เกิดใหม่ เป็นผู้ช่วยมารดาผู้อาภัพ

95.0K · จบแล้ว
ซีไซต์
35
บท
9.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เพื่อช่วยให้บิดามารดาฝ่าด่านเคราะห์สำเร็จ ภารกิจของเพ่ยเพ่ยน้อยคือช่วยให้มารดา บิดา สำหวังในความรัก "ท่านพ่อ ท่านแม่ยีบยักกันเฉียที เพ่ยเพ่ยอยากกลับสวรรค์แย้วนะ!" เอาใจช่วย เซียวเพ่ยเพ่ยน้อยให้พาพ่อแม่กลับสวรรค์ได้สำเร็จไปด้วยกันค่ะ เมื่อเทพสงคราม เซียวเหยียนหลง แห่งเผ่าสวรรค์ ต้องโทษสวรรค์ฐานลอบแต่งงานกับ ซูเหม่ย ธิดาแห่งเผ่ามังกรที่มีกฎห้ามรักนอกเผ่า ทั้งสองจึงต้องลงมาเผชิญด่านเคราะห์บนโลกมนุษย์! ทว่าเรื่องกลับยุ่งเหยิงขึ้นอีก เมื่อเทพธิดาน้อยสุดแสบ เซียวเพ่ยเพ่ย ลอบหนีลงจากสวรรค์ เพื่อตามหาบิดามารดาบนโลกมนุษย์จนถูกจับได้ งานนี้เง็กเซียนฮ่องเต้จึงออกคำสั่งสุดหิน "เจ้าต้องทำให้บิดามารดาฝ่าด่านเคราะห์สำเร็จภายในชาตินี้เท่านั้น หากล้มเหลว เจ้าจะต้องเวียนว่ายตายเกิดไปอีกแสนนาน!" ภารกิจใหญ่หลวงขนาดนี้ เพ่ยเพ่ยไม่กลัวเลยสักนิด เพราะนางมีตัวช่วยเป็นสหายคู่ใจ เจ้าหมาน้อยเสี่ยวไป๋ และหัวใจดวงเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความรักสุดแสนซุกซน! เรื่องราวสุดอบอุ่นที่จะทำให้คุณยิ้มไปกับความรักน่ารักของครอบครัวเทพเซียน ปมเบาๆ อ่านเพลิน สนุกผ่อนคลาย ไม่เครียด มีเจ้าหมาน้อยแสนซนสุดน่ารักให้ตกหลุมรักตลอดเรื่อง สายฟิน สายสุขนิยม ชอบนิยายที่อ่านแล้วใจฟู ต้องไม่พลาด! เรื่องนี้ปมไม่หนักนะคะ เบา ๆ ค่ะ ขอบคุณค่ะ ซีไซต์นักเขียน

นิยายเทพเซียนนิยายจีนโบราณผู้ชายอบอุ่นเทพสงครามแม่ทัพพระเอกเก่งแฮปปี้เอนดิ้งสัมพันธ์ครอบครัวจีนโบราณโรแมนติก

ตอนที่ 1 เทพธิดาน้อยกำเนิดใหม่

จวนโหว - โลกมนุษย์

“เด็กน้อยไม่ร้องไห้ ต้องตีก้นจนกว่านางจะร้องออกมา!”

เสียงของหมอตำแยดังลั่นในเรือนคลอด นางเบิกตากว้างมองทารกแรกเกิดในอ้อมแขน ทารกน้อยเพิ่งคลอดออกมาแท้ ๆ แต่กลับ ไม่ร้องไห้เลยแม้แต่น้อย

บรรดาผู้ช่วยหมอตำแยและแม่นมที่อยู่รอบ ๆ เริ่มกระซิบกระซาบอย่างหวาดหวั่น เด็กแรกเกิดที่ไม่ร้องไห้ถือเป็นลางร้าย หรือบางทีอาจเป็นสิ่งอัปมงคล

“เป็นไปไม่ได้…” หมอตำแยพึมพำ นางพยายามตีที่ก้นของเด็กน้อย เพี๊ยะ!

ดวงตากลมใสของทารกน้อยลืมขึ้น นัยน์ตาสุกสว่างผิดวิสัยของทารกแรกเกิด มองตรงไปยังหมอตำแยราวกับ… กำลังประเมินนางอยู่

หมอตำแยสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะตีซ้ำอีกครั้ง เพี๊ยะ!

ไยต้องตีข้าย้วย ตีทำไม ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดเยยนะ

เด็กน้อยพยายามเปล่งเสียงออกมา ทว่าเสียงที่หมอตำแยได้ยินกลับกลายเป็นเสียงร้องไห้ดังลั่น

“แง๊~!”

คนทั้งเรือนพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก หมอตำแยเองก็พ่นลมหายใจออกมา รีบส่งสัญญาณให้ผู้ช่วยหมอพาทารกน้อยไปชำระร่างกาย

ภายในห้องชำระตัว

ผู้ช่วยหมอตำแยสองนางค่อย ๆ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดกายทารกน้อยอย่างเบามือ ขณะที่พวกนางเช็ดไปก็สนทนากันไปด้วยเสียงเบา

“ดูคุณหนูผู้นี้สิ ท่าทางเหมือนรู้ความนัก บัดนี้ไม่ร้องแล้ว”

“จริงด้วย ผิวพรรณของคุณหนูน้อยดูเปล่งปลั่งราวกับก้อนแป้ง ขาวยิ่งกว่าหิมะรูปโฉมนี้ช่างน่ารักนัก ไยผิวพรรณจึงไม่เหี่ยวย่นเหมือนทารกแรกเกิดอื่นเลยแม้แต่น้อย”

“จริงด้วย ข้าทำคลอดองค์หญิงมาไม่น้อย ไม่เคยเห็นเด็กที่ผุดผ่องเช่นนี้มาก่อนเลยเช่นกัน ดูสิน่ารักเพียงนี้ เติบโตมาย่อมกลายเป็นสาวงามล่มเมืองเป็นแน่”

ทารกน้อยกลับพยักหน้าตามไปด้วย พร้อมกับเสียงร้อง “แอ๊~” ราวกับเห็นด้วย

สองผู้ช่วยหมอตำแยถึงกับเบิกตากว้าง ปากสั่น

“จะ...เจ้าเห็นหรือไม่ คุณหนูกำลังพยักหน้า”

“ยะ...ย่อมเห็น! พวกเราไม่ตาฝาดใช่หรือไม่?”

เด็กน้อยยังคงส่งเสียง “แอ๊ แอ๊ แอ๊” อย่างกระตือรือร้น ทำเอาสตรีทั้งสองตัวสั่น รีบห่อตัวเด็กน้อยด้วยความรวดเร็ว ส่งให้นางแม่นมอิ๋นอุ้มแทนด้วยสีหน้าหวาดหวั่น

ภายในห้องคลอด

เสียงสนทนาอันโกลาหลดังขึ้นจากหน้าห้อง

“แย่แล้ว! ฮูหยินท่านโหว… ฮูหยินท่านโหวสิ้นลมแล้ว!!”

หมอตำแยเอ่ยขึ้น

“ท่านโหวยังมาไม่ถึง ฮูหยินก็สิ้นแล้วข้าซวยแล้ว ข้าซวยแน่”

แม่นมที่กำลังอุ้มเด็กน้อยหน้าซีดเผือด เท้าหยุดชะงักห่างจากเตียงนั้นไม่ไกล ความเงียบปกคลุมไปทั่วเรือน แม้แต่ผู้ช่วยหมอตำแยที่รายล้อมอยู่ก็พากันสั่นกลัว

ทารกน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนแม่นมย่อมได้ยินเสียงนั้น นางหันไปทางเตียงที่สตรีนางนั้นนอนแน่นิ่งอยู่ทันใด

จู่ ๆ ก็มีร่างโปร่งแสงของสตรีผู้หนึ่งปรากฏขึ้นเหนือร่างนั้น

เด็กน้อยรับรู้ได้ทันที นี่คือเทพธิดาจีเหิง หนึ่งในเทพธิดารับใช้ที่ดูแลนางบนสวรรค์ ทารกน้อยส่งเสียง “แอ๊~” ออกมาเพื่อทักทาย

เทพธิดาจีเหิงยังไม่อาจหลุดจากพันธนาการได้จนกว่ายมทูตจะมารับ นางยิ้มอ่อนโยนให้เจ้าก้อนแป้งน้อย ก่อนจะยอบกายคารวะอย่างนอบน้อม

“องค์หญิงน้อย…”

ทารกน้อยส่งเสียงอ้อแอ้แต่กลับเทพธิดาจีเหิงย่อมฟังภาษาของนางออก

‘จะมาจับตัวข้ากลับไปหยือ ไม่เอา ข้าไม่กลับ ข้าจะหาท่านแม่’

เทพธิดาจีเหิงเผยรอยยิ้มกว้างแล้วเอ่ยว่า

“หาใช่เพคะ แต่เป็นเพราะองค์หญิงน้อยลอบลงมาโลกมนุษย์ เง็กเซียนจึงให้ข้าสวมร่างมนุษย์นี้เพื่อคุ้มครองครรภ์ของท่านเท่านั้นข้ามิได้คิดพาองค์หญิงน้อยกลับเพคะ”

“ท่านปู่หยือ”

เด็กน้อยส่งเสียงอ้อแอ้ออกมาอีก กระทั่งแม่นมยังมองตาค้างที่เด็กน้อยแรกเกิดเปล่งเสียงราวกับเด็กโต

เทพธิดาจีเหิงกล่าวเสียงนุ่ม

“ใช่เพคะ ท่านปู่ของท่านฝากคำมา ท่านฝืนกฎสวรรค์ หนีลงมายังโลกมนุษย์เพื่อตามหาบิดามารดา ที่ถูกลงทัณฑ์ลงมาชดใช้ความผิด ด้วยใจกตัญญูนับว่าท่านยังเด็กจึงคิดไม่รอบคอบ แต่ว่าหากไม่ลงโทษที่ฝ่าฝืนกฎก็ไม่ได้ ถึงท่านจะเป็นหลานของเง็กเซียนก็ไม่ได้รับการยกเว้น ดังนั้นองค์เง็กเซียนจึงตรัสว่า หากองค์หญิงน้อยทำไม่สำเร็จ ท่านก็จะต้องเวียนว่ายตายเกิดบนโลกมนุษย์สั่งสมความดีอีกสิบชาติ จึงจะได้กลับสู่สวรรค์ ดังนั้นชาตินี้ท่านต้องทำให้บิดามารดากลับมาครองคู่กัน ภารกินของท่านจึงจะสำเร็จใช้ชีวิตจนขึ้นอายุขัยของโลกมนุษย์ ท่านจะได้กลับสวรรค์ไปเสวยสุขดังเดิม”

ทารกน้อยทำแก้มป่อง ตาโตขึ้นอย่างไม่พอใจ

“ท่านปู่ใจย้าย”

เทพธิดาน้อยบนอีกหลายคำ แต่สิ่งที่ออกมาจากปากของนางกลับเป็นเสียงพ่นน้ำลายและอ้อแอ้ไร้ความหมาย

เทพธิดาจีเหิงหัวเราะเอ็นดู เจ้าก้อนแป้งน้อยผู้นี้เป็นเด็กที่ซุกซนและฉลาดที่สุดบนสวรรค์แล้ว นางคิดว่าอย่างไรสิ่งที่เง็กเซียนมอบให้นางทำก็ต้องสำเร็จ

“ข้าเอาใจช่วยท่านนะเพคะองค์หญิงน้อย ไม่ต้องห่วงไปหากท่านเติบโตขึ้นพลังเวทย์ของท่านจะค่อย ๆ ฟื้นคืน แต่อยู่ในโลกมนุษย์พลังอย่างไรก็จำกัด แต่พลังนี้จะช่วยให้ท่านตามหามารดาจนเจอ เพียงแต่ว่าบิดาและมารดาต่างถูกทัณฑ์สวรรค์ให้แยกจากมาสามชาติภพในโลกมนุษย์แล้ว หากชาตินี้องค์หญิงน้อยทำอย่างไรก็ได้ให้พวกเขาครองคู่กัน เท่านี้ภารกิจก็จบสิ้นแล้วเพคะ อ้อแล้วอีกอย่างห้ามใช้พลังทำร้ายผู้บริสุทธิ์ต้องเป็นเด็กดีนะเพคะ มิเช่นนั้นจะส่งผลให้ท่านติดตามหามารดาไม่พบ รับปากนะเพคะ”

“อื้ม...เข้าใจแย้ว ข้าเข้าใจแย้ว”

เสียงอ้อแอ้ดังขึ้นอีกครั้ง ครานี้แม่นมรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาทันใด หญิงสูงวัยตัวสั่น รู้สึกเหมือนเจ้าหัวไชเท้าน้อยผู้นี้กำลัง จ้องเขม็งไปยังร่างไร้ชีวิตของมารดาและคุยกับบางสิ่งที่นางมองไม่เห็น

เมื่อคิดได้ดังนั้น นางก็แทบสิ้นสติ!

“คุณหนูน้อยเห็น… ผี!!!”

แม่นมเบิกตากว้างขาสั่นขึ้นมาทันใด นางคิดจะพาทารกออกไปแต่กลับก้าวขาไม่ออก

ทันใดนั้น เงาทมิฬแผ่ปกคลุมภายในห้อง ลมหายใจเย็นยะเยือกแล่นผ่าน ทุกคนต่างรู้สึกขนลุกซู่ราวกับตกอยู่ในความฝันอันน่าสะพรึง

ยมทูตลิ้นยาวปรากฏกาย นัยน์ตาว่างเปล่าจ้องตรงมายังวิญญาณเทพธิดาจีเหิง

อาจเป็นเพราะพลังของเทพธิดาองค์หญิงน้อยที่แผ่ออกมาถึงแม่นม ทำให้สตรีสูงวัยผู้นี้เห็นร่างยมทูตลิ้นยาวและวิญญาณโปร่งแสงอย่างชัดเจน

ในเวลานี้แม่นมหน้าซีดเผือด ร่างกายสั่นระรัว พร้อมกับตะโกนดังลั่นออกมา

“บ้าไปแล้ว! ข้าเห็นข้าเห็นยมทูต! ข้าเห็นจริง ๆ!”

จากนั้นแม่นมก็อุ้มทารกน้อย วิ่งพรวดออกจากห้องด้วยความตื่นตระหนก

“คุณหนูน้อยคุยกับผี! ส่วนข้าก็เห็นผีแล้ว เห็นผีจริง ๆ!!!”

เสียงของนางดังลั่นไปทั่วจวนโหว กระทั่งคนทั้งจวนเริ่มแตกตื่นเพราะอย่างไรฮูหยินท่านโหวก็เพิ่งจากไป

ทว่าท่ามกลางความโกลาหลนั้น เด็กน้อยในอ้อมแขนกลับยิ้มกว้าง ดวงตากลมใสเปล่งประกาย นางโบกมือป้อม ๆ ไปมา หัวเราะคิกคักราวกับเล่นสนุก…

บัดนี้ผู้คนล้วนคิดว่าคุณหนูน้อยผู้นี้ มองเห็นวิญญาณได้ย่อมเป็นตัวอัปมงคล ผู้ใดจะคาดคิดเล่าว่าแท้ที่จริง นางเป็นองค์หญิงเทพธิดาน้อยที่คิดถึงบิดามารดาที่ถูกทัณฑ์สวรรค์จนต้องมาตามหาในโลกมนุษย์แห่งนี้