เขาคนงานที่เธอปรารถนา

17.0K · จบแล้ว
นกกระจิบ
12
บท
1.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เธอคือคุณหนูผู้มีทุกอย่าง...แต่กลับยอมทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อชายที่ทั้งไร่เรียกว่าแค่คนงาน” เขาหัวหน้าคนงานผู้ไม่เคยแสดงความอ่อนโยน มีเพียงร่างกายแข็งแกร่งและแววตาเย็นชาที่ทำให้หัวใจเธอสั่นไหวทุกครั้งที่สบตา เธอลูกสาวเจ้าของไร่ที่กลับบ้านพร้อมหัวใจที่คิดว่าจะไม่รักใคร แต่กลับถูกร่างกายและสัมผัสของเขาทำลายทุกตรรกะ คืนหนึ่งใต้พายุฝน...เขาคืออ้อมแขนเดียวที่เธอพึ่งพิงได้และหลังจากนั้น...เขาก็กลายเป็น “ไฟ” ที่เธอห้ามใจตัวเองไม่ได้อีกเลย

นิยายรักโรแมนติกผู้ชายอบอุ่นผู้หญิงเรียบร้อยพระเอกเก่งคู่รักลิขิตโรแมนติกความสัมพันธ์ไม่ชัดเจน18+

1 เขาผู้แข็งแกร่ง

ตอนที่ 1

เขาผู้แข็งแกร่ง

เสียงล้อรถยนต์บดกับทางดินแดงดังครืดคราด พลางปั่นฝุ่นสีน้ำตาลอมแดงให้ฟุ้งกระจายขึ้นเป็นสายสูงเสียดฟ้า ยามบ่ายคล้อยของฤดูร้อนอันอบอ้าว แสงแดดสีขาวจัดแผดเผาทั่วลานไร่ส้มที่ทอดตัวกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา

บรรยากาศร้อนระอุที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นไอดินและกลิ่นอ่อนๆ ของดอกส้มในอากาศ ช่างเข้ากันดีกับความรู้สึกร้อนรุ่มในใจของหญิงสาวผู้โดยสารอยู่เบาะหลังของรถตู้คันหรูคันนั้น

“ถึงแล้วค่ะคุณน้ำขิง”

เสียงนุ่มนวลของป้าสา สาวใช้สูงวัยที่อยู่กับครอบครัวมานานนับสิบปีเอ่ยเรียกเบาๆ

น้ำขิง เจ้าของชื่อ ขยับแว่นกันแดดทรงสวยที่คาดอยู่บนสันจมูกขึ้นเล็กน้อยอย่างเกียจคร้าน เปลือกตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้เลนส์สีชาเปิดขึ้นช้าๆ สายตาคมกวาดมองภาพเบื้องหน้าอย่างรำลึกหวนหาด้วยความรู้สึกหลากหลาย

“สิบปีแล้วสินะ...” เสียงกระซิบที่เลือนหายไปในสายลมแห่งความทรงจำ

เบื้องหน้าคือ บ้านไม้หลังใหญ่ทรงไทยประยุกต์ ที่ยังคงตั้งตระหง่านอย่างสง่างามบนเนินเตี้ยๆ ล้อมรอบด้วยอาณาจักรส้มที่ปลูกเรียงรายอย่างเป็นระเบียบสุดลูกหูลูกตา ร่มเงาของต้นส้มที่แผ่กิ่งก้านสาขาอย่างคุ้นตาช่วยบดบังแสงแดดที่ร้อนแรงได้บ้าง ทว่าภายในอกกลับสั่นไหวอย่างแปลกประหลาด ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างที่เธอทิ้งไว้เมื่อสิบปีก่อน กำลังรอคอยการกลับมาของเธอเพื่อสะสางเรื่องราวที่ค้างคา

น้ำขิงก้าวลงจากรถพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่ถูกลำเลียงออกมา เธอสาวเท้าก้าวยาวๆ อย่างมั่นใจตรงเข้าสู่ตัวบ้านโดยไม่รอใคร ความมั่นใจที่ฉายชัดในทุกท่วงท่าของเธอ ตอกย้ำว่าแม้เธอจะใช้ชีวิตและสำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศมานานนับสิบปี แต่ก็ไม่เคยลืมว่าเธอคือ ลูกสาวคนเดียวของเจ้าของไร่ส้มอันดับหนึ่งของอำเภอ แห่งนี้

“หนูน้ำขิง” เสียงของผู้เป็นพ่อดังขึ้นจากในห้องโถงกว้างของบ้าน

หญิงสาวยิ้มกว้าง ใบหน้าสะสวยเต็มไปด้วยความสดใส เธอรีบเดินเข้าไปสวมกอดผู้ให้กำเนิด แม้จะสัมผัสได้ว่าร่างกายของท่านซูบผอมลงไปมากจากที่เคยเห็นเมื่อสิบปีก่อน แต่รอยยิ้มที่มอบให้เธอก็ยังคงอบอุ่นละมุนละไมไม่เปลี่ยนไป

“พ่อยังหล่ออยู่นะเนี่ย” เธอแกล้งพูดหยอกพลางซบหน้ากับไหล่กว้างของท่าน

“เออ...ปากหวานเหมือนแม่ไม่มีผิด” ผู้เป็นพ่อหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

ในระหว่างที่สองพ่อลูกกำลังหยอกเย้าและแลกเปลี่ยนเรื่องราวกันอย่างอบอุ่น เสียงฝีเท้าหนักแน่น ก็ดังขึ้นจากทางเดินข้างบ้าน น้ำขิงหันขวับไปทางต้นเสียงทันที สัญชาตญาณบางอย่างบอกเธอว่าเสียงที่ฟังดูทรงพลังและหนักหน่วงนั้น เป็นเสียงที่คุ้นเคยในความทรงจำวัยเด็กของเธอ แต่มันกลับแฝงไปด้วยความเยือกเย็น เย็นเกินไปจนทำให้สันหลังเธอสะท้านวาบไปทั่วทั้งแผ่นหลัง

ชายร่างสูง ในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มที่พับแขนขึ้นถึงข้อศอกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง กับกางเกงยีนสีเข้มที่เปื้อนฝุ่นดินเล็กน้อย ก้าวเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดวงตาเรียวยาวทรงพลังใต้คิ้วหนาเฉียดคมมองตรงมายังเธอราวกับเป็นผู้บุกรุก

กล้ามเนื้อแขนที่ล่ำสันและแน่นกระชับที่โผล่พ้นปลายแขนเสื้อออกมาอย่างชัดเจน ทำให้หญิงสาวต้องเบือนหน้าหลบไปทางอื่นอย่างรวดเร็วราวกับถูกสะกด เธอจำได้ในทันที... เขา... ภูผา

“อ้อ...น้ำขิง ลูกคงจำไอ้ภูผาได้ใช่มั้ย มันเป็นหัวหน้าคนงานตอนนี้ ดูแลไร่ทั้งหมดแทนพ่อ” ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ

“จำได้ค่ะ...” หญิงสาวตอบเสียงเรียบ พยายามอย่างยิ่งที่จะซ่อนความรู้สึกแปลกประหลาดและความร้อนรุ่มที่ก่อตัวขึ้นในอก

“โตขึ้นเยอะเลยนะคะคุณภูผา” คำว่า 'โตขึ้นเยอะ' ของเธอแฝงไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งกว่าแค่รูปร่างที่สูงใหญ่ขึ้น

ภูผามองเธอนิ่งๆ สายตาที่จับจ้องมานั้นแข็งกระด้างและเยือกเย็นจนเธอรู้สึกราวกับถูกแช่แข็งทั้งตัว ความรู้สึกประหลาดที่ไม่อาจนิยามได้พุ่งวาบเข้าสู่หัวใจ

“คุณเองก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันครับ” เขาพูดเพียงเท่านั้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไร้อารมณ์ใดๆ ก่อนจะหันไปพูดกับพ่อของเธอด้วยน้ำเสียงสุภาพและเย็นชาไม่แพ้กัน

“ผมจะกลับไปดูแปลงฝั่งเหนือ พรุ่งนี้คุณน้ำขิงจะไปเดินไร่ด้วยไหมครับ จะได้ให้คนเตรียมรถ”

“อืม ให้เธอไปเรียนรู้ไว้บ้างก็ดี จะได้ไม่ลืมว่าเราโตจากดินมาอย่างไร” ผู้เป็นพ่อพยักหน้าเห็นด้วย

“ก็ได้ค่ะ”

หญิงสาวตอบแทรกขึ้นทันที แววตาคมฉายแววท้าทายลึกๆ ราวกับต้องการจะพิสูจน์บางสิ่งบางอย่าง

ภูผาไม่พูดอะไรอีก เขาเพียงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับเสียงฝีเท้าหนักๆ ที่ทิ้งความรู้สึกแปลกๆ ในอกของหญิงสาวเอาไว้เบื้องหลัง

“เขาดูนิ่งเกินไปไหมคะพ่อ” น้ำขิงเอ่ยถามเบาๆ หลังจากที่ร่างสูงลับสายตาไปแล้ว

“มันเป็นคนแบบนั้นแหละ รักไร่ รักงาน ไม่ค่อยพูด...แต่ไว้ใจได้” ผู้เป็นพ่อตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แสดงถึงความเชื่อใจที่มีต่อชายหนุ่ม

เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่พยักหน้าเงียบๆ แล้วเดินขึ้นห้องพัก ปล่อยให้หัวใจตัวเองยังคงสั่นไหวกับภาพร่างใหญ่ที่เพิ่งเดินผ่านไปเมื่อครู่

ค่ำวันนั้น น้ำขิงยืนอยู่ริมระเบียงห้องนอน หันหน้ามองดูพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าทิ้งทวนแสงสีส้มแดงฉานไปทั่วท้องฟ้า เสียงจิ้งหรีดร้องระงมตามธรรมชาติของค่ำคืนในชนบท

เธอกอดอกพลางหลับตาลงช้าๆ ภาพทั้งหมดในสมองกลับย้อนไปที่ดวงตาเรียบนิ่งแต่คมกริบของเขา ความรู้สึกประหลาดในอกเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรง

มันไม่ใช่แค่ เขาโตขึ้นอย่างที่เธอพูดไปเมื่อครู่

แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ราวกับมีแรงดึงดูดมหาศาล แผ่ออกมาจากตัวเขาอย่างไม่อาจต้านทาน ร่างกายที่ดูแข็งแกร่งขึ้น ดวงตาที่ดูเยือกเย็นและดุดันกว่าที่เคย

“เขามีกล้ามขึ้นเป็นกองเลยนะ...เหอะ ดูถูกกันนักใช่ไหมภูผา” เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ พลางยกแก้วไวน์แดงที่อยู่ในมือขึ้นแนบริมฝีปาก จิบเบาๆ เพื่อดับความร้อนรุ่มที่ก่อตัวขึ้นภายใน

ในเงาค่ำที่เริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุมไร่ส้ม หัวใจเธอเริ่มรู้สึก ร้อน...

ร้อน...เพราะกล้ามเนื้อแน่นๆ ใต้เสื้อเชิ้ตสีเข้มที่เธอแอบเหลือบมอง

ร้อน...เพราะสายตาเรียบนิ่งแต่ลึกซึ้งที่เหมือนจะแทะกินเธอทั้งตัวและร้อน...เพราะรู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่าง “ลูกสาวเจ้าของไร่” กับ “หัวหน้าคนงาน” นั้น มันไม่ควรจะเกิดขึ้น...

แต่หัวใจดวงนี้...กลับเรียกร้องให้เขา 'แตะ' ต้องมันอย่างไม่อาจต้านทาน ราวกับถูกมนตร์สะกดที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยแม้แต่น้อย