บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1

เจ้านายร้ายรัก ๑ / ตอนที่ 1

กุลชาดามองชายหนุ่ม เพื่อนคู่หู ที่รู้จักกันมาแต่เด็ก เพราะบ้านอยู่ละแวกเดียวกัน วาดลวดลายในจังหวะเต้นรำที่ไร้รูปแบบ เบียดเสียดผู้คนจำนวนไม่น้อย โดยมีสาวน้อยวัยย่างสิบเก้า สาวคนรักเต้นอยู่ใกล้ๆ ท่าทางบอกว่าสนุกเต็มที่ แล้วก็ไม่เข้าใจ

สำหรับเธอ ไม่รู้สึกว่ามาเที่ยวสถานที่อย่างนี้ สนุกตรงไหน ทั้งควันและกลิ่นบุหรี่ เหมือนจะทำให้บรรยากาศภายในห้องสี่เหลี่ยม มองเห็นโครงเหล็กหลังคาตกแต่งริบบิ้นพลาสติกหลากสี ตกอยู่ในดงควันพิษ

เสียงดังของดนตรีในจังหวะมันๆ เอาใจขาโจ๋ แสบแก้วหูมากกว่าจะเสนาะโสต

บรรยากาศสลัวๆ มีลูกไฟกลมๆ ครบแม่สีทั้งเจ็ด หมุนไปมา ก็ทำให้รู้สึกให้ตาลายมากกว่าจะดูสวยงามชวนพิสมัย

นี่ถ้าไม่เป็นเพราะน้ำเสียงอ่อนๆ ฟังว่าขอร้องจากสุวิชชา สาวน้อย คนรักของเพื่อนรักเพื่อนสนิท เธอก็คงไม่มีวันย่างเท้าเข้ามาสถานที่เช่นนี้

ความที่เห็นแก่เพื่อนแท้ๆ เลยต้องมาทนนั่งอึดอัดรำคาญสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะบรรยากาศของสถานเริงรมย์กึ่งผับ มีการแสดงดนตรีสดและเวทีให้นักท่องราตรีได้เต้นรำ ในขณะนี้

กุลชาดาถอนใจ พยายามฆ่าเวลาด้วยกวาดสายตามองไปรอบๆ เผื่อจะค่อยหายเซ็งได้บ้าง

แต่แล้วตาที่กวาดมองไปรอบก็หยุดลงที่หนุ่มสาวคู่หนึ่ง กำลังเดินโอบกอดกันออกมาจากส่วนที่กั้นไว้สำหรับเต้นรำ

ทั้งคู่พากันนั่งโต๊ะถัดไป เธอแทบลืมหายใจ ความรู้สึกนั้นบอกไม่ถูก เมื่อหญิงสาวที่อยู่ในสายตา นั่งค่อมชายหนุ่มที่เดินกอดกันออกมาจากฟลอร์ ในลักษณะหันหน้าเข้าหากัน แทนนั่งเก้าอี้คนละตัว จากนั้นก็ประสานมือเข้าที่ท้ายทอยฝ่ายชาย รั้งใบหน้าชายหนุ่มที่เธอยังมองเห็นไม่ชัด เข้ามาชิด แล้วทั้งสองก็แลกจูบกันดูดดื่ม เธอเห็นกระทั่งว่ามือของฝ่ายชายไม่ได้อยู่นิ่ง ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังสาวเจ้าอย่างเร้าอารมณ์

เธอได้สติ รีบเบือนหน้าหนี

เวลาผ่านไปหลายนาที จึงทำใจกล้า หันไปมอง ด้วยความอยากรู้นิดๆ อยากเห็นหน่อยๆ แล้วก็พบว่าหนุ่มสาวที่เธอเห็นแลกจูบสะท้านโลก ผละออกจากกัน มานั่งเก้าอี้คนละตัว

รู้สึกฝ่ายผู้หญิงสีหน้าจะตึงๆ เหมือนไม่พอใจ ขณะฝ่ายชายพูดอะไรไม่ทราบก่อนหัวเราะเสียงดัง

กุลชาดานิ่วหน้า เธอออกจะคุ้นๆ ตาชายหนุ่ม ใช้เวลาคิดทบทวนไม่นานก็นึกออก

โธ่เอ๋ย! นึกว่าใคร ที่แท้ก็ลูกชายขี้เมาเจ้าของคฤหาสน์ ลูกค้าประจำสวนไม้ดอกครอบครัวเพื่อนรักนั่นเอง

ที่นึกออกได้เร็ว ก็เพราะเหตุการณ์ที่มีชายหนุ่ม ซึ่งตกเป็นเป้าสายตาของเธอขณะนี้ อยู่ในเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง เมื่อตามเพื่อนรักนำดอกไม้ไปส่งคุณหญิงเจ้าของคฤหาสน์หลังงาม ที่มีป้ายเขียนติดประตูเอาไว้ว่า ‘บ้านธรรมธัช’

เหตุเกิดขณะเธอกับนรวิชญ์กำลังจะกลับ หลังจากส่งดอกไม้ถึงมือผู้รับที่ออกมามารับด้วยตัวเองที่หน้าตึก เมื่อสาวใช้เข้าไปรายงาน

นรวิชญ์ขึ้นไปนั่งบนรถสามล้อเครื่องที่เหมามาแล้ว และเธอกำลังจะก้าวตามขึ้นไป เมื่อรถสปอร์ตทรงเพรียววิ่งผ่านประตู ซึ่งเปิดอยู่ เข้ามาด้วยความเร็วสูง

เสียงหวีดร้องของคนที่เห็นเหตุการณ์ประสานกันระงมด้วยความตกใจ แม้กระทั่งนรวิชญ์ก็พลอยประสานเสียงไปด้วย เพราะแน่ใจว่าคงถูกชนแน่

เพียงเส้นยาแดงผ่าแปด ที่รถแล่นมาตามถนนคอนกรีตหักหลบสิ่งกีดขวางไปชนเอากระถางต้นไม้บันไดหน้าตึก ก่อนจะเกิดโศกนาฏกรรม

นาทีวิกฤติผ่านพ้นไป ประตูรถสปอร์ตด้านคนขับก็เปิดออก ชายหนุ่มร่างสูงเสื้อผ้ายับย่น ผมเผ้ายุ่งที่เจ้าตัวพยายามเสยด้วยหวีห้านิ้วอย่างลวกๆ ก้าวลงมาจากรถ

ดูเหมือนทุกคนพากันผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ขณะสตรีสูงวัยผู้เป็นเจ้าของบ้านถึงกับส่ายหน้า พูดเสียงเพลียใจระคนเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าบุตรชายเดินไม่ค่อยตรงทาง บ่งบอกถึงดีกรีความเมาไม่น้อย

“เมามาอีกตามเคย... ระวัง ลูก! สน... มาพาคุณทีเข้าบ้านทีไป๊”

เธอกับนรวิชญ์พากันกลับออกมาขณะผู้คนยังพากันวุ่นวายอยู่กับบุตรชายเจ้าของบ้านและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เธอไม่ได้เคยได้พบเขาอีก แต่แปลกว่าพอมาได้พบเข้าอย่างไม่คาดฝัน ได้เห็นหน้าชัดๆ เพียงแวบเดียว กลับจำได้เกือบจะทันที

สุรา นารี พาชี กีฬาบัตร ท่าจะครบสูตร!

นึกค่อนในใจ ก่อนสะดุ้ง เมื่อมีมือหยาบระคายมาแตะที่ต้นแขน

“งาย... น้องสาว นั่งคนเดียวไม่เหงาหรือจ๊ะ พี่นั่งเป็นเพื่อนนะ

สิ้นเสียงอ้อแอ้อย่างคนลิ้นไก่สั้นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ คนพูดก็ถือวิสาสะลากเก้าอี้มาเกือบชิดแล้วนั่งปุบลงพร้อมกับวางมือลงบนเข่าเธอ

กุลชาดายืนเร็ว ทั้งตกใจทั้งโมโห แต่ความโมโหดูเหมือนจะมีมากกว่า ขนาดว่าทำให้เธอเห็นช้างเท่าหมูนั่นเลย แต่ไม่ทันได้หลุดวาจาเผ็ดร้อนด้วยอารมณ์โกรธแรง เสียงห้าวของเพื่อนรักก็พูดขึ้นทางเบื้องหลัง

“เกิดอะไรขึ้น กุ้ง?”

กุลชาดาพยายามระงับอารมณ์ด้วยการกำมือที่ตกแนบลำตัวเป็นรูปหมัด ตอบเสียงห้วน

“ฉันจะกลับละ นายจะอยู่ต่อก็ตามใจ!”

นรวิชญ์ตามเพื่อนสาวออกมา ไม่ลืมจูงมือแฟนสาว ซึ่งมีสีหน้าตื่นๆ

“กุ้ง น่า ใจเย็นๆ”

นรวิชญ์ปลอบเพื่อนหลังจากพากันออกมาข้างนอกเรียบร้อย

“คราวหน้านายไม่ต้องชวนฉันมาอีกนะ”

กุลชาดาหันมาเล่นงานเพื่อนเพราะยังไม่หายโกรธ

“วิชต้องขอโทษ ที่ทิ้งกุ้งไว้ที่โต๊ะคนเดียวจนเกือบเกิดเรื่อง คราวหน้าคราวหลัง วิชสัญญานะว่าจะไม่ให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก” นรวิชญ์พูดสียงขอลุแก่โทษ

กุลชาดาเหลือบมองหวานใจเพื่อนรัก และเห็นว่าเด็กสาวยืนทำตาโตอยู่กลางหน้าซีด ก็เลยคลายความโกรธลง

“เอาเถอะ เราไม่เป็นไร แต่ทีหน้าทีหลังนึกจะอยากเที่ยวสถานที่แบบนี้ก็เลือกที่ดีๆ กว่านี้หน่อยละกัน มาค่ะ คุณสุ กลับบ้านกันเถอะ คืนนี้เห็นจะหมดสนุกแล้วละ”

“เดี๋ยวแวะกินข้าวต้มที่มุมถนนท่าน้ำกันก่อนมั้ย?” นรวิชญ์ถามความคิดเห็น สีหน้าดีขึ้น เมื่อเพื่อนรักไม่ถือโทษ

“คุณสุหิวมั้ยคะ?”

แทนคำตอบ กุลชาดาถามไปที่เด็กสาว

“นิดๆ ค่ะ แต่แวะก่อนก็ได้ บอกคุณพ่อไว้ว่าจะกลับถึงบ้านก่อนเที่ยงคืน นี่ยังไม่ถึงห้าทุ่ม มีเวลาอีกตั้งชั่วโมง”

“งั้นก็...ตามข้าพเจ้ามา!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel