลขาหน้าห้องคนนี้แล้วณดาก็ทนไม่ไหว ขอระบายเสียเลย
“แล้วเธอเป็นใครถึงมาพูดแบบนี้กับฉัน”
เลขาสาวยังไม่ยอมฟังเหตุผลและดูเหมือนจะโกรธขึ้นมาเสียด้วย
“ฉันก็ไม่ได้เป็นใคร แต่พูดไปตามเหตุผล ความจริงเธอควรจะปรับปรุงตัวเองนะไม่ใช่มาถามว่าฉันเป็นใครมีสิทธิ์อะไร นี่ฉันหวังดีนะ” ณดายิ้มบางๆ
“ไม่ต้องมาหวังดี เธอไม่ใช่เจ้านายฉัน คนทีจะสั่งจะบอกฉันได้คือคุณอิฐไม่ใช่เธอ อย่ามาสะเออะทำตัวเป็นเจ้าของคุณอิฐเหมือนแม่สาวๆ พวกนั้นหน่อยเลย”
“อ้อ แสดงว่าไม่ได้มองฉันแบบนี้แค่คนเดียว แบบนี้มันคงมาจากสันดานและการกระทำที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาแล้วล่ะ แอบชอบคุณอิฐล่ะสิ แหม แต่คงยากหน่อยนะ เพราะคิดว่าคุณอิฐคงไม่กินไก่วัดหน้าวอกๆ” เมื่อคู่กรณีเปิดเผยตัวตนชัดเจนณดาก็ไม่จำเป็นต้องเก็บอาการ ยิ่งเห็นเจ้าหล่อนหน้าดำหน้าแดงก็ยิ่งชอบใจ
“ยุ่ง ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน แล้วน้ำนี่นะ ถ้าคุณอิฐไม่สั่งฉันไม่มีวันเอามาให้หล่อนหรอก”
“ถ้าอย่างนั้นผมขอสั่งให้คุณ คุณสุมณฑา ย้ายไปเป็นเจ้าหน้าที่จัดเก็บเอกสารนับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ แล้วช่วยบอกคุณหนึ่งหัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคลต่อสายหาผมด้วย”
“ท่านประธาน / คุณอิฐ” สองสาวที่มัวปะทะคารมกันอยู่หันไปมองร่างสูงที่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้อย่างไม่คาดฝัน เลขาสาวนามว่าสุมณฑาหน้าซีดเป็นไก่ต้มค้างคืนเลยทีเดียว ดวงตาวาววับแดงเรื่อเหมือนจะร้องไห้จนณดารู้สึกสงสาร เธอเพราะไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้
“เอ่อคุณอิฐคะ คือฉันว่า...”
“ผมตัดสินใจแล้ว และผมเคยได้รับรายงานเกี่ยวกับพฤติกรรมของคุณสุมณฑามานานแล้วตั้งแต่คุณแม่ผมเป็นประธานบอร์ด บังเอิญผมลืมเอกสารเลยกลับเข้ามาเอาจึงได้ยินได้เห็นกับตาว่าที่เขาพูดๆ มามันจริง..”
“บอสคะ มลขอโทษค่ะ มลจะไม่ทำอีก บอสอย่าเปลี่ยนตำแหน่งมลเลยนะคะ”
“ผมเป็นคนจริงจังนะคุณมล และผมไม่ใช่เพื่อนเล่นคุณ.. เอาล่ะผมจะเข้าประชุมต่อ ณดามากับผม” อิฐจูงมือเล็กให้เดินตามเขาไปทันทีโดยที่หญิงสาวไม่อาจจะขัดขืนได้...
