ตอนที่ 3 : ข้อตกลง 12 ข้อ
เสียงล้อกระเป๋าเดินทางกลิ้งไปตามพื้นหินอ่อนของเพนท์เฮาส์หรู แสงแดดยามบ่ายสะท้อนกระจกใสสูงจรดเพดาน ทุกอย่างในห้องนี้ดูเหมือนห้องตัวอย่างในนิตยสารมากกว่าบ้านที่คนอยู่จริง
มีนายืนชะงักตรงทางเข้า มือจับกระเป๋าแน่น เธอไม่ชินกับพื้นที่กว้างขนาดนี้ — โต๊ะกระจกยาวห้าเมตร โซฟาสีเทาเรียงชิดผนัง และวิวเมืองทั้งเมืองทอดอยู่ตรงหน้า
“เข้ามาสิ” ลินพูดเรียบ เธอวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะ “ตอนนี้ที่นี่คือบ้านของเรา…ตามสัญญา”
คำว่า บ้านของเรา ทำให้มีนาขยับตัวไม่ถูก เธอกวาดตามองรอบห้องก่อนหันกลับมาหาลิน
“คุณแน่ใจเหรอคะ ว่าต้องอยู่ที่นี่ด้วยกันจริง ๆ”
“ถ้าเราแต่งกันแล้ว แต่แยกอยู่ สื่อจะไม่เชื่อ” ลินตอบโดยไม่มอง “ฉันต้องการให้มันสมจริงที่สุด”
มีนาพยักหน้าช้า ๆ แล้วเดินเข้าไป ทุกก้าวของเธอเหมือนระวังจะเหยียบอะไรผิด ลินมองท่าทางนั้นแล้วแอบถอนหายใจเบา ๆ
“นั่งก่อนสิ” เธอเปิดแฟ้มเอกสารบนโต๊ะ กระดาษหลายแผ่นเรียงอย่างเป็นระเบียบ
“นี่คือรายละเอียดเพิ่มเติมของสัญญา — ข้อตกลง 12 ข้อ”
“สิบสองข้อ?” มีนาทวนเสียงเบา “จำเป็นต้องเยอะขนาดนี้เลยเหรอคะ”
“จำเป็น” ลินตอบสั้น ก่อนเลื่อนกระดาษให้
“อ่านให้ครบก่อนเซ็น”
มีนาหยิบเอกสารขึ้นมา ดวงตากวาดผ่านทีละบรรทัด
ข้อ 1: ห้ามละเมิดความเป็นส่วนตัวของอีกฝ่าย
ข้อ 2: ห้ามพาสื่อหรือบุคคลภายนอกเข้ามาในพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต
ข้อ 3: ห้ามเปิดเผยเรื่องสัญญา
ข้อ 4: ต้องเข้าร่วมงานสังคมหรืออีเวนต์คู่กันตามตารางที่บริษัทกำหนด
ข้อ 5: ห้ามตั้งคำถามส่วนตัวเกินความจำเป็น
มีนาเงยหน้าขึ้น “ข้อห้าฟังดูน่ากลัวจังค่ะ”
ลินตอบเรียบ “มันคือวิธีรักษาระยะห่าง”
“แต่การแต่งงานไม่ใช่เรื่องของระยะห่างไม่ใช่เหรอคะ?”
คำถามนั้นทำให้ลินเงียบไปครู่หนึ่ง เธอหลบสายตา “นี่ไม่ใช่การแต่งงานจริง”
“ค่ะ…ฉันลืมไป” มีนาวางกระดาษลง แล้วหันไปมองวิวเมืองตรงหน้ากระจก “คุณกลัวอะไรคะ ถึงต้องตั้งกติกาเยอะขนาดนี้”
“ฉันไม่ได้กลัว” เสียงลินเย็นแต่แฝงความแข็งไว้
“งั้นคุณไม่ไว้ใจ?”
“ฉันแค่เคยเห็นคนใช้ความรู้สึกทำลายสิ่งที่สร้างมาทั้งชีวิต”
มีนาไม่ได้ถามต่อ เธอยิ้มบาง ๆ “งั้นคุณคงกลัวจริง ๆ นั่นแหละ”
ลินมองเธออยู่นาน ดวงตาคู่นั้นไม่มีการป้องกัน ไม่มีแผน ไม่มีผลประโยชน์ — มีเพียงความจริงใจแบบดิบ ๆ ที่เธอไม่คุ้นเคยเลย
“อ่านต่อเถอะ” เธอพูดเพื่อตัดบรรยากาศ “ยังเหลืออีกหลายข้อ”
มีนานั่งลงใหม่ พลิกหน้าถัดไปของเอกสารด้วยปลายนิ้วที่เริ่มสั่นน้อย ๆ เธออ่านต่อทีละบรรทัด
ข้อ 6: ห้ามออกไปไหนโดยไม่แจ้งล่วงหน้า
ข้อ 7: ต้องอยู่ร่วมงานครอบครัวของฝ่ายซีอีโอเมื่อมีการนัดหมาย
ข้อ 8: ห้ามมีข่าวกับบุคคลอื่นระหว่างสัญญา
ข้อ 9: ต้องวางตัวในที่สาธารณะเหมือนคู่รักจริง
ข้อ 10: เมื่ออยู่ต่อหน้ากล้อง ต้องจับมือหรือมีปฏิสัมพันธ์ที่เหมาะสม
ข้อ 11: ต้องพักในห้องชุดเดียวกัน แต่ไม่จำเป็นต้องนอนห้องเดียวกัน
ข้อ 12: หากมีการละเมิดสัญญา ฝ่ายผิดต้องชำระค่าปรับตามที่ระบุ
มีนาวางเอกสารลง “ข้อสุดท้ายฟังดูเหมือนข้อตกลงระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างเลยนะคะ”
“เพราะมันก็คือข้อตกลงในรูปแบบนั้น” ลินตอบเรียบ
“แล้วข้อสิบเอ็ดนี่…” เธอชี้บรรทัด “ต้องพักห้องเดียวกันจริง ๆ เหรอคะ?”
“คุณจะอยู่ห้องแขกก็ได้ แต่ต้องอยู่ชั้นเดียวกัน จะได้ดูไม่ผิดสังเกต”
มีนาเม้มปาก “เข้าใจแล้วค่ะ”
เธอเงียบไปพักใหญ่ ก่อนเอ่ยช้า ๆ “คุณวางแผนไว้ละเอียดขนาดนี้ เหมือนคิดไว้ตั้งแต่ก่อนจะถามฉันแล้ว”
ลินยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ “ฉันวางแผนทุกอย่างเสมอ”
“แม้แต่เรื่องหัวใจ?”
คำถามนั้นทำให้เธอชะงัก มือที่ถือถ้วยกาแฟนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะวางมันลงอย่างระมัดระวัง “หัวใจไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องจัดการตอนนี้”
มีนายิ้มจาง “เพราะกลัวพลาดอีกเหรอคะ?”
ลินหันมามองตรง ๆ แววตาคมสงบแต่ลึกจนมีนารู้สึกเหมือนกำลังถูกอ่านใจ
“คุณพูดเหมือนรู้จักฉันดี”
“ไม่รู้จักหรอกค่ะ แต่บางคนมักทำเสียงเข้มเวลาพูดถึงสิ่งที่เจ็บ”
ลินไม่ได้ตอบอะไร เธอเพียงพลิกหน้าเอกสารกลับมาปิดแฟ้ม แล้วดึงปากกาออกจากกระเป๋าเสื้อสูท เส้นหมึกสีดำลากลงบนบรรทัดสุดท้ายอย่างมั่นคง
“นี่คือกติกาทั้งหมด”
มีนาก้มลงมองชื่อที่ถูกเซ็นไว้เรียบร้อย “ลิน ณวากร” ลายเซ็นเรียบคมแต่มีแรงกดเหมือนคนที่ไม่เคยลังเล
“แล้วฉันต้องเซ็นตอนไหนคะ”
“ตอนนี้เลย”
เธอเงยหน้าขึ้น “ฉันยังไม่ได้อ่านละเอียดทั้งหมดเลยนะคะ”
“อ่านแล้ว” ลินพูดเรียบ “ฉันเห็นจากสายตาคุณ คุณจำทุกบรรทัดได้หมด”
มีนาหัวเราะเบา “คุณชอบควบคุมทุกอย่างจริง ๆ นั่นแหละ”
“ใช่”
เธอรับปากกาจากลิน แล้วเขียนชื่อของตัวเองลงข้างล่างสุด — ตัวอักษรโค้งเรียวแต่มั่นใจ
“เรียบร้อยค่ะ”
ลินเก็บเอกสารเข้าซองอย่างเป็นระบบ “พรุ่งนี้จะมีทีมงานเข้ามาจัดของในตู้เสื้อผ้าให้คุณ เตรียมบัตรเข้าตึกไว้ด้วย”
“โอเคค่ะ…ภรรยา” มีนาแกล้งพูดติดยิ้ม
เสียงเรียกนั้นทำให้ปลายคิ้วลินกระตุกน้อย ๆ “อย่าเรียกแบบนั้นนอกสื่อ”
“แต่ตอนนี้เราแต่งกันแล้วนะคะ ตามสัญญา”
ลินถอนหายใจยาว “คุณนี่…พูดเกินกว่าที่ตกลงไว้ทุกที”
“แล้วคุณไม่ชอบเหรอคะ”
ลินไม่ตอบ เธอเพียงมองหญิงสาวตรงหน้า แล้วเดินหลบเข้าห้องอีกฝั่ง ปล่อยให้เสียงหัวเราะเบา ๆ ของมีนาลอยค้างอยู่กลางอากาศ
ช่วงเย็น ทีมงานจากบริษัทเข้ามาจัดตู้เสื้อผ้า ฝั่งซ้ายสำหรับลิน ฝั่งขวาแขวนชุดเรียบโทนอุ่นของมีนา กล่องรองเท้าถูกเรียงอย่างเป็นระเบียบจนชั้นวางดูเหมือนหน้าร้านบูทีค พอทีมงานกลับไป เพนท์เฮาส์ก็ตกอยู่ในความเงียบที่ได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกันชัดเจน
“ฉันทำข้าวง่าย ๆ ไว้ในครัว” มีนาชี้ไปที่หม้อซุปบนเตา “คุณทานรึยังคะ”
“ยัง” ลินตอบสั้น ๆ แต่เดินตามเข้าไปโดยดี กลิ่นหัวหอมผัดกับเนยลอยอุ่นทั่วห้องครัวสเตนเลสที่ปกติไม่มีร่องรอยการใช้งานจริง เธอตักซุปใส่ชาม ลองช้อนแรกแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง
“เป็นยังไงคะ” มีนาถามกล้า ๆ กลัว ๆ
“อร่อย” ลินตอบ ก่อนยกช้อนอีกคำ “ไม่คิดว่าเธอจะทำอาหารเก่ง”
“ฉันอยู่ร้านกาแฟคนเดียวหลายปีค่ะ ถ้าไม่ทำกินเองก็แย่” มีนายิ้ม ดวงตาโค้งอย่างพอใจที่คนตรงหน้าซึ่งปกติชมอะไรยากเอ่ยคำสั้น ๆ ออกมา
หลังมื้อค่ำ ลินหยิบแฟ้มตารางงานส่งให้ “พรุ่งนี้มีอีเวนต์เปิดตัวโครงการ เวลา 18:30 น. เราต้องไปด้วยกัน ข้อ 9 กับข้อ 10 จะถูกใช้ครั้งแรก”
มีนาทวน “วางตัวเหมือนคู่รักจริง…และต่อหน้ากล้องต้องมีปฏิสัมพันธ์ที่เหมาะสม” เธอเงยหน้า “แปลว่าจับมือกัน?”
“ใช่” ลินยังคงราบเรียบ “และถ้าผู้สื่อข่าวกดดันมาก เราอาจต้อง—”
มีนาชิงพูด “—ยิ้ม แล้วก็ขยับใกล้ขึ้นนิดหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องมากกว่านั้นใช่ไหมคะ”
“ใช่” ลินตอบ แต่สายตากลับหลบไปทางหน้าต่างอยู่เสี้ยววินาที
มีนาวางแฟ้มลง “งั้นซ้อมไหมคะ”
ลินเงยขึ้น “ซ้อม?”
หญิงสาวยื่นมือขวาไปข้างหน้า “ถ้าพรุ่งนี้คุณต้องจับมือ ฉันไม่อยากให้ดูเกร็งจนคนสงสัย”
ลินนิ่งไปแวบหนึ่ง ก่อนจะวางปลายนิ้วลงบนฝ่ามือนุ่มอุ่นนั้น ความร้อนผ่านจากผิวสู่ผิวอย่างคาดไม่ถึง มีนากระชับเบา ๆ ให้จังหวะ ลมหายใจของลินสะดุดน้อย ๆ เธอพยายามคงสีหน้าปกติแต่ปลายหูกลับร้อน
“มองกล้องสมมติทางนี้ค่ะ” มีนาชี้ไปที่มุมโถง “ตอนนักข่าวถาม ให้คุณผ่อนน้ำเสียงลงครึ่งระดับ แล้วหันมามองฉันนิดเดียว เหมือนขอความเห็นใจจากคู่ของตัวเอง”
ลินทำตาม เธอหันมองน้อย ๆ เท่านั้น แต่โลกทั้งห้องก็เหมือนช้าลง มีนามองตอบ ดวงตาใสสะท้อนเงาเมืองยามค่ำ เสี้ยววินาทีนั้น บรรยากาศอุ่นจัดจนอธิบายไม่ได้
ติ๊ง— เสียงแจ้งเตือนไลน์เด้งขึ้นบนโทรศัพท์ลิน ทำให้ทั้งคู่ผละมือทันที
เลขาฯ: “พรุ่งนี้อาจมีคำถามแรง คุณแม่แจ้งว่าจะ ‘แวะดู’ ก่อนออกงานค่ะ”
มีนาหลุดหัวเราะแห้ง “คุณแม่ของคุณ…จะแวะมาที่นี่?”
“เธอไม่ ‘แวะ’ หรอก” ลินตอบเรียบ “เธอจะ ‘ตรวจ’ มากกว่า”
ความเงียบสั้น ๆ แทรกกลางห้อง มีนาสูดลมเข้าลึก “โอเค งั้นซ้อมอีกทีนะคะ ครั้งนี้เพิ่ม…ระยะใกล้กว่าหน่อย เผื่อคุณแม่ของคุณ—เอ่อ—ต้องการความ ‘สมจริง’”
เธอก้าวเข้ามาครึ่งก้าว ลินยืนนิ่ง ใกล้พอจะได้กลิ่นกาแฟอ่อน ๆ บนผิวอีกฝ่าย มีนาช้อนมือขึ้นแตะแผงแขนลินอย่างสุภาพ “มุมนี้กล้องจะเห็นนิ้วนิดเดียว ดูเป็นธรรมชาติค่ะ”
ดวงตาทั้งคู่เผลอเกี่ยวกันอีกครั้ง ความเงียบยืดยาวจนได้ยินเสียงนาฬิกา เศษวินาทีก่อนที่ใครสักคนจะขยับ—
ติ๊งต่อง— เสียงออดหน้าประตูดังคมชัด
ลินผละออก หางเสียงแทบไม่สั่น “มาแล้ว”
มีนากลืนน้ำลายเบา ๆ “ฉันควร…ยืนตรงไหนคะ”
ลินสบตาเธอครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าไปยังข้างตัว “ยืนตรงนี้ เหมือนเดิมเมื่อกี้…และอย่าปล่อยมือ”
มือของทั้งคู่ประสานกันอีกครั้ง ประตูเปิดอย่างนุ่มนวล เงารูปร่างสง่าก้าวเข้ามาพร้อมกลิ่นน้ำหอมเฉพาะตัว
“ขอฉันดู ‘ภรรยา’ ของเธอหน่อยสิ ลิน” เสียงเรียบของผู้หญิงวัยกลางคนดังขึ้นชัดถ้อย
มีนารู้สึกได้ถึงแรงบีบจากปลายนิ้วลินที่เพิ่มขึ้นเพียงนิดเดียว—พอให้รู้ว่าเธอไม่ได้ยืนคนเดียวอีกต่อไป
และในคืนซ้อมกติกา ข้อเดียวที่ไม่เคยเขียนไว้ในเอกสาร—คือจังหวะหัวใจที่เริ่มคุมไม่ได้