บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 : คืนฝนและรูปถ่ายที่ไม่ควรมี

ฝนแรกของเดือนเทกระหน่ำลงมาจนกระจกอาคารสำนักงานใหญ่ของ “NAVA Group” กลายเป็นผืนเงินระยิบระยับไปด้วยหยดน้ำ เสียงพายุซัดเบา ๆ ผสมกับเสียงเครื่องยนต์รถหรูที่แล่นออกจากซุ้มกันสาดด้านหน้า อาคารทั้งหลังดับไฟเกือบหมด เหลือเพียงแสงไฟสีส้มที่ลอดผ่านม่านฝนลงมาบนถนนเปียกแฉะ

ลิน นั่งพิงเบาะหลังรถสีดำสนิท เธอหลับตาอยู่ครู่หนึ่ง แต่ใบหน้ากลับตึงเครียด ดวงตาคมเรียบเหมือนกระจกใสที่สะท้อนทุกอย่างแต่ไม่เคยเปิดเผยสิ่งในใจ คำพูดของใครบางคนในห้องประชุมเมื่อช่วงบ่ายยังดังก้อง

“ลิน ถ้าเธออยากรักษาตำแหน่งและอำนาจในบอร์ดไว้

เธอต้องมีภาพลักษณ์ที่มั่นคงกว่านี้…แต่งงานซะ”

เสียงแม่ของเธอชัดเจนทุกพยางค์ เหมือนถูกประทับตราไว้ในหัวใจอย่างเย็นชา

ลินเปิดตาขึ้น มองออกไปนอกหน้าต่างที่เต็มไปด้วยเงาไฟ เธอไม่ได้อยากเชื่อเลยว่าคำว่า “แต่งงาน” จะถูกใช้เป็นเครื่องมือในโลกธุรกิจได้ง่ายขนาดนี้ แต่ที่แย่กว่านั้นคือ เธอเริ่มรู้สึกว่า…ไม่มีใครเชื่อว่าเธอจะมีใครรักโดยไม่หวังผล

“คุณลิน จะให้ผมขับตรงไปคอนโดไหมครับ?”

เสียงคนขับดังขึ้นอย่างระมัดระวัง

“เลี้ยวซอยหน้า ไปทางร้านกาแฟเก่า ๆ นั่นก่อน” เธอตอบเรียบ

รถเลี้ยวซ้ายเข้าไปในซอยแคบ ๆ ที่มีเพียงไฟถนนส่องกระพริบ ๆ เหมือนหายใจไม่ทัน ฝนยังไม่หยุดตก และในเงามืดด้านหลังนั้น…มีบางสิ่งเคลื่อนไหว

“คุณลิน เหมือนจะมีรถอีกคันตามมาครับ”

ลินเหลือบมองกระจกหลัง เธอเห็นเงาไฟหน้ารถคันหนึ่งวิ่งตามมาติด ๆ เหมือนจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

“จอดตรงร้านกาแฟข้างหน้า” เธอสั่งทันที “ฉันจะลงตรงนั้น”

ป้ายไม้เก่าที่เขียนว่า “Blue Hour Café” ส่องแสงไฟสีอบอุ่นฝ่าฝน ลินเปิดประตูรถออกแทบพร้อมกับที่ชายสองคนถือกล้องวิ่งมาจากหัวมุมถนน

เสียงแฟลชแวบขึ้นในพริบตา — แชะ!

ลินยกแขนขึ้นปิดหน้า ก่อนจะรีบก้าวเข้าไปในร้าน เสียงกระดิ่งเหนือประตูดัง “กริ๊ง!” ตามด้วยกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นที่ตัดกับกลิ่นฝนเย็นเฉียบ

หญิงสาวหลังเคาน์เตอร์เงยหน้าขึ้น เธอสวมผ้ากันเปื้อนสีเทา ผมยาวถูกรวบขึ้นอย่างลวก ๆ แก้มมีรอยแดงจากไอร้อนของเครื่องชงกาแฟ และในวินาทีนั้น—ดวงตาคู่นั้นสบกับลินโดยไม่ตั้งใจ

อบอุ่น…

เหมือนเป็นที่หลบภัย ทั้งที่เจอกันครั้งแรก

“ร้านปิดแล้วค่ะ แต่ถ้าจะหลบฝนก็เข้ามานั่งได้นะคะ”

เสียงของเธอนุ่มและจริงใจเกินกว่าที่คนแปลกหน้าควรให้กันในคืนเปียกปอนแบบนี้

ลินก้าวเข้าไป เธอสลัดน้ำฝนออกจากปลายผม หยดน้ำไหลตามขอบคางลงสู่ปลายเสื้อโค้ตสีดำ หญิงสาวคนนั้นรีบหยิบผ้าขนหนูจากเคาน์เตอร์แล้วยื่นให้

“เช็ดผมก่อน เดี๋ยวไม่สบาย”

ลินรับมาโดยไม่พูดอะไร — ท่าทีเธอดูสงบ แต่ในหัวกำลังคิดถึงเงาคนที่ยืนอยู่หน้าร้านเมื่อครู่

ปาปารัสซีอีกแล้ว…พวกเขาจะไม่หยุด จนกว่าจะจับได้ว่าฉันคบใครสักคน

“ขอบคุณ” เสียงเธอแผ่วแต่ชัด

“รับเครื่องดื่มไหมคะ? ตอนนี้มีแค่ชาเอิร์ลเกรย์กับโกโก้”

หญิงสาวยิ้ม ดวงตายิ้มไปด้วย

“ชาก็ได้” ลินตอบ

เธอมองไปรอบร้าน — โต๊ะไม้สีเข้ม, ผนังอิฐ, และรูปถ่ายขาวดำติดเรียงราย แต่ละรูปมีมุมมองแปลกตา เหมือนถ่ายโดยคนที่เข้าใจความเงียบ

รูปถ่ายบนผนังมีตั้งแต่ภาพถนนเปียกฝนจนถึงรูปเงาไฟสะท้อนแอ่งน้ำ ทุกใบมีมุมมองเฉพาะตัว ลินเอียงศีรษะเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงเรียบ

“ภาพพวกนี้ของคุณหรือ”

หญิงสาวที่กำลังตักใบชาลงกาน้ำหันมายิ้ม ดวงตาเป็นประกายในแสงไฟอุ่น

“ของฉันเองค่ะ ฉันชื่อ มีนา ”

ชื่อสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่ติดอยู่ในหัวลินอย่างประหลาด

มีนาวางถ้วยชาไว้ตรงหน้า กลิ่นเบอร์กามอตลอยคลุ้ง “ดื่มดูนะคะ กลิ่นอาจช่วยให้สงบขึ้นนิดหนึ่ง”

ลินยกถ้วยขึ้น รสขมอ่อนของชาแตะปลายลิ้น อุณหภูมิอุ่นจัดทำให้ปลายนิ้วคลายเย็น เสียงฝนข้างนอกเบาลงเหลือเพียงจังหวะสม่ำเสมอ ทั้งร้านเหมือนกล่องกระจกที่เก็บความสงบไว้ชั่วคราว

“วันนี้คงเหนื่อยมากสินะคะ ฝนตกหนักแบบนี้ยังออกมาข้างนอกอีก” มีนาถามโดยไม่ชวนคุยจี้จุด เป็นน้ำเสียงที่ไม่ต้องการคำตอบมากนัก

“งานนิดหน่อย” ลินตอบสั้น เธอไม่ชินกับการเปิดเผยเรื่องตัวเองให้คนแปลกหน้า แต่ก็ไม่อยากให้บรรยากาศเงียบเกินไป

มีนายิ้ม “ฉันก็เพิ่งปิดร้าน ช่วงฝนตกขายได้น้อย แต่ก็ชอบนะ ได้ยินเสียงฝนแทนเสียงลูกค้า”

ลินมองอีกฝ่ายผ่านไอน้ำที่ลอยจากถ้วยชา ผิวขาวอมชมพูของหญิงสาวสะท้อนกับไฟในร้าน เธอสังเกตนิ้วมือเรียวที่มีรอยเปื้อนกาแฟอยู่ปลายนิ้ว ทั้งหมดดูเป็นธรรมชาติ ต่างจากโลกเรียบหรูของเธอเหลือเกิน

“คุณลินทำงานอะไรเหรอคะ”

คำถามธรรมดาแต่ทำให้ปลายนิ้วของลินแข็ง เธอเลือกคำตอบระมัดระวัง

“เกี่ยวกับงานออกแบบนิดหน่อย”

มีนาพยักหน้า ไม่ซักต่อ “ดีจังค่ะ คนทำงานออกแบบต้องสังเกตเก่งแน่เลย ถึงมองเห็นรูปพวกนี้”

“เพราะรูปคุณแปลกดี” ลินพูดตรง “ไม่ใช่รูปสวยในแบบที่คนทั่วไปถ่าย แต่ดูแล้วเหมือน…ได้ยินเสียงมัน”

มีนาหัวเราะเบา “ขอบคุณนะคะ ฉันถ่ายตอนรู้สึกว่าชีวิตมันเงียบเกินไป เลยอยากเก็บเสียงไว้ในภาพ”

คำพูดนั้นสะกิดบางอย่างในใจลิน เธอเองก็ใช้ความเงียบซ่อนทุกอย่างไว้มานานเกินไป

ประตูร้านดัง “กริ๊ง” อีกครั้ง มีนาเหลียวไปมอง เงาชายคนหนึ่งยืนอยู่หลังประตูกระจก เลนส์กล้องในมือสะท้อนแสงไฟเป็นประกาย

มีนาขมวดคิ้ว “ขอโทษนะคะ ร้านปิดแล้วค่ะ” เสียงชัด แต่ชายคนนั้นไม่ถอย กลับยกกล้องขึ้นสูง

แสงแฟลชวาบเข้ามาในร้าน— แชะ!

ลินหันขวับ ปฏิกิริยาเร็วกว่าใจ เธอขยับมาข้างหน้ามีนาอย่างลืมตัว เสียงประตูเปิดออกพร้อมฝนที่สาดเข้ามา

“คุณกำลังทำอะไร!” น้ำเสียงของลินเด็ดขาด แต่คนถ่ายไม่ตอบ เขากลับยกกล้องขึ้นอีกครั้ง

มีนารีบเดินไปดึงม่านหน้าต่างปิดลง “อย่าออกไปนะคะ ฝนแรงมาก”

ลินชะงัก เหลียวมองหญิงสาวตรงหน้า เสียงหัวใจเต้นแรงกว่าที่คาด สายตาเธอไล่จากดวงตาอบอุ่นลงสู่มือที่ยังจับชายม่านไว้แน่น

ประตูปิด เสียงฝนกลับมาแทนที่ทุกอย่าง เหลือเพียงลมหายใจสองคนในพื้นที่เล็ก ๆ

มีนาถอนใจ “ขอโทษนะคะ ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ฉันควรโทรเรียกยามไหม”

“ไม่ต้อง” ลินตอบ “เขาคงได้รูปไปแล้ว”

หญิงสาวมองหน้าเธออย่างไม่เข้าใจ “รูปอะไรคะ”

“รูปของคนที่ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเป็นใคร” ลินเอ่ยเสียงเบา แล้วหยิบผ้าขนหนูผืนเดิมขึ้นเช็ดหยดน้ำจากปลายผมอย่างใจลอย

มีนาเดินไปหยิบผ้าแห้งผืนใหม่ ส่งให้เธอโดยไม่ถามอะไรเพิ่ม เธอแค่พูดเสียงเบา

“งั้นอยู่ในนี้ก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฝนซาแล้วค่อยออกไป”

ลินมองมือเล็กที่ยื่นมา เล็บสั้นสะอาด ข้อนิ้วมีรอยแดงจากความร้อนของเครื่องชงกาแฟ ทุกอย่างเรียบง่ายแต่กลับทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด ความรู้สึกที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว

“ขอบคุณ” เธอพูดอีกครั้ง คราวนี้เสียงนุ่มลงกว่าครั้งแรก

มีนาหัวเราะเบา ๆ “วันนี้คุณพูดคำนี้หลายรอบเลยนะคะ”

“ปกติไม่พูด”

“งั้นถือว่าโชคดีที่ได้ยินค่ะ”

คำพูดเรียบง่ายแต่กลับทำให้ลินหลบสายตา เธอเลือกมองออกไปยังหน้าต่าง เม็ดฝนยังโปรยปรายอยู่ไม่ขาด เงาไฟสะท้อนลงบนพื้นถนนเหมือนภาพในรูปถ่ายที่แขวนอยู่บนผนัง

“คุณไม่ถามเหรอ ว่าฉันเป็นใคร” ลินพูดขึ้น หลังจากเงียบไปนาน

“ไม่ถามดีกว่าค่ะ” มีนาตอบทันที “บางคนอาจอยากเป็นแค่คนธรรมดาในบางคืน”

คำตอบนั้นทำให้ลินหันกลับมามองตรง ๆ ดวงตาของมีนามีประกายจริงใจ ไม่มีความอยากรู้อยากเห็นหรือความกลัว มีเพียงความเข้าใจเงียบ ๆ ที่หายากเหลือเกินในโลกของเธอ

เสียงโทรศัพท์ของลินสั่นขึ้นบนโต๊ะ ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอคือ “เลขาฯ ฝ่ายบริหาร” เธอกดรับด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบในทันที

“คุณลินคะ ข่าวหลุดอีกแล้วค่ะ มีภาพตอนคุณลงจากรถ…กับผู้หญิงในร้านกาแฟ ดูเหมือนนักข่าวจะเอาไปลงช่วงเช้าแน่ ๆ”

ลินหลับตาแน่น เสียงมีนาเงียบลงทันทีเมื่อเห็นสีหน้าเธอเปลี่ยน

“ไม่ต้องแก้ข่าว” ลินพูดเรียบ “ปล่อยให้เขาเขียนไป”

“แต่ภาพนั้น—”

“บอกให้ปล่อย”

เธอกดวางสายช้า ๆ แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ความเงียบกลับมาอีกครั้ง มีนามองเธอเหมือนอยากพูดบางอย่างแต่ไม่กล้า ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา

“ขอโทษนะคะ ถ้าฉันทำให้คุณมีปัญหา”

ลินส่ายหน้า “ไม่ใช่ความผิดคุณหรอก คนที่อยากให้ฉันมีปัญหา…คือพวกที่อยู่ข้างใน”

มีนาไม่เข้าใจทั้งหมด แต่เธอสัมผัสได้ว่าผู้หญิงตรงหน้าแบกรับอะไรบางอย่างหนักหนาเกินไป

ลินวางถ้วยชาลง แล้วลุกขึ้นช้า ๆ “ขอบคุณที่ให้หลบฝน”

“ฝนยังไม่หยุดเลยนะคะ”

“ไม่เป็นไร ฉันคงชินกับฝนแล้วล่ะ”

ลินหยิบฮู้ดขึ้นคลุมหัว มีนาเดินมาส่งที่ประตู แสงไฟจากในร้านส่องออกไปบนพื้นถนน เม็ดฝนตกกระทบอย่างเงียบงาม

ก่อนที่เธอจะก้าวออกไป เสียงของมีนาก็ดังขึ้นข้างหลัง

“คืนนี้…อย่าลืมพักบ้างนะคะ”

ลินชะงักเท้า หันกลับมามอง ดวงตาสองคู่สบกันอีกครั้ง

เธอไม่รู้เลยว่าประโยคธรรมดา ๆ นั้น จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ “ข้อตกลง” ที่เปลี่ยนชีวิตไปทั้งชีวิต

ลินยกมุมปากนิด ๆ ไม่ถึงกับยิ้ม “ไว้ถ้ามีโอกาส จะกลับมาชิมกาแฟนะ”

ประตูปิดลงพร้อมเสียงฝนที่ยังตกไม่ขาดสาย มีนายืนมองแผ่นหลังของหญิงแปลกหน้าที่หายลับไปในม่านฝน ความรู้สึกบางอย่างอบอุ่นแต่ก็ปนหนาวไหวในอก—คล้ายกลิ่นชาที่ค้างอยู่ในอากาศ

และขณะเดียวกัน ในโทรศัพท์ของนักข่าวคนนั้น…

ภาพสุดท้ายที่เขากดชัตเตอร์ทันพอดี คือภาพของลินที่ยืนอยู่ในร้าน “Blue Hour” กับหญิงสาวไม่ทราบชื่อ —

ภาพที่กำลังจะกลายเป็น “รูปถ่ายที่ไม่ควรมี” บนหน้าข่าวเช้าวันรุ่งขึ้น
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel