ตอนที่สี่ ใครกินใครกันแน่ (NC)
ตอนที่สี่
ใครกินใครกันแน่
แม้จะเจ็บมากกว่าที่คิดแต่เฉินเป่าลี่ก็พยายามปลุกปลอบใจตัวเอง จนเมื่อแท่งแกร่งมุดเข้าสู่โพรงถ้ำได้ทั้งหมด ชายหนุ่มจึงขยับสะโพกช้าๆเพื่อสร้างความคุ้นเคยก่อนจะเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ภายใต้ความเจ็บนั้นยามเมื่อเขาขยับเร็วขึ้นกลับมีความรู้สึกเสียวซ่านปะปนมาจนเฉินเป่าลี่เริ่มคล้อยตามและขยับร่างไปตามจังหวะพร้อมเปล่งเสียงอืออา
เฉินเทียนอี้เห็นทรวงอกอิ่มเด้งไปมาตามแรงโยกคลอนจึงอ้าปากเข้าครอบครองส่วนยอดของก้อนเนื้อนิ่มแล้วกลืนกินอย่างเอร็ดอร่อยพลางทิ้งรอยแดงเอาไว้จนทั่ว หญิงสาวมัวแต่หลับหูหลับตาร้องครวญครางจึงไม่ได้มีแรงมาห้ามปรามการทิ้งร่องรอยรักแต่อย่างใด
ยามความรู้สึกพลุ่งพล่านมากขึ้น แท่งเนื้อยิ่งผลุบเข้าผลุบออกอย่างรวดเร็ว ผนังอ่อนนุ่มด้านในโอบอุ้มตอดรัด จนหญิงสาวอดรนทนไม่ไหวเกร็งร่างกระตุกสั่น ภายในตอดรัดถี่แรงส่งให้ชายหนุ่มต้องหยุดการเคลื่อนไหวเพื่อรอให้สาวเจ้าขึ้นสวรรค์ไปก่อนอย่างสมใจ
เมื่อร่างบางคลายตัวลง เฉินเทียนอี้จึงเร่งความเร็วสะโพกขึ้นเพื่อตามติดไปอย่างไม่รีรอ ไม่นานน้ำขุ่นขาวก็หลั่งล้นจนท่วมนองถ้ำน้ำงาม
เฉินเทียนอี้อยากจะขย่มภรรยาผู้เคยเป็นพี่สาวต่ออีกหลายยก แต่นางช่างบอบบางนัก เพียงครั้งเดียวร่องกลีบก็บวมช้ำจนน่าสงสารแล้ว
“อีกคราได้หรือไม่” ชายหนุ่มออดอ้อน
“พรุ่งนี้เถิด” เฉินเป่าลี่ต่อรอง
“เช่นนั้นต้องให้ข้าทำทุกวันนะ”
“ทำอย่างกับเจ้าจะไหว”
“ย่อมไหวแน่”
“เหตุใดจึงพูดมากเช่นนี้”
“ข้าเพียงอยากให้พี่มีความสุขเท่านั้น”
“เจ็บออกอย่างนี้จะมีความสุขได้อย่างไร”
“ทำอีกไม่กี่คราก็ไม่เจ็บแล้ว หลังจากนั้นข้ารับรองว่าพี่จะชอบและเรียกร้องให้ข้าทำทุกวัน”
“ฝันไปเถอะ”
เฉินเป่าลี่ตอบอย่างไม่เชื่อถือ เมื่อตกลงว่าจะไม่มีครั้งที่สองแล้วสองสามีภรรยาหมาดๆ จึงล้มตัวลงนอนเคียงข้างกันโดยดี
แต่มือหนายังคงไม่ยอมเลิกราเอื้อมมือมาวนเวียนขยำขยี้ทรวงอกอวบหยุ่นล้นมืออย่างสนุกสนาน
“อย่าซุกซน”
“ข้าขอเล่นอีกหน่อยเถิด ท่านไม่รู้หรอกว่าข้าเฝ้าฝันที่จะได้หยอกเล่นกับก้อนซาลาเปาคู่นี้มากเพียงใด”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“ข้าหมายความว่าข้าชอบมองเจ้ามานานแล้ว เฉินเป่าลี่ ข้าอยากกอดเจ้า อยากจูบเจ้า และอยากจับอกอวบอิ่มของเจ้ามาเนิ่นนานแล้ว” จบคำริมฝีปากหนาก็เคลื่อนมาปิดปากบางแล้วจุมพิตแรงจนหญิงสาวหายใจแทบไม่ทัน
เฉินเป่าลี่ผลักร่างแกร่งออกเพื่อหอบหายใจก่อนจะถามขึ้นอย่างข้องใจโดยไม่ได้สังเกตว่าเฉินเทียนอี้ไม่ได้เรียกนางว่าพี่แล้ว
“แต่ข้าเป็นพี่หญิงใหญ่ของเจ้า ข้าดูแลเจ้ามาตั้งแต่ยังเล็ก ข้าเห็นทั้งเนื้อทั้งตัวของเจ้ามาก่อน รวมทั้งเจ้าหนอนย่นนี้ด้วย”
“เพราะอย่างนั้นข้าจึงไม่กล้าเอ่ยความในใจออกไปอย่างไรเล่า” ชายหนุ่มพยายามส่งสายตาแห่งความจริงใจออกมา
“ยามนี้พวกเราเป็นสามีภรรยากันอย่างแท้จริงแล้ว ข้าจะไม่เรียกเจ้าว่าพี่หญิงใหญ่อีก แต่จะเรียกเจ้าว่าน้องหญิง หรือว่าน้องเป่าลี่”
“น้อยๆหน่อยเถอะ” เฉินเป่าลี่ห้ามปราม
“เช่นนั้นก็’เป่าลี่’ ดีหรือไม่”
“ส่วนเจ้าก็ห้ามเรียกข้าว่าอาอี้อีก แต่ควรจะเรียกว่าท่านพี่” เฉินเทียนอี้นำเสนออย่างได้ใจ
“ฝันไปเถอะ” เฉินเป่าลี่ดับความคิดฝันของชายหนุ่มในทันที
“เช่นนั้นก็เรียกว่า’เทียนอี้’เอาเช่นนี้แหละ” เฉินเทียนอี้พูดเองสรุปเองอย่างเอาแต่ใจ
“เจ้าจะไม่ต่ออีกคราจริงหรือ” ชายหนุ่มยังเซ้าซี้วนเวียนปลุกเร้าอารมณ์ไม่ยอมหยุด
เฮ้อ!... นี่นางวางแผนกินเขาหรือเขาวางแผนกินนางกันแน่
คราแรกเหมือนจะเป็นนางที่เป็นฝ่ายรุก แต่ไปไปมามาเหตุใดกลายเป็นเขาที่กินเต้าหู้นางไม่หยุด
แต่นางเป็นพี่สาว จะยอมแพ้น้องชายซึ่งเคยตัวน้อยกว่าได้อย่างไรกัน
เฉินเป่าลี่ได้แต่ทอดถอนใจก่อนจะเคลิ้มไหวล่องลอยไปตามความรู้สึก และยินยอมให้สามีซึ่งเพิ่งเข้าพิธีโยกขย่มอีกครา
ยามเมื่อเขาปลุกเร้าด้วยนิ้วที่นวดวนตรงติ่งเกสรกลางร่องดอกไม้งาม นางถึงกับเด้งร่างส่งร่องกลีบให้เขาได้คลึงวนอย่างถนัดถนี่ ยิ่งยามเขาสะบัดลิ้นระรัวตวัดเลียติ่งเสียวพร้อมกดลิ้นร้อนแยงลง นางถึงกับเกร็งร่างค้างแข็งรอรับอย่างไม่อายพร้อมส่งเสียงครวญครางซ่านกระเส่า
ชายหนุ่มเอื้อมมือวนบดคลึงเต้าหู้งามด้านบนพร้อมดูดกลืนกินดอกไม้ด้านล่างจนเฉินเป่าลี่อารมณ์กระเจิดกระเจิงด้วยความรัญจวนใจ สัมผัสร้อนเร่าทั้งบนล่างส่งให้นางตักตวงความหอมหวานเสียวซ่านจนยั้งใจไม่อยู่
ไม่นานหญิงสาวก็เปิดทางให้หนอนยักษ์ได้เข้าซุกไซ้หาความอบอุ่นในร่องน้ำชื้น เมื่อไม่ใช่ครั้งแรก ความเจ็บปวดย่อมลดน้อยลงประกอบกับการปลุกเร้าจนล่องลอย เฉินเป่าลี่จึงสัมผัสความสุขล้นจนเปล่งเสียงดังอย่างลืมตัว เสียงครางกระเส่าบ่งบอกความรู้สึกซ่านสุขจนชายหนุ่มต้องเร่งแรงอย่างสาสมใจ
ร่างบางสั่นไหวโยกโยนไปตามแรงกระแทกที่ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ความสุขซาบซ่านเล่นงานจนหญิงสาวต้องจิกเล็บเข้ากับไหล่หนา ขณะร้องครางเสียงดัง
“ซี๊ด... อ้า... โอว...”
พึบ พั่บ ปึก ปัก ปั่ก
เสียงกระแทกกระทั้นผสานเสียงครวญครางดังสนั่นจนได้ยินไปทั่วเรือนปีกของสกุลเฉิน ไม่มีผู้ใดไม่รับรู้แล้วว่าสองสามีภรรยาซึ่งเพิ่งเข้าพิธีเมื่อเช้าได้หลอมรวมร่างเป็นสามีภรรยากันอย่างแท้จริงในยามค่ำคืนเรียบร้อยแล้ว แม้แต่น้องสาวทั้งหกของพวกเขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่าพี่สาวคนโตจะยอมเข้าหอรวมร่างกับชายหนุ่มซึ่งเห็นเป็นน้องชายมาโดยตลอด
ในเมื่อพวกเขายินยอมพร้อมใจ พวกนางย่อมไม่ไปยุ่งเกี่ยว หากพวกเขาสามารถสร้างครอบครัวด้วยกันได้จริงก็ย่อมเป็นการดี ด้วยเงินทองจะได้ไม่ตกหล่นหายไปที่อื่นใด
ข่าวนี้ย่อมได้ยินไปถึงอาทั้งสามของเจ็ดสาว แม้พวกเขาจะไม่อยากเชื่อว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นเรื่องจริงมิใช่การเล่นละคร แต่ในเมื่อเฉินเป่าลี่ลงทุนถึงกับเข้าหอร่วมรักกับเฉินเทียนอี้อย่างจริงจัง จะมีผู้ใดกล้ากล่าวหาว่านางใช้เล่ห์เพทุบายเพื่อกีดกันไม่ให้ผู้อื่นมาวุ่นวายกับกิจการของพวกนางอีกเล่า
อาทั้งสองถึงกับส่งคนมาเฝ้าฟังเสียงในยามค่ำคืนเพื่อจับผิดอย่างจดจ้อง แต่เฉินเทียนอี้ก็ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง ยิ่งเป็นช่วงข้าวใหม่ปลามัน เขาจึงยิ่งคึกคักส่งเสียงกระแทกกระทั้นครวญครางได้ทุกคืน บางคืนก็หลายครา จนคนที่มาเฝ้าอดทนไม่ไหวต้องแวะหอคณิกาเพื่อปลดปล่อยก่อนเข้าไปรายงานข่าวคราวแก่เจ้านาย
