Ep.2 ทัณฑ์พิษสวาท(2)
เขาเผลอบีบข้อมือของเธอจนหญิงสาวต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ พอรู้สึกตัวว่าเผลอบีบข้อมือเธอแรง เขาก็คลายมือลง แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน เขามองเธอแววตาเป็นประกายล้อเลียน ออกจะเย้ยหยันหน่อยๆ เขาไม่เคยมองเธอด้วยความรู้สึกดีๆหรอกเธอรู้ดี
“จะรีบไปไหนล่ะ อยู่คุยกันก่อนสิ”
“แต่ฉันไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณ ปล่อยนะ”
“แต่ฉันมีเรื่องที่จะตกลงกับเธอ”
“เรื่องอะไร”
“ขึ้นไปคุยกันบนห้องของฉัน”
“ไม่ไป คุยตรงนี้ก็ได้นี่”
“ฉันไม่ชอบให้ใครมาฟังเรื่องที่ฉันจะคุยกับเธอ เพราะมันเป็นความลับ ที่ฉันไม่อยากให้ใครรู้”
ปลายฝนจึงยอมให้ชายหนุ่มดึงมือเธอขึ้นไปจนถึงห้องนอนของเขา แล้วเขาก็ปล่อยเธอเป็นอิสระอย่างไม่เบามือมากนัก ออกจะเหวี่ยงๆด้วยซ้ำ
ปลายฝนมองสบตาคุณชายใจมาร ด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นในหัวใจ และหวาดหวั่นอยู่ลึกๆ เธอไม่ไว้ใจเขาหรอก พิทยาธร เคยล่วงเกิน ชอบฉวยเอากำไรกับเธอแบบถึงเนื้อถึงตัวหลายครั้งเมื่อเขามีโอกาส แต่เรื่องนี้เธอก็ยังไม่เคยบอกใคร เธอเก็บงำไว้กับตัวเองด้วยความเจ็บปวดใจมาโดยตลอด
“คุณมีธุระอะไรจะคุยกับฉัน ก็พูดมาสิคะ ฉันมีธุระที่จะต้องไปทำเหมือนกันนะ ฉันไม่ได้ว่าง”
“ธุระของเธอก็แค่ไปช้อปปิ้ง ผลาญเงินป๊าของฉันไปวันๆ”
“หยุดพูดจาดูถูกฉันได้แล้วนะ ฉันบอกคุณหลายครั้งแล้วว่า ฉันไม่ได้เอาเงินของใครไปผลาญทางนั้น ฉันหาเงินด้วยตัวฉันเองได้ ไม่ต้องแบมือขอเงินใคร”
ชายหนุ่มส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยัน
“น้ำหน้าอย่างเธอนะเหรอที่จะหาเงินมาใช้เอง วันๆฉันก็เห็นเธอเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง ไม่เห็นทำการทำงานอะไร”
“พอเถอะ หยุดพูดจาถากถางฉันได้แล้ว แล้วก็พูดธุระของคุณมา”
“ได้ เรื่องที่ฉันจะบอกเธอก็คือ เธอห้ามไปทำงานที่บริษัทเดียวกับฉันเด็ดขาด เพราะฉันไม่อยากจะเห็นหน้าเธอ”
เรื่องนี้พ่อเลี้ยงของเธอได้เกริ่นกับเธอเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว ตั้งแต่สมัยที่เธอยังเรียนอยู่ ท่านเจ้าสัวต้องการให้เธอไปทำงานเป็นเลขาของพิทยาธร แต่ที่เธอยังไม่ได้ปฏิเสธออกไป ก็เพราะมันเป็นคำขอร้องของผู้มีพระคุณ แถมมารดาของเธอก็ได้ขอร้องเธออีกแรงด้วยว่า ถ้าหากว่าเธอเรียนจบแล้ว ก็ให้เธอไปงานช่วยพิทยาธรที่บริษัท
แต่เหตุผลเดียวที่เธอจะไม่ไป ก็เพราะเขานี่แหละที่จะเป็นคนสั่งให้เธอไม่ให้ไปทำงานที่บริษัท
‘เธอกลัวเขา ท่านเจ้าสัวกับแม่ของเธอ ไม่รู้ว่าเธอกลัวเขามากแค่ไหน’
“แล้วคุณคิดเหรอ ว่าฉันอยากจะไปทำงานกับคุณ ฉันก็ไม่อยากเห็นหน้าคุณแม้แต่นาทีเดียว ฉันแทบจะไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้เลยด้วยซ้ำ”
“แล้วทำไมไม่ย้ายออกไปล่ะ จะมาอยู่ให้ลำบากใจทำไม บ้านของฉันไม่เคยต้อนรับแม่ของเธอกับเธออยู่แล้ว เพราะตั้งแต่เธอกับแม่ของเธอก้าวเข้ามาเหยียบที่นี่ ชีวิตของฉัน ก็ไม่เคยมีความสงบสุขอีกเลย ฉันเกลียดแม่ของเธอ และฉันก็เกลียดเธอมากด้วย”
“ฉันรู้ค่ะว่าคุณเกลียดฉัน ฉันรู้มาตลอดนั่นแหละ ไม่อย่างนั้นคุณก็คงจะไม่รังแกฉันมาตลอดหรอก”
พอพูดจบเขาก็เดินเขามาใกล้ แล้วก็ทำท่าเหมือนจะรังแกเธออีก หญิงสาวจึงถอยร่นหนีโดยอัตโนมัติ จนแผ่นหลังบางไปชิดกับข้างฝาใกล้กับหน้าต่าง
“ฉันไม่ได้ชอบรังแกเธอหรอกนะ แต่เธอทำตัวให้น่ารังแกเองต่างหาก และที่ฉันทำไปก็อย่าหลงคิดนะว่าฉันพิศวาสเธอ ผู้หญิงอย่างเธอไม่มีค่าคู่ควรกับความรู้สึกดีๆของฉันหรอก เธอจะได้แค่ความเกลียดชังจากฉันเท่านั้น”
“ฉันก็ไม่เคยคาดหวังที่จะให้คนใจดำอย่างคุณมารู้สึกดีๆอะไรกับฉันหรอก ที่นี้ฉันจะออกจากห้องนี้ไปได้หรือยัง”
“เชิญ”
จบคำของชายหนุ่ม ปลายฝนก็รีบเปิดประตูออกมาจากห้องของเขาทันที แล้วก็รีบวิ่งไปที่รถของตัวเอง แล้วก็ขับออกไปข้างหน้าโดยที่ยังไม่รู้จุดหมายปลายทาง แต่ขอแค่ให้ไปพ้นจากหน้าของเขา เท่านั้นก็พอแล้ว แม้ว่าตอนนี้มันจะใกล้เวลารับประทานอาหารเย็นแล้วก็ตาม คืนนี้เธอกลับดึกหน่อยก็คงจะไม่เป็นอะไรหรอก
และจากวันนั้นเป็นต้นมาปลายฝนก็พยายามหลบหน้าหลบตาพิทยาธรตลอด
