คำบัญชา 2
โบกมือให้บรรดาลูกสมุนโดยมีวสุนำทีมยืนอยู่เบื้องหน้า และบรรดาสมุนตัวเล็กที่อายุไล่เลี่ยกับเธอนับสิบคนได้ เป็นเพื่อนเล่นตั้งแต่เยาว์วัย ที่ยอมให้เธอเป็นหัวหน้าแก๊งผีเสื้อแห่งไร่ภูวิณ
“แล้วเจอกันนะหัวหน้า” วสุร้องขึ้นเสียงเครือ ทำให้บรรดาสมุนตัวเล็กร้องไห้
“หัวหน้ารีบกลับมาไวๆ นะ”
“มาเยี่ยมพวกเราบ่อยๆ นะหัวหน้า”
อรองค์พยักหน้ารับ แล้วโผกอดศรีนวลกับคำแพง โบกมือให้วสุ ก่อนจะขึ้นรถ
เมื่อรถเคลื่อนออกจากบริเวณหน้าบ้าน อรองค์ก็หันไปมองทุกคนที่ยังยืนมองรถ เธอได้แต่โบกมือให้ และน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง
เพราะรู้ดีว่าอีกนานกว่าจะได้กลับมาที่นี่อีก หรือบางทีอาจไม่ได้กลับมาอีกเลย
หากว่าอาวิณไม่อนุญาต เธอก็ไม่มีสิทธิ์ได้กลับมาที่นี่อีก
ในตอนที่สุชาติเดินหงอยๆ กลับเรือนใหญ่ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้านายของเขานั่นเอง
ภูวิณพามะลิไปเที่ยวปลอบใจที่ญี่ปุ่น หลังจากโดนผีปลอมหลอกจนตกบันไดข้อเท้าแพลงไปเป็นเดือน
[เรียบร้อยไหมวะชาติ]
“เรียบร้อยครับนาย รถคุณอินเพิ่งออกไปเมื่อครู่นี่เอง”
[แล้วเอิงงอแงไหม]
“ไม่เลยครับ นิ่งมาก จนไม่อยากเชื่อว่าจะนิ่งได้ขนาดนั้น”
[คงรู้ตัวว่างอแงไปก็เท่านั้น]
“แต่นิ่งเกินไปครับนาย เหมือนทำใจแล้วว่าอาจไม่ได้กลับมาที่นี่อีก”
[เฮ้ย จะบ้าเหรอ ที่นี่บ้านของเอิง ยังไงก็ต้องกลับมาอยู่ดี แต่ต้องเรียนให้จบก่อนเท่านั้น]
“จบมหาลัย มันนานนะนาย และเอิงเพิ่งจะเข้ามอปลาย กว่าจะเรียนเรียนมันหกเจ็ดปีเลยนะนาย”
[ทำไม มึงคิดถึงเด็กที่มึงเรียกว่าตัวแสบหรือไง]
“แล้วนายจะไม่คิดถึงหรือไง เห็นมาตั้งแต่เกิด และเลี้ยงมาตั้งแต่เจ็ดขวบเลยนะครับ”
[เฮ้ย คิดถึงบ้าบอไร้สาระ แค่นี้นะจะพามะลิไปชอปปิ้ง]
“ไม่ต้องซื้อของฝากมาให้น้องเอิงล่ะครับนาย” สุชาติพูดจบ นายของเขาก็ตัดสายทันที
สุชาติยอมรับว่าใจหาย ที่เห็นรถของอินทุอรเคลื่อนออกไปจากบริเวณไร่ กระทั่งลับหายจากสายตา
เด็กๆ หลายคนร้องไห้ระงม บ่นว่ากลัวจะไม่ได้เจอหัวหน้าอีก คนสูงวัยก็บ่นอาลัยอาวรณ์ เพราะต่อไปนี้คงไม่เห็นอรองค์ทำตัวเป็นหัวหน้าแก๊งผีเสื้อ พาลูกน้องวิ่งซุกซนไปทั่วไร่ แต่ถึงกระนั้นเด็กๆ ก็ช่วยกันทำงานเล็กๆ น้อยๆ โดยเฉพาะอรองค์ ตัวแค่นั้น แต่สนใจงานในไร่ โดยเฉพาะการปลูกผัก ชอบเป็นพิเศษ
เวลาปลูกอะไรแล้ว ก็เฝ้ามองทุกวันว่าผักที่ตัวเองว่านเมล็ดลงไปจะงอกขึ้นหรือเปล่า พอเห็นว่างอกมาแล้วก็กระโดดโลดเต้น และเฝ้ามองการเติบโต เหมือนแม่ที่เฝ้ามองลูกๆ พอจะผักโตมาก พอจะเก็บขายหรือเก็บไปทำอาหาร ก็ทำหน้าละห้อย จนนึกขำ
‘เอิงจะปลูกผักเหมือนเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวไม่ได้นะ’
นั่นคือคำพูดของภูวิณที่เคยบอกเด็กหญิงอรองค์ในวันนั้น
ในวันนี้ภูวิณกำลังมีความสุขกับผู้หญิงที่เขาหลงใหล พะเน้าพะนอเอาใจ ถึงขั้นขับไสอรองค์ออกจากไร่ เพราะไปแกล้งผีหลอกสาวเจ้า
แต่สุชาติมองว่ามะลิสวยก็จริง แต่อีกฝ่ายไม่เหมาะจะเป็นนายหญิงของไร่ภูวิณ ยกเว้นแต่ภูวิณต้องการนายหญิงที่วันๆ ไม่ต้องทำอะไร นอกจากแต่งตัวสวย เดินกรีดกรายโชว์ความสวย และชอปปิ้งไปวันๆ เท่านั้น
แต่สุชาติคิดว่าภูวิณก็ไม่ได้โง่ เขาแค่อยากสนุกกับชีวิตโสดให้คุ้มค่าเท่านั้น แต่การผลักไสอรองค์ไปในวัยเพียงสิบห้าปีเท่านั้น
ก็ดูจะใจร้ายอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า ต้องเรียนจบมหาวิทยาลัยก่อนถึงจะกลับไร่ได้ มันเป็นเวลาที่นานเกินไปหรือเปล่า
พอถึงวันนั้นจริงๆ ก็หวังว่าอรองค์จะยังอยากกลับมาอยู่ที่นี่อีก
:::::::::::::::::::
