ตอนที่ 2 แพ้พนัน
กองเอกสารที่กางเต็มโต๊ะถูกปิดลงพร้อมเสียงถอนหายใจโล่งอกของทุกคน หลังจากนั่งทำรายงานกลุ่มมาหลายชั่วโมงติด
แจงยืดแขนยาว ๆ “โอ๊ยยย กูเมื่อยหลังจะตายแล้ว ในที่สุดก็เสร็จซะที”
“นี่ขนาดมึงช่วยพิมพ์ไม่กี่บรรทัดนะ ยังบ่นขนาดนี้” เบสหัวเราะ
“ไอ้บ้า กูหาข้อมูลตั้งเยอะเว้ย” ฝ่ามือของแจงฟาดลงบนแขนเบส
น้ำหนึ่งหัวเราะกับการเถียงกันของเพื่อน ๆ ก่อนจะเอนหลังพิงโซฟาอย่างเหนื่อยล้า อคิณที่นั่งอยู่ปลายโซฟาลุกขึ้นพร้อมกับสีหน้าเจ้าเล่ห์นิด ๆ
“ทำเสร็จแล้ว… แดกเหล้ากันปะพวกมึง”
ทุกสายตาหันมาพร้อมกัน
“เอาดิ” เบสว่า “ของมันต้องมีหลังงานเสร็จ”
แจงยกมือ “กูเอาด้วย ไหน ๆ ก็มานอนคอนโดมึงแล้ว คืนนี้ต้องจัดหนักหน่อยแล้วว่ะ”
น้ำหนึ่งมองหน้าเพื่อนทีละคน ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ
“เฮ้อ…เอาก็เอา”
คนเป็นเจ้าของห้องยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ก่อนจะเดินไปหยิบขวดเหล้าและแก้วออกมาจัดวาง ทุกคนขยับมานั่งล้อมวงกันตรงพรมกลางห้องนั่งเล่น บรรยากาศเริ่มคึกคักขึ้นทันที
เมื่อแก้วแรกหมดลง เบสก็เสนอไอเดียใหม่
“เอางี้ดีกว่า… เรามาเล่นเกมกัน จับคู่แข่งกัน ใครแพ้ต้องทำตามคำสั่งคนชนะ”
“เกมอะไรของมึงอีกเบส” แจงขมวดคิ้ว
เจ้าของไอเดียยิ้มร้าย “ง่าย ๆ ทอยลูกเต๋า เล่นเกมงูไง ใครทอยได้ถึงเส้นชัยก่อนคือชนะ คู่ไหนแพ้ต้องยอมทำตามคำสั่ง”
น้ำหนึ่งเอียงคออย่างสงสัย “เล่นทอยลูกเต๋าเนี่ยนะ? เกมบอร์ดงูนั่นอะ?”
“ใช่” เบสพยักหน้า “ง่าย ๆ สนุกดี แถมมีเดิมพันด้วย”
“โห เริ่ดว่ะ กูเอาด้วย” แจงตกลงทันที
อคิณยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนเอ่ยเสียงทุ้มขณะหันไปมองน้ำหนึ่ง “แล้วจะจับคู่ไงวะ”
“กูคู่แจง” เบสตอบทันควัน “มึงก็คู่น้ำหนึ่งไง”
น้ำหนึ่งเบิกตากว้างทันที
“หา! กูต้องคู่กับมันจริงดิ”
อคิณปรายตาไปมองอย่างเจ้าเล่ห์
“ก็แค่เล่นเกม...มึงกลัวอะไรน้ำหนึ่ง”
“ใครกลัว...กูไม่กลัวอยู่แล้ว
หลังจากยกเหล้าขึ้นดื่มกันไปหลายแก้ว ดีกรีความกล้าของทุกคนก็ค่อย ๆ พุ่งสูงขึ้น การเล่นเกมบันไดงูบนกระดานลูกเต๋าดูธรรมดา แต่พอผูกกับการพนันมันก็ไม่ธรรมดาอีกต่อไป
เบสโยนลูกเต๋าลงไปก่อน “แปดเว้ย!”
ตัวหมากเล็ก ๆ ขยับพรวดไปข้างหน้า
แจงยกมือดีดนิ้ว “โอเค คู่กูนำ”
อคิณหรี่ตามอง “หึ…พวกมึงอย่าเพิ่งดีใจไป ถึงตากูแล้ว"
เขาหยิบลูกเต๋าขึ้นมาคลึงเล่น พลางเหลือบมองน้ำหนึ่งที่นั่งข้าง ๆ
“โยนดี ๆ ล่ะ อย่าพากูซวยด้วย” น้ำหนึ่งเอ่ยประชด
“โอ๊ย ปากนี่มันน่าจับ…” อคิณกลั้วหัวเราะ กลืนคำพูดทิ้ง แล้วโยนลูกเต๋าลงไป
“สามว่ะ!” เบสหัวเราะออกมา “คู่กูนำเหมือนเดิม”
น้ำหนึ่งรีบคว้าแก้วเหล้ามาจิบ “ยังไม่จบปะวะ เดี๋ยวมึงคอยดู”
เกมดำเนินไปพร้อมชนแก้วกันตลอด แต่เหมือนโชคไม่เข้าข้างคู่ของอคิณกับน้ำหนึ่งเลยสักนิด ทุกทีที่ใกล้ถึงเส้นชัย ก็ดันตกบันได หรือถอยหลังกลับเหมือนถูกสาป
“กูว่ามึงเล่นไม่เป็นว่ะคิณ” น้ำหนึ่งยกมือกอดอกแล้วแกล้งเบะปาก “แพ้เขารัว ๆ แบบนี้”
“ก็มึงนั่งข้าง ๆ กูไง มันเลยซวย” อคิณหันไปว่า
แล้วเบสก็โยนรอบสุดท้าย
“หก!” ตัวหมากเคลื่อนเข้าเส้นชัยพอดี
“เยส! คู่กูชนะว่ะ” เบสตะโกนลั่น จับมือกับแจงตบดังป้าบอย่างภูมิใจ
น้ำหนึ่งตาโต “เฮ้ย! ไม่จริงอะ”
“กติกาก็คือกติกา"”แจงยักคิ้วกวน ๆ “คู่แพ้ก็เตรียมตัวทำตามคำสั่งได้เลย”
อคิณเอนตัวพิงพนักโซฟา หัวเราะเบา ๆ มุมปากยกขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์
“เออ…แพ้ก็แพ้ดิ ว่าแต่พวกมึงจะให้ทำอะไรล่ะ”
“นี่…ทำไมมึงดูไม่เดือดร้อนเลยวะ” น้ำหนึ่งหันขวับไปมองเพื่อนรัก
“กูก็แค่…คาดหวังอยู่ว่า คำสั่งมันจะน่าสนใจแค่ไหน”
เขาตอบพร้อมรอยยิ้มมีเลศนัยจนน้ำหนึ่งใจสั่น ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้ว่าคำสั่งคืออะไร
เพื่อนสองคนหันมามองหน้ากันแล้วแสยะยิ้ม
“โอเค…งั้น คำสั่งคงต้องเด็ด ๆ แล้วว่ะ” เบสว่า
บรรยากาศในห้องเงียบลงเล็กน้อย ขณะที่น้ำหนึ่งนั่งตัวเกร็ง อคิณกลับยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบด้วยท่าทีไม่ทุกข์ไม่ร้อนแต่อย่างใด
“โอเค! กูคิดออกแล้ว” เบสวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะ ตบมือดัง ป้าบ ทุกคนหันไปมองพร้อมกัน
แจงรีบถาม “มึงจะสั่งอะไรพวกมันวะเบส”
“ง่าย ๆ ว่ะ” เบสยิ้มเจ้าเล่ห์ “คู่แพ้อย่างพวกมึง…คืนนี้ต้องนอนห้องเดียวกันทั้งคืน ห้ามหนี ห้ามโกงนะโว้ย กูจะตั้งนาฬิกาปลุกแอบมาส่องเป็นระยะด้วย”
“ฮะ! มึงบ้าไปแล้วปะวะ” น้ำหนึ่งลุกพรวดขึ้นจากโซฟา “กูไม่เอา ไม่โอเค!”
เสียงหัวเราะของอคิณดังตามมา เขาเอนตัวสบาย ๆ แล้วเอียงคอหันไปมองเธอ “ทำไมวะ…กลัวกูจะปล้ำหรือไง”
“เชี่ยคิณ” เธอหันไปจ้องตาเพื่อนรักเขม็ง หน้าเริ่มร้อนผ่าวด้วยทั้งความอายและโมโห “ใครจะไปกลัวมึงวะ”
มุมปากของอคิณยกยิ้ม ทำหน้าทำตาเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก
“หรือว่า…จริง ๆ มึงกลัวตัวเองห้ามใจไม่ไหวกันแน่วะ”
“มึง!” คนหมดความอดทนแหวเสียงดัง แก้มร้อนวาบขึ้นอีกขั้น “ไม่มีทางโว้ย! เออ นอนก็นอน กูไม่ได้กลัวอะไรทั้งนั้น”
เบสกับแจงรีบปรบมือรัว “โหว คู่รักจำเป็นมาแล้วเว้ย!”
“แซ่บจัด คืนนี้ต้องมีอะไรเด็ด ๆ แน่นอน” แจงพูดพลางหัวเราะจนตัวงอ
“งั้นกูไปนอนก่อนนะเว้ย…” เบสลุกขึ้นยืน “รอตื่นมาดูตอนเช้า ว่าใครจะนอนกอดใครก่อน ฮ่า ๆๆๆ”
ส่วนแจงก็ รีบเก็บของแล้วเดินตามไป
“ฝันดีนะเพื่อน ๆ …โดยเฉพาะมึงสองคน”
ทันทีที่เบสกับแจงเข้าไปในห้องนอนและปิดประตู ความเงียบก็เข้ามาแทน เสียงหัวใจของน้ำหนึ่งเต้นแรงจนกลบเสียงทุกอย่าง อคิณยังคงนั่งสบาย ๆ มองเธอพร้อมรอยยิ้มกวนตีน
“โอเค…คืนนี้เพื่อนกูฝากฝังแล้ว” เขาลุกขึ้นยืน ยืดเส้นยืดสาย “ไปห้องกูเถอะน้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งกัดฟันกรอด เดินตามไปด้วยหัวใจเต้นระรัว ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทกันมาสามปี แต่นี่คือครั้งแรกที่เธอต้องนอนห้องเดียวกับเขาแบบไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย
เมื่อร่างเล็กก้าวขึ้นเตียงนอน ไฟในห้องก็ดับพรึ่บ ความมืดเข้าปกคลุมในทันที
“มึงปิดไฟทำไมวะคิณ” เธอถามเสียงดัง กะพริบตาปริบ ๆ เพราะไม่ชินกับความมืด
“ก็จะนอน มันก็ต้องปิดไฟปะวะ” เสียงทุ้มตอบ ก่อนทิ้งตัวลงนอนข้างกันอย่างหน้าตาเฉย
น้ำหนึ่งรีบขยับตัวหนีให้ชิดขอบเตียงมากที่สุด แต่ยังไม่ทันได้ไถลไปไหน แขนแข็งแรงก็ตวัดรอบเอว รวบเธอเข้ามาในอ้อมแขนแน่นจนหายใจสะดุด
“มึงจะทำอะไรคิณ” เสียงเธอสั่นเล็กน้อย
“กูติดหมอนข้าง” เขาตอบ “ขอกอดหน่อยดิ”
“เวร…มึงก็กอดหมอนข้างไปดิ ไม่ใช่กู”
“แต่กูอยากกอดมึงมากกว่าว่ะ”
คำพูดนั้นทำให้คนฟังถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ทว่ายังไม่ทันหาคำมาตอบโต้ได้ ร่างสูงก็พลิกตัวขึ้นคร่อมทันทีอย่างรวดเร็ว แขนทั้งสองข้างของเธอถูกกดแน่นกับเตียง ความต่างของแรงทำให้ขยับแทบไม่ได้
“ค...คิณ” คำพูดสะดุด แทบไม่กล้าขยับตัวเพราะสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อน ๆ ของอีกฝ่ายที่รินรดตรงต้นคอ ใกล้จนขนลุกซู่
“ชู่ว…” เสียงทุ้มดังขึ้นในความมืด “ใจเต้นแรงขนาดนี้…อย่าบอกนะว่ามึงก็คิดเหมือนกู”
หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นกว่าเดิม ความมืดในห้องยิ่งทำให้ทุกสัมผัสชัดเจนขึ้นไปอีก เธอพยายามเบือนหน้าหนีแต่ก็ถูกสายตาในเงามืดตรึงไว้ราวกับหลบไม่ได้
น้ำหนึ่งตัวเกร็ง เอ่ยถามเสียงสั่น “ค…คิณ มึงจะทำอะไร”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยช้า ๆ “กูแค่อยากพิสูจน์…ว่ามึงไม่ได้คิดอะไรกับกูจริง ๆ”
คำพูดยังไม่ทันซึมซับ ริมฝีปากร้อนจัดของอคิณก็กดลงมาปิดกลีบปากนุ่ม จูบหนักแน่น รุนแรง ดูดดื่มจนแทบไม่ปล่อยเธอให้หายใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง พยายามจะดิ้นหนี แต่แรงของเขานั้นมีมากเกินไป
ปลายลิ้นของคนตัวโตแทรกเข้ามาอย่างช่ำชอง เกี่ยวพันกวาดต้อนลิ้นเธอราวกับจะกลืนกินทั้งหมด เสียงครางต่ำในลำคอของอคิณทำให้ไฟในอกยิ่งลุกโชน คนตัวเล็กหลุดเสียงครางแผ่วจากลำคอโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเผลอแลกลิ้นตอบกลับไปอย่างคล้อยตาม
จูบรุนแรงกลายเป็นการเกี่ยวรัดที่ลึกซึ้งขึ้นทุกที ลมหายใจของทั้งคู่ถี่กระชั้น ร่างกายแนบชิดจนได้ยินเสียงหัวใจอีกฝ่ายดังสะท้อน
มือหนาเลื่อนต่ำลง ลูบผ่านเอวคอดก่อนจะขยับขึ้นมาบีบขยำหน้าอกของเธอผ่านเสื้อผ้า ความหยาบโลนผสานกับสัมผัสอบอุ่นทำให้ร่างเล็กสะท้านเฮือก
“อือ…” น้ำหนึ่งหลุดเสียงครางอย่างห้ามไม่อยู่
เสียงนั้นยิ่งกระตุ้นให้ร่างสูงกดจูบลงลึกกว่าเดิม ปลายนิ้วบีบเคล้นช้า ๆ จนเจ้าของร่างเล็กบิดกายหนีแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธสัมผัสนั้นได้
อคิณครางต่ำออกมาอย่างพอใจ ริมฝีปากยังบดขยี้ไม่หยุดจนกระทั่งเขาเองเป็นฝ่ายถอนจูบออกอย่างไม่เต็มใจ น้ำลายบาง ๆ เชื่อมระหว่างริมฝีปากทั้งคู่จนขาดออก
ร่างสูงถอนหายใจแรง ๆ ก่อนจะยอมปล่อยมือ และปล่อยให้เธอเป็นอิสระ แล้วพลิกตัวไปนอนตะแคงหันหลังให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“มึง…นอนเถอะ” เขาพูดเสียงทุ้มต่ำ แฝงรอยยิ้มบาง ๆ “กูได้คำตอบแล้ว”
น้ำหนึ่งนอนนิ่ง ร่างกายยังสั่นระริก หัวใจเต้นแรงไม่หยุด ริมฝีปากบวมเจ่อและร้อนผ่าว เธอเอามือแตะเบา ๆ ก่อนจะเม้มปากแน่น ใบหน้าแดงจัดจนไม่กล้าหันไปมองคนข้างตัวเลยแม้แต่นิดเดียว
///////////////////////////////////////////////////////
