บทที่ 8 เจ้าหึงข้ารึ..
หุบเขาจอมมาร…
“นี่ท่านจับข้ามาขังไว้ที่นี่เป็นเวลาสามวันแล้วนะ! ถ้าพี่ใหญ่ข้ารู้เรื่องนี้ ท่านจะต้องถูกลงโทษอย่างหนักแน่!” ไป๋เยี่ยนจ้องเขม็งไปยังบุรุษชุดดำตรงหน้า
เฮยเฟิง องครักษ์ผู้ภักดีแห่งจอมมาร กลับยิ้มมุมปากอย่างใจเย็น เขาชื่นชมหญิงสาวตรงหน้าที่โกรธจนแก้มแดงเรื่อ ทว่ายิ่งเธอขัดขืน ความน่าเอ็นดูก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
“นี่เจ้ายังไม่รู้หรือ ว่าข้าได้แจ้งเรื่องนี้กับท่านจอมมารแล้ว และท่านจอมมารเองก็สั่งให้ข้าจัดการกับเจ้าเช่นนี้” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“อย่าให้ข้าออกไปได้เชียว! ข้าจะไปฟ้องพี่มู่หลินให้มาจัดการเจ้า!” ไป๋เยี่ยนกัดฟันกล่าวอย่างขุ่นเคือง ดวงตาเป็นประกายโกรธจัด
เฮยเฟิงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูเธอ
“พี่มู่หลินของเจ้า ป่านนี้... ท่านจอมมารของข้าคงกำลังทำให้เขามีความสุขไปแล้ว....คงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้แล้ว”
ไป๋เยี่ยนชะงัก หัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันที
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?! ข้าจะไปหาพี่มู่หลิน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ องครักษ์บ้า!”
เฮยเฟิงยืนกอดอก มองหญิงสาวที่ดิ้นรนอย่างขบขัน
“ท่านจอมมารมอบหมายให้ข้าดูแลเจ้า หากขัดใจข้า ข้าสามารถ 'จัดการ' ได้ทันที” เขาเน้นคำสุดท้ายชัดถ้อยชัดคำ ดวงตาเจ้าเล่ห์จับจ้องหญิงสาวที่กำลังหายใจแรง
“แล้วท่านจะทำอะไรข้า เป็นบุรุษแท้ ๆ คิดจะรังแกสตรีเช่นข้าหรือไง?!”
ไป๋เยี่ยนตะโกนลั่น พยายามสะบัดมือที่ถูกมัดอยู่
“หากเจ้ายังไม่หยุดอาละวาด ข้าจะจูบเจ้า และอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
เฮยเฟิงยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจร้อน ๆ รินรดแก้มของเธอ
“ถ้าท่านกล้าจูบข้า ข้าจะกัดลิ้นท่านให้ขาด!”
ไป๋เยี่ยนแค่นเสียงข่มขู่
เฮยเฟิงหัวเราะเสียงแผ่ว
“ก็ลองดู ระหว่างลิ้นข้าจะขาด หรือเจ้าอาจจะเคลิ้มไปก่อน ลองเลยไหม?”
เขาพูดพลางใช้นิ้วเกลี่ยปลายคางหญิงสาวเบา ๆ
ไป๋เยี่ยนเบิกตากว้าง ก่อนจะหลับตาปี๋แล้วเบี่ยงหน้าหนี “ไอ้องครักษ์บ้า! ข้าเกลียดท่านที่สุด! อย่าให้ข้าออกไปได้นะ!”
เฮยเฟิงหัวเราะเบา ๆ กับปฏิกิริยาของเธอ เขาโน้มตัวเข้ามากระซิบข้างหูเธออีกครั้ง
“ก็ถ้าออกไปได้ก่อน ค่อยมาว่ากันเถอะ”
เขาปลดเชือกที่มัดมือเธอไว้เบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้น มองเธอที่ยังคงจ้องมาด้วยแววตาเอาเรื่อง
“เจ้ากินข้าวเถอะ ข้าไปก่อน ไว้ข้าจะมาหาเจ้าใหม่ แล้วมีอะไรจะฝากบอกท่านจอมมารหรือไม่?”
ไป๋เยี่ยนกำมือแน่น ดวงตาวาวโรจน์
“ฝากบอกพี่ใหญ่ของข้าว่า ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้ไอ้คงครักษ์บ้า”
เฮยเฟิงหัวเราะเบา ๆ พลางเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี ปกติแล้วเขาเป็นบุรุษสุขุมเยือกเย็น แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด... ทุกครั้งที่ได้พบไป๋เยี่ยน หัวใจเขากลับเต้นแรงและอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อเธอทุกครั้งไป
“เฮยเฟิง พรุ่งนี้เจ้าพามู่หลินไปส่งที่ทางออกด้วย อ้อ… แล้วก็พายัยเด็กนั่นไปด้วย อย่าให้มาวุ่นวายอีก ข้าไม่อยากเห็นหน้านางอีกต่อไป”
จอมมารไป๋เทียนหลงสั่งองครักษ์ทันที
“รับคำสั่งท่านจอมมาร พรุ่งนี้ข้าจะจัดการให้”
“เจ้าไปเถอะ” เขาสั่งเสียงทุ้ม
เฮยเฟิงโค้งศีรษะรับคำสั่งก่อนจะหายตัวไปในเงามืดของ
ทว่า ไม่นาน องครักษ์มารก็ก้าวเข้ามาพร้อมคุกเข่าลงเบื้องหน้าไป๋เทียนหลง
“ท่านจอมมาร ธิดามารมาขอพบท่าน”
ดวงตาคมเข้มของไป๋เทียนหลงวาววับขึ้นเพียงชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ให้เข้ามา”
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นในห้องรับรอง ก่อนที่เงาร่างระหงจะปรากฏตัวขึ้น เซี่ยซีเดินเข้ามาช้า ๆ อาภรณ์สีแดงเข้มของนางตัดกับผิวขาวนวลอย่างงดงาม เรือนผมยาวสยายอยู่เบื้องหลัง ดวงตาคมสวย นางคลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนก้าวเข้ามาใกล้
“เจ้ามีธุระอันใดกับข้าเซี่ยซี” ไป๋เทียนหลงกล่าวทันที
“ข้ามาหาท่านต้องมีธุระด้วยหรือ? อีกไม่นานเราก็จะได้สมรสกัน และวันนั้น... ท่านจะได้เป็นจอมมารที่สมบูรณ์”
ไป๋เทียนหลงจ้องนางนิ่ง ก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ไว้ถึงวันนั้นก่อน ค่อยว่ากัน”
เซี่ยซีไม่ได้สนใจคำพูดเย็นชาของเขา นางก้าวเข้ามาใกล้จนแทบจะแนบชิด ใช้นิ้วเรียวลากผ่านกรอบหน้าของเขาเบา ๆ ก่อนจะโน้มตัวลงนั่งบนตัก
ดวงตาคู่งามทอประกายอ่อนโยน ทว่าก็แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์
“ไป๋เทียนหลง…”
นางกระซิบเสียงแผ่ว
“ท่านหลบหน้าข้าตลอด… ท่านไม่คิดจะให้โอกาสข้าบ้างหรือ?”
มือเรียวลูบไล้ลงบนแผ่นอกของเขา ก่อนที่นางจะโน้มใบหน้าหมายจะประทับจูบ ...ทว่า ไป๋เทียนหลงผลักนางออกเต็มแรงจนเซี่ยซีแทบเซล้ม
“อย่ายั่วข้า”
เสียงของเขาเย็นเยียบ
“ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้า”
เซี่ยซีมองเขาด้วยแววตาเจ็บปวด แฝงไปด้วยแรงขื่นขม
“ทำอย่างไร... ท่านถึงจะรักข้า?”
นางกัดริมฝีปาก ดวงตาฉายแววสั่นไหว
“ตั้งแต่เล็กจนโต ท่านก็รู้ว่าข้ารักท่าน ไม่ว่าท่านจะรักข้าหรือไม่... สุดท้ายท่านก็ต้องแต่งกับข้าอยู่ดี”
ไป๋เทียนหลงเหลือบตามองนางเพียงครู่เดียว ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“หากเจ้ามาเพราะเรื่องนี้... กลับไปเสีย ข้ายังมีเรื่องสำคัญต้องทำ”
เซี่ยซีเม้มริมฝีปากแน่น ความโกรธปะทุขึ้นในอก ดวงตาคู่งามฉายแววเจ็บปวด ทว่าอีกมุมหนึ่งกลับเต็มไปด้วยเพลิงแค้น
“ข้าจะรอดู…”
นางพึมพำ ก่อนหัวเราะในลำคอเบา ๆ
ไป๋เทียนหลงไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ปรายตามองนางเงียบ ๆ ราวกับนางเป็นเพียงธุลีที่ไร้ค่า
เซี่ยซีสะบัดหน้าหนี ก่อนหมุนกายเดินจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก
ทว่า ขณะที่นางเดินออกจากห้องไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นภายในจิตใจของนางเอง
สักวัน… ข้าจะทำให้ท่านรักข้าให้ได้… ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
มู่หลินยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาของนางจับจ้องภาพตรงหน้าโดยไม่อาจละสายตาได้
ทุกคำพูด ทุกท่วงท่าของธิดามารและไป๋เทียนหลงล้วนตกอยู่ในสายตาของนาง นางรู้ดีว่าจอมมารผู้นี้มีคู่หมั้นแล้ว และเมื่อครู่พวกเขาเกือบจะจูบกันต่อหน้านาง นางไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปรู้สึกอะไรได้
ทว่า…หัวใจของนางกลับร้อนรุ่มราวกับเปลวไฟลุกไหม้อยู่ภายในอก
“หากเขาจะจูบกันก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับข้าสักหน่อย… หยุดคิดได้แล้ว มู่หลิน”
นางพึมพำกับตัวเอง พยายามสะกดอารมณ์บางอย่างที่พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างไม่สมเหตุสมผล
ทันใดนั้น
เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาทางด้านหลัง นางรู้สึกถึงไอเย็นที่แผ่กระจายออกมาจากร่างของใครบางคน ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำจะดังขึ้น
“ทำไม… เจ้าหึงข้าหรือไง หึ”
มู่หลินสะดุ้งเล็กน้อย นางหันขวับไปเผชิญหน้ากับไป๋เทียนหลง ดวงตาคมกริบของเขามองลึกเข้ามาในดวงตาของนาง ราวกับต้องการจะอ่านความคิดให้ทะลุปรุโปร่ง
นางเม้มริมฝีปากแน่น พยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติ
“ทำไมข้าต้องหึงเจ้า? ข้าไม่ได้ชอบเจ้า และอีกไม่นานข้าก็จะไปจากที่นี่… เราไม่ข้องเกี่ยวกันอีก”
ไป๋เทียนหลงไม่ได้ตอบในทันที แต่เขาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ แม้ท่าทีของเขาจะดูเย็นชาอยู่เสมอ แต่ยามที่เขาเข้ามาใกล้เช่นนี้ กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาด หัวใจของมู่หลินเต้นแรงขึ้นโดยไม่อาจควบคุมได้
“เจ้าเคยบอกว่าเจ้าอยากช่วยข้าให้พ้นจากการเป็นจอมมาร… เจ้ายังคิดเช่นนั้นอยู่หรือไม่?”
คำพูดของเขาทำให้หัวใจของมู่หลินสั่นไหว นางเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง หรือว่า… เขาจะกลับใจแล้วจริง ๆ?
“ใช่ ข้ายังยืนยันคำเดิม”
นางตอบโดยไม่ลังเล
“ท่านเปลี่ยนใจแล้วใช่หรือไม่? ท่านจะไปกับข้าใช่ไหม?”
ไป๋เทียนหลงนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ตอนนี้ข้ายังไปไม่ได้… ข้ามีสิ่งสำคัญต้องทำ”
เขาหยุดเล็กน้อยราวกับกำลังไตร่ตรองอะไรบางอย่าง
“แต่หากถึงเวลาที่ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า ข้าจะไปหาเจ้าเอง”
มู่หลินจ้องมองเขา รู้สึกถึงความหนักแน่นในคำพูดของเขา นางพยักหน้ารับช้า ๆ
“ข้าจะรอนะ ไป๋เทียนหลง”
เขาเหลือบมองข้อมือของนาง ก่อนที่ดวงตาของเขาจะฉายแววบางอย่างออกมา
“กำไลนั้น…”
เขาเอ่ยขึ้นพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“นั่นคือกำไลหยกพลังจันทราใช่หรือไม่? ข้าเหมือนจะเคยเห็นมันมาก่อน”
มู่หลินก้มลงมองกำไลหยกสีขาวสะอาดที่ข้อมือตัวเอง นางพยักหน้า
“ใช่… กำไลนี้อาจารย์ให้ข้า” มู่หลินตอบ
“ข้าขอดูได้หรือไม่?
ถอดออกมาให้ข้าดูหน่อย”
มู่หลินชะงักเล็กน้อย นางมองเขาด้วยแววตาลังเล มือเรียวเลื่อนแตะกำไลเบา ๆ
“ข้า… ข้าไม่สามารถถอดออกมาได้”
นางตอบเสียงเบา
“เพราะถ้าถอดออกมา พลังของข้าก็จะถูก—”
นางหยุดพูดกะทันหัน ใช้มือปิดปากตนเองทันที เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเพิ่งจะเผลอพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป
ไป๋เทียนหลงมองนางด้วยสายตาคมกริบ
“ทำไมรึ?”
“ไม่มีอะไร” มู่หลินรีบตอบเสียงแข็ง
“ข้าบอกเจ้าไม่ได้… เอาเป็นว่าข้าถอดไม่ได้ก็แล้วกัน”
ไป๋เทียนหลงจ้องมองนางอีกครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่
“ไม่เป็นไร… ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องลำบากใจ”
มู่หลินสบตาเขา นางมองดูสีหน้าของเขาอย่างพยายามอ่านความคิด ทว่า… นางกลับไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่จริง ๆ
เขากำลังแสดงความอ่อนโยน… หรือเพียงแค่ต้องการบางสิ่งจากนางกันแน่?
