บทที่1 อารันพามา
หลังจากเข้าแถวก่อนกลับบ้านเรียบร้อยแล้วครูเวรประจำวันก็ปล่อยแต่ละแถวให้นักเรียนกลับบ้าน หลังจากถูกปล่อยภีรพิชชาก็เดินมาที่รถของอิสรันราวกับมีตาทิพย์หยั่งรู้ได้ว่าอาหนุ่มจอดรถไว้ที่ใด เพราะทุกครั้งที่อิสรันมาที่นี่ก็มักจะจอดรถไว้ที่เดิมทุก ๆ ครั้ง
“สวัสดีชาวเล” เด็กสาวเอ่ยทักคนที่นั่งรออยู่ในรถก่อนที่จะเปิดประตูเข้ามานั่งบนเบาะข้างคนขับ ชาวเลที่เธอเรียกก็คือเขาที่ปกติทำงานกับท้องทะเลลดขั้นจากผู้การเป็นชาวเลคนถูกเรียกต้องมีโกรธบ้างล่ะ
ภีรพิชชารัดเข็มขัดนิรภัยก่อนที่จะหันมามองอาหนุ่มนอกไส้ที่หน้าตาเคร่งเครียดก่อนที่จะเอ่ยถามออกมา “ชาวเลเป็นไร หน้าดำเชียว”
“เหม่ง” อิสรันเอ่ยเรียกภีรพิชชาตามฉายาที่เขาตั้งให้ด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์สมรรถนะดีแล้วหันมาบอกคนเกิดอาการงุนงง “รัดเข็ดขัดดีแล้วใช่มั้ย พอดีอามีธุระต้องรีบไป ไว้เสร็จธุระอาจะมาส่งแล้วกันนะ”
ว่าจบกระบะสี่ประตูรูปร่างสง่างามก็พุ่งทะยานไปตามท้องถนนด้วยความรวดเร็ว
“นี่อารัน มันผิดกฎหมายนะ ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนดนะแบบนี้” เด็กสาวเอ่ยบอกในขณะที่จับเบาะแน่นอย่างหวาดกลัว
“นะ นั่นด่าน” เด็กสาวตะโกนออกมาเมื่อเห็นว่าไม่ใกล้ไม่ไกลมีด่านตำรวจตั้งอยู่ ความเร็วขนาดนี้โดนค่าปรับแน่นอน อิสรันไม่ได้ชะลอความเร็วแต่กลับเร่งความเร็วฝ่าด่านตรวจไปจนตำรวจจราจรต้องหลบกันให้วุ่นและเร่งรีบขับรถตามกันให้มั่ว
ครืนนนน เอียด
“อารันนนนน” เด็กสาวเอ่ยเรียกอาหนุ่มเกือบใหญ่นอกไส้อย่างตกใจเมื่ออารันของเธอขับรถฝ่าด่านจนรถตำรวจตามมาหลายคัน ภีรพิชชาหันมามองใบหน้าคมของอิสรันอย่างประหลาดใจที่ชายหนุ่มเกือบใหญ่หาได้มีสีหน้ากังวลกับการตามมาของรถตำรวจ
เด็กสาวหันกลับมามองถนนที่ตอนนี้ไม่ใช่ถนนคอนกรีตแล้วหากแต่เป็นถนนดินลูกรังที่รายรอบไปด้วยป่าละเมาะกระบะสีดำสนิทขับเข้ามาในป่าเรื่อยๆก่อนที่รถของอิสรันจะชะลอความเร็วและจอดในที่สุด รถตำรวจอีกสามสี่คันที่ตามมาจอดตามกันอย่างไม่คาดคิด เด็กสาวมองไปรอบ ๆก่อนที่จะเห็นชายฉกรรณ์ในชุดลายพรางคล้ายทหารสามถึงสี่เดินออกมาจากทิศทางใดก็ไม่อาจทราบได้
อิสรันเปิดประตูลงจากรถไปแล้วทำให้เด็กสาวรีบตามลงไปและได้ยินบทสนทนาของอิสรันและชายในชุดลายพรางดังขึ้น
“เป็นยังไงบ้าง”
“เราเจอที่กบดานของมันแล้วครับผู้การ”
“ตอนนี้สิชลกับ วรุตกับคนอื่น ๆแอบซุ่มสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆเป๋าหมายครับหัวหน้า”
“งั้นเดี๋ยวเราไปกันเลย พวกนายรอตรงนี้ก่อนนะ ฉันจะไปคุยกับตัวช่วยพิเศษของเราหน่อย” ภีรพิชชาได้ยินอาหนุ่มพูดก่อนที่เขาจะหันไปทางตำรวจจราจรที่กำลังอยู่ในอาการสับสนมึนงงที่อยู่ ๆคนที่พวกเขาไล่ตามมาอยู่ในชุดทหารเรือสีกากีแถมยังดูมียศมีตำแหน่งอีกต่างหาก
“ขอโทษที่ทำให้วุ่นวายนะคุณตำรวจ พอดีผมมีธุระด่วนจริง ๆ ไหนๆพวกคุณก็มาแล้วก็มาทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ดีกว่า” อิสรันเอ่ยบอกนายตำรวจเหล่านั้นก่อนที่จะเอ่ยต่อทำให้ภีรพิชชาได้รับรู้ไปด้วย “พอดีมีนักโทษหนีคุกทหารมาน่ะ เจ้าพวกนี้มีทั้งหมด7คนเป็นทหารสามเหล่าทัพที่รวมตัวกันเป็นผู้ก่อการร้ายทำงานให้กับองค์กรหนึ่ง สายของผมได้ที่กบดานของพวกมันมาว่าอยู่ในกระท่อมกลางป่านี้และซ่องสุมกำลังจนมีลูกน้องเพิ่มมาเจ็ดแปดคน ตอนนี้ในนั้นน่าจะมีอยู่15 หรือไม่ก็20”
“ละ แล้วคุณ” หนุ่มนายตำรวจผู้รู้ตัวว่ากำลังตกกระไดพลอยโจนเอ่ยถามออกมาหลังจากหายตกใจ
“ผมนาวาโทอิสรัน หัวหน้าหน่วยปฎิบัติการพิเศษวาฬเพชฌฆาต ถ้าเป็นคนในท้องที่ชลบุรีพวกคุณคงพอเคยได้ยินชื่อหน่วยวาฬเพชฌฆาตกันมาบ้าง” อิสรันเอ่ยบอก หลังจากที่หัวหน้าภควัตผู้เป็นหัวหน้าหน่วยปฎิบัติการวาฬเพชฌฆาตหน่วยจู่โจมพิเศษของกองทัพเรือจากไป เขาก็ได้ขึ้นมารับตำแหน่งนั้นแทนและเพื่อสานต่อเจตนาของผู้เป็นทั้งหัวหน้า เป็นทั้งครู เป็นทั้งเพื่อน และพี่ชาย อิสรันจึงปฎิบัติหน้าที่อย่างไม่ย่อท้อมานับสิบปี โดยไม่เคยห่วงชีวิต เขายอมพลีเพื่อชาติถ้าถึงวันนั้น
“โอเคครับ พวกเราจะร่วมการปฏิบัติงานครั้งนี้ เพราะพวกเราก็คือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” นายตำรวจอีกคนเอ่ยบอกก่อนที่อิสรันจะพยักหน้าก่อนที่จะหันมาเอ่ยบอกภีรพิชชา “เหม่ง เข้าไปรอในรถก่อนเดี๋ยวอากลับมา ถ้าไม่ใช่อาไม่ต้องเปิดนะ”
อิสรันพูดแล้วหันไปมองชายในชุดลายพรางทหารก่อนที่ชายคนนั้นและอีกสองนายจะนำไปอิสรันและนายตำรวจอีกสี่นายจะตามไป ทุกคนมีอาวุธพร้อมเว้นเพียงอิสรันที่เดินไปรับปืนพกสั้นจากนายทหารผู้เดินนำมาถือไว้
ภีรพิชชามองตามอย่างตื่นเต้นไร้ซึ่งความหวาดกลัวก่อนที่จะหันกลับมาที่รถและเปิดประตูฝั่งคนขับออก มือบางเอื้อมไปหยิบปืนพกบนแก๊ะแล้วออกมาจากรถก่อนที่จะนับมาตรวจสอบกระสุนอย่างชำนาญและนำมาเหน็บไว้ในขอบกางเกงข้างหลังก่อนจะแอบตามกลุ่มของอิสรันไป
อาจจะเพราะเป็นลูกทหารสายเลือดรั้วของชาติในตัวภีรพิชชาแสนเข้มข้นทำให้เด็กสาวไม่ยอมนั่งรออยู่บนรถแต่กระตือรือร้นที่จะตามไป หรืออาจจะเพราะความอยากรู้อยากเห็นและชอบอะไรลุยๆทำให้เธอต้องตามไปอันนั้นภีรพิชชาก็บอกตัวเองไม่ได้ รู้แค่ว่ามันคงจะมีเรื่องสนุกและได้ออกกำลังรอเธออยู่
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงปืนยิงต่อสู้ดังมาจากด้านหน้าไม่ได้ทำให้เด็กสาวเกรงกลัวเธอใช้สายตาจ้องมองการต่อสู้ที่ดูยังไงฝ่ายผู้ร้ายก็ใกล้จะเพลี่ยงพล้ำเต็มที สายตาคมเฉียบหันไปเห็นการเคลื่อนไหวของใครบางคนที่ลอบหนีออกจากดงกระสุนทำให้ร่างบางรีบตามไปทันที ภีรพิชชาตามชายดังกล่าวไปอย่างเร่งรีบก่อนที่ชายคนนั้นจะหายไปจากเลนส์สายตา
เด็กสาวรีบวิ่งไปยังจุดที่ชายหนุ่มหายไปแล้วถามตัวเองเบาๆ “อ้าว ไปไหนแล้วเนี้ย”
แก็ก
เสียงปลดไกปืนดังขึ้นมาจากด้านหลังทำให้สาวน้อยร้อยมายาต้องหันกลับมามองและเห็นร่างของชายคนนั้นกำลังยกปืนขึ้นหันปลายกระบอกมายังตัวเธอด้วยใบหน้าเข้มจนสาวน้อยต้องอุทานพร้อมหัวเราะแฮะๆออกมา “จะเอ๋ แฮะๆ”
“มาจากไหนนังหนู มาที่นี่ได้ยังไง” ห้าว หาญบัณฑิต อดีตนายทหารเรือผู้ทรยศต่อชาติและอดีตหัวหน้าทีมอย่างอิสรันเอ่ยถามแม่หนูน้อยแปลกประหลาดที่แอบตามตนมา
“อารันพามา” นังหนูน้อยเอ่ยบอกอย่างพาซื่อพร้อมยิ้มแหยๆ
“อารัน หัวหน้าอิสรันน่ะเหรอ” ห้าวเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อเพราะมองหน้าตาผิวพรรณเด็กสาวแล้วไม่น่าจะเป็นอาหลานกันได้
อิสรันเป็นชายหนุ่มโครงร่างสูงโปร่งเกือบ190 ผิวสีแทนแต่ไม่ถึงขั้นดำ ใบหน้าเรียวคมเข้ม นัยย์ตาคมเข้มดุดันประดุจพญาราชสีห์ในป่าใหญ่ จมูกโด่งเป็นสันงาม ริมฝีปากเข้ารูปที่มาพร้อมกับรอยยิ้มทรงเสน่ห์ ภาพรวมหน้าเกรงขาม แต่เด็กสาวตรงหน้ารูปร่างอาจจะสูงโปร่งกว่าสาวไทยส่วนใหญ่แต่ความสูงน่าจะอยู่เพียงอกของอิสรันและไม่อาจจะสูงกว่านี้ได้ ผิวขาวผ่องอย่างทองทา ใบหน้ารูปไข่แลดูหวานหน้าผากที่กว้างไปสักนิดแต่เข้ากับรูปหน้า นัยย์ตาคมเฉียบดุจพญาเหยี่ยวแลดูหลุกหลิก จมูกเรียวเล็กเข้ารูปดูรั้นๆกับริมฝีปากสีชมพูที่มีรอยยิ้มทะเล้นสดใสและมีเสน่ห์มองดูแล้วเป็นเด็กดื้อดึงและมีความสดใสทะเล้นไม่เบา
“ถูกต้องนะคร้าบบบบ พอดีว่าอารันอ่ะไปรับหนูแล้วลูกน้องก็โทรมาบอก อีตาอารันก็เลยพาหนูฝ่าไฟแดงมาเนี้ยแหละ หนูหิวข้าวอยากกลับบ้านเลยว่าจะเข้าไปตามอารันกลับบ้าน แต่พอดีเห็นน้า เอ๊ย พี่สุดหล่อวิ่งมาทางนี้ก็เลยตามมา เพราะเห็นพี่หน้าตาดี้ดี หล่อ สูง กร้ามแน่น อร้ายสเปคภีร์มากพี่รูปหล่อ” ภีรพิชชาเอ่ยตอบพร้อมทำหน้าเคลิ้มฝันอย่างใสซื่อจนทำให้คนที่ขบคิดถึงความแตกต่างของคนที่เรียกอิสรันว่าอากับตัวของอิสรันต้องหยุดขบคิด
“นี่นังหนู เธอเป็นหลานหัวหน้าอิสรันรึ ถึงเรียกว่าอารัน” ห้าวถามออกมาอย่างไม่อยากเก็บความสงสัยไว้ ถ้าเป็นหลานของอิสรันจริง ๆเด็กแก่แดดนี่คงมีประโยชน์กับเขาเอามาๆทีเดียว
“เปล่าหรอก หนูไม่ได้เป็นหลานอารันหรอก แต่พ่อจ๋าของหนูบอกว่ารักอารันเหมือนน้องชายแท้ๆ” เด็กสาวเอ่ยบอกอย่างพาซื่อ พลางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ น้ำตาคลอเบ้า
ห้าวมองเด็กสาวแล้วลดปืนลงเอ่ยถามอย่างเป็นมิด “อ้าวเป็นไรไปละนังหนู”
“หนูคิดถึงพ่อจ๋า ฮึก เพราะพ่อจ๋ารักอารัน เลยเอาตัวปกป้องอารันจนตัวตาย ฮึอ ซีค” คนตัวเล็กเอ่ยบอกทั้งน้ำตาพรางสูดน้ำมูกจนห้าวเริ่มรู้สึกสงสาร ก่อนที่จะเก็บปืนและเดินเข้าไปกอดเด็กสาวเพื่อปลอบใจ และอีกนัยย์หนึ่งคือจะจับเด็กสาวไว้เป็นตัวประกันเพื่อหลบหนีการจับกุมด้วย
“โอ๋ๆ อย่าร้องนะหนู” ห้าวเอ่ยปลอบพลางกอดเด็กสาวไว้ก่อนที่ภีรพิชชจะกอดตอบ ก่อนที่จะผละออกแล้วกรีดร้อง
“กรี๊ดงู พี่สุดหล่องู” ภีรพิชชาเอ่ยบอกทำให้ห้าวต้องหันหลังไปมองเลิ่กลั่กหางูตามที่เด็กสาวชี้ ก่อนที่จะรู้สึกถึงแรงเหมือนถูกอะไรทุบที่ศีรษะพรางรู้สึกเจ็บก่อนที่จะร่างสูงจะทรุดฮวบและสลบไป
รอยเลือดหยดลงจากก้อนหินขนาดปานกลางในมือทั้งสองข้างของภีรพิชชาก่อนที่เด็กสาวจะโยนก้อนหินเปื้อนเลือดทิ้ง
“โทษนะพี่ หนูไม่ชอบพวกทรยศแผนดินคิดร้ายต่อชาติอะ หน้าตาก็ดี ดูมีเมตตาไม่น่าหลงผิดเลย” เด็กสาวเอ่ยบอกร่างสลบไสลเลือดสีแดงข้นไหลทะลักออกจากศีรษะ ภีรพิชชาค่อยๆเดินเข้าไปหยิบปืนของห้าวมาเก็บไว้และไม่ลืมที่จะเซฟไว้กันมันลั่น และคนที่สอนเรื่องพวกนี้ให้เธอก็คืออิสรันที่ทำตามคำขอของผู้เป็นพ่อเธอ ที่อยากให้เธอและพี่ชายเอาตัวรอดและป้องกันตัวเองได้ เด็กสาวและพี่ชายจึงถกูสั่งสอนเรื่องนี้และศิลปะการต่อสู้และการป้องกันตัวตั้งแต่เด็กแถมยังเน้นการว่ายน้ำดำน้ำให้แข็งที่สุด ถ้าหลงป่าก็เอาตัวรอดได้แสนสบาย
“ทีนี้ก็จับมัด” สาวน้อยพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะหันมองหาเถาวัลย์มามัดอีกฝ่ายไว้ “อืม ไม่ดี ๆ นายนี่เรียกอารันว่าหัวหน้าแสดงว่าเคยทำงานกับอารัน พวกนี้แก้เชือกได้ ทำไงดี”
หนูน้อยครุ่นคิดหาวิธีแต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรนานเธอก็ได้ยินเสียงคนเดินมามากกว่าสามคนจนต้องกระโดดเข้าไปแอบที่ต้นไม้ อาศัยลำต้นปิดบังตัวเธอไว้
“ห้าว มอบตัวซะ พวกเราไม่อยากทำร้ายนายหรอกนะ”เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นจากฝั่งกลุ่มคน ภีรพิชชารู้ได้ดีว่าคนกลุ่มนี้ต้องเป็นทหารที่ปฎิบัติงานกับอิสรันแน่
“พี่ขาๆ ทางนี้ๆ” เด็กสาวส่งเสียงบอกทำให้ชายหนุ่มและเพื่อนอีกสี่คนรีบวิ่งเข้ามายังต้นเสียงทันทีก่อนที่พวกเขาจะเห็นร่างของเด็กสาวในชุดพละ และร่างสลบเหมือดของคนที่พวกเขาตามหา
“หนูนี่ใครวะ”นายทหารเรือหนุ่มยศเรือโทนามว่าสิชลเอ่ยถามเพื่อนด้านหลังอย่างปรึกษาและสงสัย รู้สึกทึ่งที่คนที่สามารถจัดการห้าว หาญบัณฑิตได้เป็นเพียงเด็กสาววัยประมาณ17-18
“ไม่รู้เว้ย แต่เห็นมากับหัวหน้านะแต่แค่เห็นแว่บๆไม่แน่ใจใช่คนเดียวกันมั้ย นี่หนูเข้ามาในนี้ได้ไง” เรือตรีสนชัยเอ่ยบอกก่อนที่จะถามเด็กสาวออกมา
“อารันพามาค่ะ อ้อๆ หนูไม่ใช่หลานอารันนะแค่เป็นเหมือนหลานเฉยๆ” ภีรพิชชาเอ่ยบอกอย่างกวนๆ จนสนชัยและสิชลต้องมองหน้ากันอย่างงุนงง
ก่อนที่ทั้งสองจะงงไปกว่านั้นชายวัย34ปีที่มาด้วยกันและอาวุโสที่สุดในกลุ่มที่มาก็เอ่ยขึ้น “มากับหัวหน้าแถมยังเรียกว่าอารัน อย่าบอกนะว่านี่หนูภีร์ลูกสาวหัวหน้าภควัต”
“ใช่เร้ว” เด็กสาวเอ่ยบอกออกเสียงคล้ายๆคำฝรั่งก่อนที่สิชล สนชัยและนายทหารในชุดลายพรางอีกสองคนจะตกใจกันไม่น้อย หลายคนอาจไม่เคยเห็นหน้าหัวหน้าภควัตแต่ก็รู้เรื่องราวและได้ฟังคำสั่งสอนเก่าๆที่คนรุ่นก่อนพูดให้ฟัง โดยเฉพาะหัวหน้าอิสรันที่บอกพวกเขาเสมอหัวหน้าภควัตเคยสั่งสอนว่า “ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไรแต่ถ้าเกิดเป็นคนไทยก็ไม่ควรคิดคดทรยศต่อชาติ เมื่อเกิดมาเป็นชาวไทยก็ควรทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติคนละนิดคนละหน่อยแค่น้อยก็ยังดี”
“อ้าว อึ้งไรกันขนาดน้านนน พี่ๆรีบมาจับพี่เขาไว้เร็วก่อนที่พี่เขาจะฟื้นขึ้นมา”ภีรพิชชาเอ่ยบอกทำให้สิชลและสนชัยรีบเดินเข้ามาคุมตัวอดีตเพื่อนร่วมงานอย่างห้าวไว้
“เรารีบไปรวมกับหัวหน้าเถอะ ป่านนี้หัวหน้าคงหัวเสียแย่แล้ว” เรือเอกชรัณ ชายผู้อาวุโสที่สุดในกลุ่มนายทหารทั้งห้านายเอ่ยบอก พลางทำนายจนภีรพิชชาเห็นภาพ ป่านนี้อิสรันคงหัวเสียไม่น้อยที่เธอไม่ฟังคำสั่ง ตายแน่ ๆหนูภีร์ อารันคงได้ลงโทษแหงๆ
