ตอนที่5 ระยะเริ่มสั้นลง
ตอนที่5 ระยะเริ่มสั้นลง
ทางด้านเมกะที่ตอนนี้ตั้งหน้าตั้งตาทำงานทำงานอย่างไม่ลดละราวกับว่าร่างกายนี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยกลไกพิเศษที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องหลายชั่วโมง ทั้งที่ในร่างกายตอนนี้มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ในเลือดในปริมาณที่มากพอสมควร หรือถ้าเปรียบเป็นแบตเตอรี่ก็คงจะเป็นประเภทอึดทนนานชนิดพิเศษ แต่ระหว่างนั่งทำงานอยู่นั้นบางครั้งสายตาก็แอบชำเลืองมองที่หน้าจอโทรศัพท์ที่เปิดภาพเคลื่อนไหวอะไรสักอย่างไว้
ทางด้านอิงฟ้า
ร่างอรชรที่นอนพลิกตัวไปมากว่าครึ่งชั่วโมง เปลือกตาที่ไม่ยอมปิดเริ่มค่อย ๆ ปิดลงเพราะทนฝืนธรรมชาติของร่างกายไม่ไหว ในที่สุดอิงฟ้าก็เผลอหลับไปในเวลาเกือบสว่าง ดีที่วันนี้เป็นเช้าของวันเสาร์เธอจึงไม่ต้องแบกหนังตาหนักอึ้งไปนั่งเรียน
“นายครับ ตอนนี้ตีสี่แล้วนะครับ งานที่ค้างอยู่ค่อยมาทำต่อพรุ่งนี้ไหมครับ” ภัทรหันไปพูดกับคนเป็นนายหลังจากกระดกกาแฟดำเป็นแก้วที่ 5 ในคืนนี้
“มึงง่วงก็ไปนอน”
“แต่ดูนายไม่ค่อยมีสมาธิสักเท่าไหร่นะครับ เอกสารแฟ้มเดิมนายเปิดกลับไปกลับมา 5 รอบแล้วครับ ผมว่านายไปพักผ่อนดีกว่าครับ”
“พรุ่งนี้มีงานอะไร”
“พรุ่งนี้มีนัดคุยกับเจ้าของกาสิโนฝั่งปอยเปตครับ เขาเสนอที่จะให้เราไปร่วมลงทุนด้วย” ธุรกิจสีเทาอีกอย่างที่ทำเงินมหาศาลให้เมกะ
“เช็กดีแล้วใช่ไหมว่าไม่มีการค้ามนุษย์ที่นั่น”
“ทางเราเช็กทุกอย่างดีแล้วครับ ธุรกิจทั้งหมดที่เขาเป็นเจ้าของไม่มีเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และยาเสพติด แต่ตอนนี้เขากำลังขยายธุรกิจซึ่งต้องการเงินทุนจำนวนมากครับ” ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาภัทรมอบหมายให้เจเช็กเบื้องลึกเบื้องหลังเจ้าพ่อกาสิโนรายนี้จนแน่ใจ
“กี่โมง”
“4 ทุ่มครับ”
“เรียกไอ้เจเข้ามาพบกูด้วยตอนเช้า”
“ครับนาย” ภัทรยืนรอให้คนเป็นนายเดินเข้าห้องส่วนตัวไปเรียบร้อยก่อนค่อยเปิดประตูออกไป การ์ดที่ยืนเฝ้าเวรยามอยู่หน้าห้องก้มหัวให้เล็กน้อยเมื่อภัทรเดินผ่านไป เสียงฝีเท้าที่ดูเหมือนจะช้ากว่าปกติบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าไม่กระฉับกระเฉงเหมือนปกติ
“ดูพี่ภัทรจะเหนื่อย ๆ นะ ทำงานหามรุ่งหามค่ำแทบทุกวัน ไม่รู้ว่าร่างกายทำด้วยอะไรถึงอึดขนาดนั้น” หนึ่งในการ์ดหันไปพูดกับเพื่อนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ น้ำเสียงแสดงออกถึงความห่วงใย
“หน่วยรบพิเศษ ฉันได้ยินมาว่าพี่ภัทรผ่านการฝึกจากหน่วยรบพิเศษจากอเมริกา และเรียนจบหลักสูตรการเงินจากอเมริกาด้วยนะ” “พี่ภัทรกับนายเกิดมาเพื่อเดินเคียงข้างกันจริง ๆ”
“กูก็คิดแบบนั้น” การสนทนาจบลงเพียงแค่นั้น เพราะการพูดถึงเจ้านายลับหลังไม่ว่าในทางที่ดีและไม่ดีก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเช่นกัน
ช่วงสายวันต่อมา
“พี่เจ สวัสดีครับ” การปรากฏตัวของมือซ้ายคนสนิทที่ไม่ค่อยบ่อยนักเพราะส่วนมากเจจะทำงานด้านนอกมากกว่า ส่วนหน้าที่ติดตามเจ้านายเป็นหน้าที่ของมือขวาอย่างภัทร
“นายตื่นหรือยัง”
“น่าจะตื่นแล้วครับ พี่ภัทรพึ่งเดินเข้าไปในห้องนายเมื่อสักครู่” การ์ดรายงานจากการคาดเดา
แอ๊ด..
“สวัสดีครับพี่ นายละครับ” เจกล่าวทักทายรุ่นพี่ที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะหลังจากพึ่งนอนไปแค่สามชั่วโมง
“อืม..ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” เสียงเรียบเอ่ยถามขณะที่สายตายังโฟกัสอยู่กับบัญชีผับที่ต้องตรวจเช็กอย่างละเอียดทุกวัน โดยเฉพาะบัญชีของกาสิโนชั้นใต้ดิน
“เรียบร้อยดีครับ ผมเช็กทุกอย่างโดยละเอียดแล้ว” เจตอบกลับเดินไปหย่อนสะโพกสอบลงนั่งเก้าอี้ตรงโต๊ะทำงานที่ตั้งถัดจากโต๊ะของภัทร
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาพร้อมกับร่างกำยำของชายหนุ่มเจ้าของผับ
“สวัสดีครับนาย”
“อืม”
“นายมีงานอะไรถึงเรียกผมเข้ามาที่นี่ครับ” เจเอ่ยถามคนเป็นนายทันทีหลังจากบึ่งรถมาจากชายแดน และตอนนี้ก็ยังไม่ได้นอน
“คืนนี้เข้ามาดูความเรียบร้อยที่ผับด้วยกูกับไอ้ภัทรจะออกไปข้างนอก โดยเฉพาะลูกค้าชั้น VIP อย่าให้เกิดปัญหาขึ้นเด็ดขาด”
“เป็นเรื่องจริงใช่ไหมครับ เด็กคนนั้นหน้าตาเหมือนพราวฟ้ามากขนาดนั้นเลยเหรอครับ” เจถามกลับโดยไม่กลัวว่าลูกตะกั่วจะลอยไปแสกหน้าหล่อ ๆ ของตัวเอง หลังจากก่อนหน้านั้นได้ยินลูกน้องต่างพากันพูดถึง
“เรื่องแบบนี้ทำงานกันไวนัก เรื่องงานที่กูสั่งทำเสร็จหรือยัง” เมกะเริ่มเสียงแข็งขึ้น ส่งสายตาคมดุไปยังมือซ้ายคนสนิท
“ข่าวนายดังมากเลยนะครับ เมื่อวานผมเจอคุณเซนติกับคุณเฟมโต เพื่อนนายบอกว่าว่าที่นายหญิงของพวกผมสวยมาก หน้าตาเหมือนพราวฟ้าราวกับคนคนเดียวกัน จริงหรือเปล่าครับ”
“กูสั่งงานมึงว่ายังไงเจ”
“นายให้ผมคอยดูแลอิงฟ้าดี ๆ ครับ”
“ไอ้เจ!” เสียงกร้าวตะโกนดังลั่น ภัทรที่นั่งทำงานอยู่ถึงกลับส่ายหัวให้เจ้านายกับรุ่นน้อง เจอกันทีไรมีเรื่องให้ด่ากันทุกครั้งเหมือนเป็นคู่กัดกันมากกว่าการเป็นเจ้านายกับลูกน้อง
“นายตั้งใจจะบอกผมแบบนี้ไม่ใช่เหรอครับ”
“มึงมีปัญหาในการสื่อสารนะ”
“นายเองมีปัญหาในการสั่งงานที่ไม่ค่อยตรงประเด็นนะครับ”
“ไม่ตรงประเด็นยังไง” เมกะคิ้วขมวดผูกเข้าหากัน สายตาคมดุจ้องหน้าลูกน้องเขม็ง
“ปกติเวลานายไม่ได้อยู่ที่ผับก็จะให้ไอ้เดย์เป็นคนดูแลความเรียบร้อยทั้งหมด แต่วันนี้นายกลับเรียกผมเข้ามาดูแลแทนนายทั้งที่มันไม่จำเป็นเลย วัตถุประสงค์ของนายคือต้องการให้ผมมาเฝ้าอิงฟ้าแค่นั้นใช่ไหมครับ”
“กูบอกให้มึงมาเฝ้าผับ”
“ครับเฝ้าผับ”
“เจ งานเสร็จแล้วก็รีบกลับไปนอน” ภัทรพูดแทรกขึ้นเพราะทนฟังเสียงรบกวนไร้สาระต่อไปไม่ไหว
ตลอดทั้งวันอิงฟ้าใช้เวลานอนหลับพักผ่อนเพราะคืนวันเสาร์เป็นค่ำคืนที่งานหนักและวุ่นวายมาก
“พี่ฟ้า จะไปทำงานแล้วเหรอคะ” เสียงเล็กตะโกนข้ามรั้วเรียกให้คนที่กำลังจะเปิดประตูขึ้นรถชะงักและหันไปตามทิศทางของเสียง
“ใช่ อิงมีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ ทำงานก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ อิงเป็นห่วง” เด็กสาวตอบกลับพร้อมรอยยิ้มสดใสกลับไปให้คนเป็นพี่ นอกจากครอบครัวที่แตกแยกเพราะการพนันแล้วอิงฟ้าก็มีครอบครัวของอิงดาวที่สนิทเปรียบเสมือนครอบครัวตัวเอง
“จ้า พี่ไปแล้วนะ
รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นเคลื่อนตัวออกจากบ้านหลังเล็กมุ่งหน้าสู่ย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ ใช้เวลาขับรถชั่วโมงกว่า ๆ ก็มาถึงผับหรูที่เธอทำงานอยู่ เนื่องจากอิงฟ้ามักจะมาทำงานก่อนเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงเธอจึงสามารถเลือกที่จอดรถได้ และตรงช่องที่เธอชอบจอดคือช่องที่อยู่ใกล้กับลานจอด VIP ของเจ้าของผับและกลุ่มเพื่อน รวมทั้งลูกค้าระดับ VIP
“ออกรถเลยไหมครับนาย คนของเราแจ้งว่าคุณชเวงมาถึงที่โรงแรมแล้วครับ” ภัทรที่วันนี้รับหน้าที่ขับรถและเลขาคนสนิทรายงานให้คนเป็นนายฟัง แต่ดูเหมือนตอนนี้เมกะไม่ได้โฟกัสกับสิ่งที่ภัทรรายงานไปก่อนหน้า เพราะสายตาคมเอาแต่มองทะลุกระจกมองข้างที่ติดฟิล์มดำสนิทออกไปด้านนอก เมื่อภัทรโฟกัสสายตาไปทิศทางที่เจ้านายกำลังมองอยู่เพื่อดูว่ามีอะไรผิดปกติกลับพบว่ามีเพียงรถของพนักงานสาวจอดอยู่บริเวณนั้นเพียงคันเดียว และบริเวณรอบ ๆ ก็มีการ์ดคอยยืนตรวจตราดูความเรียบร้อยอยู่ตลอดเวลา
“มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าครับ” เมื่อภัทรยังไม่ได้รับคำตอบจากคนเป็นนายจึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“ไม่มี ออกรถได้เลย”
เมื่อรถคันหรูเคลื่อนตัวออกจากผับมุ่งตรงไปยังโรงแรมหรูสถานที่นัดหมาย โดยไม่มีรถของลูกน้องตามมาเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยเพราะเมกะไม่ชอบเป็นจุดสนใจเวลาไปไหนมาไหน เขามักจะสร้างภาพเป็นนักธุรกิจมากกว่ามาเฟีย
“ไอ้เจมันเข้ามาที่ผับหรือยัง” เมื่อเดินทางมาถึงโรงแรมเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้ก็ถึงเวลาผับเปิดแล้วจึงหันไปถามภัทรที่พึ่งวางสายจากเจ
“มาถึงแล้วครับ เมื่อกี้มีเรื่องวุ่นวายนิดหน่อยเพราะลูกค้าเมาแล้วจะพยายามเข้าไปพื้นที่ที่ไม่ได้รับอนุญาตครับ เจจัดการเรียบร้อยแล้วครับ”
“พึ่งจะสามทุ่มมันจะเมาอะไรไวขนาดนั้นวะ กำชับไอ้เจให้ดูแลความเรียบร้อยดี ๆ ช่วงนี้อาจมีคนของพวกมันแฝงตัวเข้ามายุ่มย่ามในผับเรา ฉันไม่ชอบมีปัญหามันเสียเวลาในการจัดการ” ไม่ใช่ว่าชายหนุ่มจะจัดการไม่ได้แต่เพราะไม่อยากเสียเวลาไปจัดการเรื่องเล็กน้อยพวกนั้นต่างหาก
“ผมกำชับเจไปแล้วครับ”
“แล้วชั้นวีไอพีทุกอย่างเรียบร้อยใช่ไหม”
“เจฝากรายงานนายว่าไม่ต้องเป็นห่วงชั้นวีไอพีครับ จะดูแลให้ดีเป็นพิเศษครับ” จากตอนแรกที่ด่าบอดี้การ์ดรุ่นน้องว่าชอบยั่วโมโหเจ้านายแต่ตอนนี้เขาเองก็นึกหมั่นไส้เลยรายงานไปตามที่รุ่นน้องฝากมา
“มึงหรือไอ้เจเป็นคนบอก”
“ไอ้เจครับ”
“บอกมันด้วยว่าถ้าวันนี้ที่ผับมีปัญหากูจะส่งมันไปประจำอยู่ที่รัสเซีย ไม่ต้องกลับมาเหยียบเมืองไทยอีกตลอดชีวิต” เป็นคำขู่อย่างเดียวที่ใช้ได้ผลกับเจตอนนี้ การที่ต้องไปทำงานต่างประเทศเป็นสิ่งที่ท้าทายก็จริงแต่เจกลัวที่จะต้องตายเป็นศพไร้ญาติอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ถ้าจะต้องตายจริง ๆ ก็ขอตายที่บ้านเกิดหรือตายใกล้บ้านที่ญาติจะสามารถนำศพมากลับมาประกอบพิธีทางศาสนาได้ ถ้าจะให้พูดตามตรงก็คือกลัวดวงวิญญาณของตัวเองไม่ได้ไปเกิดใหม่นั่นเอง
“ครับผมจะบอกมันให้ครับ”
“ผมได้ยินพวกการ์ดคุยกันว่าไอ้เจดูสนิทกับอิงฟ้ามากเลยนะครับ ไอ้เจมันเก่งเรื่องเข้าหาผู้หญิง ขนาดเจออิงฟ้าแค่ครั้งสองครั้งยังดูสนิทกันเหมือนพี่น้องคลานตามกันมา เรื่องนี้มันเก่งมันน่าจะช่วยนายได้ดีทีเดียวถ้านายต้องการจีบผู้หญิง”
“กูไม่ได้ต้องการจีบใคร แล้วพวกมันว่างงานกันมากหรือไงถึงมีเวลาไปคุยเล่นกับพนักงาน ถ้าว่างกูจะได้สั่งงานเพิ่ม จ้างเปลืองเงินเปลืองข้าว”
“นายไม่พอใจเรื่องงานหรือนายไม่พอใจเรื่องอิงฟ้าครับ”
“กูจ้างมาทำงานไม่ได้จ้างมาคุยกัน” เป็นครั้งแรกที่เมกะตอบไม่ตรงคำถาม
“ฝึกภาวนาจิตให้แข็งกว่านี้นะครับ”
“ทำไม”
“ผมกลัวนายใจแตกครับ”
“ไอ้ภัทร” เสียงเหี้ยมตะโกนลั่นรถ เป็นครั้งแรกที่เมกะเจอภัทรในเวอร์ชันโคลนนิ่งมาจากเจ ทำเอามาเฟียหนุ่มหัวเสียไม่น้อย
