บทที่4
เมื่อโดนไล่ เภารีบลุกขึ้น กลับไปทำหน้าที่ของเธอต่อ และเมื่อลูกจ้างสาวแยกตัว การเค้นหาความจริงของคนในบ้านจึงเกิดขึ้น แม้จะได้คำตอบกำกวมของลูกสาวแต่แค่ได้ชื่อของชายหนุ่มผู้นั้นในบรรดาเพื่อนลูกชาย การสืบหาตัวใครสักคนจึงไม่ใช่ปัญหา
คนอย่างเสี่ยสมศักดิ์ไม่อยากให้อีกฝ่ายลอยนวล จัดการโทรให้เพื่อนที่ทีอิทธิพลกว้างขวางช่วยจัดการเสาะหา ไม่กี่วันก็ได้ข้อมูลกลับมา การรายงานถึงสภาพทางฐานะและครอบครัวของอีกฝ่ายจนต้องกลับเอามาคิดทบทวนแผนการ
เหมือนฟ้าเป็นใจเสี่ยสมศักดิ์ เมื่องานที่วานเพื่อนสืบ ได้ข่าวความคืบหน้า รู้ว่าพ่อหนุ่มคนนั้นเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ความคิดที่จะเป็นทองแผ่นเดียวกันจึงเกิดขึ้นด้วยความเห็นชอบของผู้ใหญ่ที่แอบติดต่อกัน และตอนนี้ก็เหลือแต่ให้ฝ่ายลูกสาว ยินยอมพร้อมใจเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าหล่อนจะมีทางเลือก!
ณ บ้านใหญ่หลังงาม ‘มณีพรรณ’ ณภกรณ์ มณีพรรณ ในชุดสูทเพิ่งกลับจากทำงาน โดนคำสั่งด่วนของมารดา กระชากเนคไทคลายออก พร้อมหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ราคาแพง สีหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์
“ทำไมผู้หญิงเขาหาสามีเองไม่ได้หรือครับ ถึงให้ผู้ใหญ่จัดการให้” เมื่อได้ฟังคำบอกกล่าวกำหนดงานคนที่เพิ่งโดนคำสั่งให้กลับบ้านด่วน ออกอาการทันที
สองสามีภรรยามองหน้ากัน และภรรยาก็เป็นคนเอ่ยขึ้น “กร... แม่บอกตรงนี้เลยนะ ลูกอายุมากพอที่จะมีครอบครัวได้แล้ว แล้วผู้หญิงที่ผ่านเข้ามา แม่ไม่เห็นว่ามีใครเหมาะเป็นแม่ของลูกสักคน”
ผู้เป็นแม่เอ่ยตามที่เห็นและได้ยินมา เพราะคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก บอกสิ่งที่ตนเองเคยสัมผัสมาก่อน
“แล้วแม่เห็นหรือครับว่า ว่าที่ลูกสะใภ้ของแม่ จะเหมาะเป็นแม่ของลูกผม” นี่ก็อีกคน... ผู้หญิงที่แม่กำลังเอ่ยถึง เขาเองก็ไม่แน่ใจ จึงย้อนให้ อย่างอดไม่ได้
แต่ตลอดสองปีมานี่เขายังใช้ผู้หญิงเปลืองเหมือนเดิม หากแต่ไม่ผูกมัดกับผู้หญิงคนไหน โดยที่เขาเองก็หาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกัน หรือเพราะความรัก ที่มีต่อผู้หญิงที่เขารักหมดใจ โดยที่จากไปแบบไม่มีวันกลับหรือใครกันแน่? ...
“ถึงพ่อกับแม่จะไม่สนิทกับหนูภัศสรแต่เท่าที่พ่อกับแม่รู้ คนอย่างเสี่ยสมศักดิ์ไม่ปล่อยให้ลูกสาวทำตัวเหลวไหล อีกอย่างน้องก็น่ารักนะ” ประโยคท้ายสีหน้าแสดงถึงความชื่นชอบ ต่อหญิงสาวที่ตนเองเอ่ยถึง ก่อนจะเหลือบมองเสี้ยวหน้าลูกชาย แล้วยกยิ้ม “อีกอย่างนะ ภาวินก็เป็นเพื่อนของลูก แถมเป็นหุ้นส่วนที่เข้าขากันดีอีกต่างหาก แล้วทีแบบนี้ กลับไม่ชอบน้องสาวเพื่อนสะงั้น”
คำพูดที่ไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากความจริง ทำให้หนุ่มหล่อไร้คำโต้เถียง
คิ้วเรียวนูนสูงรอคำแก้ต่าง หากแต่คำตอบที่ได้กลับมา ทำให้นางหน้าหุบลง
“แม่ครับ ผมสนิทกับพี่ชาย ไม่ได้หมายความ ว่าผมจะต้องสนิทและรักใคร่กับน้องเขาด้วยนี่ครับ ...ผู้หญิงอะไร ไม่รักนวลสงวนตัว”
คำตอบไม่ใคร่ใส่ใจนักแถมค่อนขอดไปยังคนไกลอีก นางจึงส่งค้อนมาให้ อย่างมั่นไส้
...ดีเท่าไหร่แล้ว ที่คนทำตัวเพลย์บอยมานาน มีคนรับเป็นเขย เถอะ! ทำเป็นเล่นตัว… นางอดค่อนขอดลูกชายกลับไม่ได้ “แม่ไม่พูดกับลูกแล้วนะ มะรืนนี้ แม่จะให้คนไปรับน้องสร เพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว จบนะ!” นางสรุปและตัดบท ผันหน้าไปยังทิศทางอื่นเพื่อเลิกสนใจคนนั่งหน้าปั้นปึง
ท่าทางของนาง บอกให้รู้ว่าหมดเรื่องจะไกล่เกลี่ยกับลูกชายตัวดีของเธอแล้ว แต่เขาไม่อยากจบ
“แม่ๆ ครับ ทำไมไวแบบนี้ละครับ” น้ำเสียงตื่น ไม่อยากเชื่อ สายตาจริงจังมองเสี้ยวหน้ามารดาที่เริ่มตีสีหน้าเคร่ง จนต้องผันหน้ามองผู้เป็นพ่อที่นั่งเงียบมาตลอด หากแต่ท่านก็เหมือนจะเห็นด้วยกับภรรยาเสียทุกอย่าง จนตัวลูกชายที่กึ่งโดนบังคับไม่อาจประท้วงอะไรมากไปกว่านี้ได้
“แม่อยากให้เรื่องเสร็จวันนี้พรุ่งนี้ด้วยซ้ำนะ” นางตอบกลับ ทั้งที่ไม่ได้หันมามองลูชายตัวดี แม้จะพอใจการทำงานของลูกชายมากแค่ไหน แต่นิสัยเสือซ่อนลายที่อยู่ในตัวฟาดผู้หญิงมั่วไปทั่วแม่ไม่ปลื้ม!
“แม่!” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกหน้าไม่เป็นหน้า จนนางถลึงตาใส่
“นิ! โตจนทำงานเองได้ จะเรียกร้องหาแม่ทำไมเนี่ย” นางว่า สีหน้าหงุดหงิด พร้อมขึงตาใส่ เมื่อเห็นว่าลูกชายยังไม่ยอมลง
บทจะโหดนะแม่…
คำตอบนั้นทำเอาลมหายใจของณภกรณ์เกือบสะดุด ต้องหลุบสายตาต่ำด้วยเกรงจะเป็นการต่อกรทางสายตามารดา เพราะคำตอบนั้นเกือบจะทำให้เขาขาดอากาศหายใจ ด้วยความใจเร็วด่วนตัดสินใจของผู้บังเกิดเกล้าและเมื่อไม่อาจกล่าวสิ่งใดออกมาได้ ณภกรณ์ ที่เคยทำตัวไม่เป็นโล้เป็นพาย จึงเงียบฟัง ปล่อยให้ผู้ใหญ่จัดการตามที่พวกท่านประสงค์ โดยเขาพร้อมจะจำใจเป็นหุ่นเชิด ก่อนจะขอตัวแยกขึ้นห้องไป
“...ให้รู้ไปสิ ว่าจะใจแข็งไปได้สักกี่น้ำ” นางเอ่ยขึ้นลอยๆโดยมีสายตาของสามีเจือแววขบขันด้วยความชอบใจ เพราะเมื่อก่อน เขาไม่เคยเห็นภรรยาจริงจังกับลูกชายอย่างนี้เลย และนั้นทำให้ลูกชายกลายเป็นคนเอาแต่ใจจนเคยตัว แต่น่าแปลกห้าปีมานี่ ลูกชายเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เพราะอะไร ทำให้พวกตนกำลังหาคำตอบอยู่เช่นกัน...
