บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 บ้านสกุลเฉิน

เฉินหว่านถิงคือชื่อของฉัน ในฐานะนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยอีกทั้งรูปร่างหน้าตาที่นับได้ว่างดงามทำให้ฉันได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ แน่นอนว่ากว่าจะกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จได้ถึงขนาดนี้ ฉันต้องใช้ความเพียรพยายามและความดิ้นรนมากกว่าคนหลายเท่าตัวนัก แต่สุดท้ายเมื่อความเพียรพยายามของฉันเริ่มจะเห็นผล ฉันกลับต้องมานอนอยู่ตรงนี้ฟังเสียงทะเลาะทุ่มเถียงกันที่ดังอยู่นอกห้อง โดยที่ฉันไม่อาจจะออกความเห็นใดๆ ออกมาได้เลย

“เอามันออกไปซะ! พวกเราจะต้องรีบกำจัดเด็กในท้องของมันออก อุตส่าห์ลำบากเลี้ยงมันมาด้วยความยากลำบากตั้งหลายปีไม่คิดเลยสุดท้ายมันจะต้องมาลงเอยเช่นนี้” เสียงของหญิงชราที่ดังผ่านเข้าบานประตูอันทรุดโทรมและผุพังทำให้ฉันต้องหลับตาลง และลูบคลำไปที่หน้าท้องที่ยังคงแบนราบของฉัน

“อย่าเอาออกเลย เอ้อยาของฉันบอบบางและอ่อนแอถึงขนาดนี้คงไม่สามารถผ่านพ้นมันไปได้แน่” เสียงร้องไห้อ้อนวอนที่ดังขึ้นทำให้ฉันต้องพยายามขยับตัว ฉันจำได้ดีว่าเสียงนี้คือเสียงของแม่ของร่างนี้ ไม่ใช่สิ! ตอนนี้ต้องบอกว่าเสียงนี้คือเสียงแม่ของฉัน ฉันคิดพลางกะพริบตาเพื่อพยายามทบทวนและเรียบเรียงความทรงจำที่ยังคงตีกันอย่างยุ่งเหยิงอยู่ในหัว

หลังจากกลับจากงานเลี้ยงฉลองที่สามารถเข้าควบคุมกิจการของบริษัทแห่งหนึ่งได้ คนขับรถของฉันกลับไม่สามารถควบคุมรถเอาไว้ได้และทำให้เกิดอุบัติเหตุจนรถพลิกคว่ำ ฉันในตอนนั้นเจ็บปวดไปหมดทั้งร่างกายสุดท้ายก็หมดสติไป เมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีก็มาอยู่ในร่างนี้แล้ว

จากความทรงจำของร่างนี้ทำให้ฉันได้รู้ว่าตอนนี้ฉันกลายเป็นเด็กสาวอายุสิบหกปี เป็นหลานสาวคนที่สองของสกุลเฉินทุกคนจึงต่างเรียกฉันว่าเอ้อยา ส่วนชื่อจริงของร่างนี้นั้นช่างบังเอิญยิ่งนักที่มีชื่อเฉินหว่านถิงเหมือนกันกับฉันเลย

บ้านสกุลเฉินมีลูกชายลูกสาวอยู่ห้าคน ลูกสาวสองคนต่างแต่งงานแยกบ้านกันไปนานแล้ว มีเพียงลูกชายสามคนเพียงเท่านั้นที่ยังไม่แยกบ้าน พ่อของร่างนี้เป็นบุตรชายคนที่สาม ฉันคือบุตรสาวคนโตของเขาและซ่งอี้เหมยที่กำลังร้องไห้อยู่นอกห้อง ส่วนน้องชายของฉันอีกสองคน เฉินหว่านจิ้งและเฉินหว่านรุ่ยในตอนนี้คงกำลังวิ่งเล่นอยู่ที่ไหนสักแห่ง

“พวกแกจะเก็บมารหัวขนเอาไว้แล้วทำให้บ้านสกุลเฉินของฉันต้องมัวหมองเช่นนั้นหรือ เจ้าสามแกบอกมาว่าจะเอายังไง อย่าลืมนะว่าแกยังมีหลานสาวอีกสามคนที่ยังไม่ได้แต่งงานและหมั้นหมาย แกคงจะไม่เห็นแก่ตัวทำให้การแต่งงานของหลานสาวของแกต้องพลอยยุ่งยากไปเพียงเพราะลูกสาวไร้ค่าของแกคนนี้กระมัง” คำพูดของหญิงชราสกุลเฉินทำให้เสียงด้านนอกเงียบกริบ มีเพียงเสียงสะอื้นของซ่งอี้เหมยเพียงเท่านั้น

“คุณแม่ขอผมถามเอ้อยาก่อนว่าแกท้องกับใคร แล้วพวกเราค่อยมาปรึกษากันดีหรือไม่” เสียงนี้คือเสียงของเฉินเว่ยบิดาของร่างนี้ และก็พลันมีเสียงถ่มน้ำลายและเสียงแหลมสูงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจของหลี่กุ้ยเหนียงผู้เป็นสะใภ้คนรองของบ้านสกุลเฉิน

“นี่น้องสามอย่าว่าฉันเห็นแก่ตัวเลยนะ แต่ลูกสาวของพวกแกวันๆ เอาแต่ไปเฝ้าพวกปัญญาชนหนุ่มเหล่านั้นจนชาวบ้านแถวนี้ต่างรู้กันจนทั่วว่าเอ้อยาบ้านสกุลเฉินเราไปหมายปองพ่อหนุ่มหน้าขาวในกลุ่มนั้น แล้วพ่อของเจ้ามารหัวขนนี่จะเป็นใครไปได้นอกจากหนึ่งในพวกคนหัวสูงที่ทำอะไรไม่ค่อยเป็นกลุ่มนั้น ตอนนี้พวกเขาต่างถูกส่งตัวกลับกันไปได้สักพักแล้วต่อให้รู้ว่าเป็นใครก็คงยุ่งยากที่พวกแกจะตามตัวเขากลับมารับผิดชอบ ไม่สู้พวกแกรีบเอาเด็กในท้องของเอ้อยาออกเสีย เมื่อหายดีแล้วก็รีบให้หล่อนแต่งงานไปกับใครสักคนที่อยู่ห่างไกลออกไปก็คงจะไม่มีปัญหาแล้ว” คำพูดนี้ของสะใภ้บ้านรองทำให้ฉันต้องพยายามกัดฟันขยับตัวลงจากเตียง

ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ใช่เจ้าของร่างนี้แต่ฉันก็รู้สึกไม่ชอบใจนักที่กำลังมีคนวิพากษ์วิจารณ์ฉันอย่างไม่ค่อยจะดีเช่นนี้ ถึงแม้ว่าร่างนี้จะเคยไปแอบชอบหนึ่งในปัญญาชนกลุ่มนั้นจริง แต่ร่างนี้ก็ไม่เคยทำเรื่องเสียหายอันใดเลย แต่เป็นเจ้าหนุ่มกักขฬะนิสัยไม่ค่อยดีที่เคยอยู่ท้ายหมู่บ้านคนนั้นต่างหาก ได้ยินว่าเขาเปลี่ยนตัวเองจากอันธพาลประจำหมู่บ้านไปเป็นทหารที่มีเกียรติแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะกล้าลงมือทำให้ร่างนี้แปดเปื้อนแล้วก็ปัดตูดจากไปโดยไม่คิดที่จะเหลียวแลเลยสักนิดว่าตอนนี้เด็กสาวคนนี้ อ่ะแฮ่ม! หมายถึงฉันคนนี้ต้องได้รับความยากลำบากอะไรบ้าง

“ไม่ต้องเอาออกหรอก เด็กคนนี้ฉันจะเลี้ยงเอง” ฉันเปิดประตูพลางเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงอันมุ่งมั่น พลางจ้องมองทุกคนที่กำลังยืนปรึกษากันว่าจะจัดการกับฉันอย่างไรด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา ฉันคนนี้ไม่ใช่เอ้อยาเด็กสาวที่จะแสนจะอ่อนแอและใส่ซื่อบริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว แต่ฉันคือเฉินหว่านถิงที่พร้อมจะฝ่าฟันทุกปัญหา เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวและมีความทะเยอทะยานอย่างไร้ที่สิ้นสุด

“รีบออกมาทำไมลูก ทำไมไม่พักผ่อนให้ดีก่อน” ซ่งอี้เหมยรีบมาประคองฉันเอาไว้ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง ขัดกับสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของบรรดาคนที่ยืนอยู่หน้าประตู

“นังเด็กไม่รักดี คิดจะฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิดแล้วทำไมทำไม่สำเร็จ ทำไมไม่ตายไปเสียเลยเล่าจะฟื้นขึ้นมาเพื่อทำให้ย่าแก่ๆ อย่างฉันต้องอับอายขายหน้าไปทำไม” คุณย่าสกุลเฉินมองฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรวดร้าวและเกลียดชัง ส่วนป้าสะใภ้ใหญ่และป้าสะใภ้รองต่างพากันจ้องมองฉันด้วยสายที่เต็มไปด้วยความสาแก่ใจและรังเกียจเดียดฉันท์อย่างเต็มที่

“การที่ฉันฆ่าตัวตายไม่สำเร็จทำให้คุณย่าต้องเสียใจถึงขนาดนี้เลยหรือคะ” ฉันถามพลางจ้องหน้าหญิงชราด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกดดันแล้วก็ยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่านางมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อได้เห็นท่าทีของฉัน

“คงต้องทำให้คุณย่าต้องเสียใจแล้วล่ะค่ะ เพราะฉันจะไม่ตายและไม่คิดอยากจะตายอีกแล้วด้วย” ฉันเอ่ยพลางหันไปจ้องมองคุณปู่เฉินที่ยืนสูบบุหรี่อยู่อย่างไม่คิดจะออกความเห็น ส่วนเฉินเว่ยที่เป็นคุณพ่อของร่างนี้จ้องมองฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มและเป็นกังวล แล้วสุดท้ายจึงได้เอ่ยกับฉันด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความปลงตก

“เอ้อยา แกบอกกับพ่อมาตามตรงพ่อของเด็กในท้องของแกเป็นใคร” คำถามนี้ทำให้ฉันจ้องมองคุณพ่อเฉินอีกครั้งแล้วจึงได้ตัดสินใจเอ่ยออกมา

“จางเจี้ยนกั๋ว ที่อยู่ท้ายหมู่บ้านค่ะ เขาขืนใจฉันตอนที่เขากลับมาเยี่ยมลุงของเขาเมื่อเดือนที่แล้ว” คำพูดของฉันทำให้ทุกคนต่างสูดลมหายใจด้วยความตกตะลึงและประหลาดใจ

“เป็นจางเจี้ยนกั๋วหรือ” เสียงของคุณปู่เฉินทำให้ทุกคนต่างทอดถอนใจออกมา ป้าสะใภ้ใหญ่หลินซีเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความกังวลใจของทุกคน

“ถ้าอย่างนั้นก็เอาเด็กออกอย่างที่น้องสะใภ้รองแนะนำเถิด สกุลเฉินของพวกเราไม่ควรจะลดตัวลงไปเกี่ยวดองกับเจ้าเด็กอันธพาลคนนั้น เฮ้อ อย่าว่าแต่เกี่ยวดองเลย เรื่องที่เขาล่วงเกินเอ้อยาไปเขาจะออกหน้ารับผิดชอบหรือเปล่าก็ไม่รู้ จากนิสัยเกกมะเหรกเกเรของเขาไม่แน่ว่าบ้านสกุลเฉินของพวกเราอาจจะโดนเขาพาพวกพ้องมาถล่มเพียงเพราะการบังคับให้เขารับผิดชอบเอ้อยาก็เป็นได้” คำพูดนี้ของป้าสะใภ้ใหญ่ทำให้ทุกคนต่างเงียบงันไป

“ทำไมแกไม่ตายๆ ไปซะ” คุณย่าเฉินร้องไห้ออกมาพลางเดินเข้ามาจะทุบตีฉัน ซ่งอี้เหมยผู้เป็นคุณแม่ของร่างนี้รีบเอาตัวมาบังฉันเอาไว้แล้วเอ่ยปากอ้อนวอน

“คุณแม่อย่าทำอย่างนี้เลยนะคะ เอ้อยาคือลูกสาวเพียงคนเดียวของฉัน คุณแม่อย่าได้ทำอย่างนี้เลยนะคะ” เสียงร้องไห้ของคุณแม่ทำให้ฉันตั้งสติได้แล้วก็หันไปจ้องมองคุณย่าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา

“ฉันคือคนที่ถูกคนอื่นล่วงเกิน คือผู้เสียหายแล้วทำไมจึงต้องมาลงโทษแต่ฉัน จางเจี้ยนกั๋วคนนั้นเป็นทหารไม่ใช่หรือทำผิดวินัยอย่างเช่นการขืนใจหญิงชาวบ้านเป็นเขาต่างหากที่ต้องกังวล” คำพูดนี้ของฉันทำให้ทุกคนพลันเงียบงันไป

“ฉันจะไปคุยกับจางหยางลุงของเขาเอง ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้านและลุงของจางเจี้ยนกั๋วเขาจะต้องให้คำตอบพวกเราได้แน่” คุณปู่เฉินเอ่ยพลางดีดก้นบุหรี่ทิ้งไป แล้วหันไปบอกบุตรชายคนที่สามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“แกไปตามพี่ชายทั้งสองของแกมา บอกให้พวกเขาไปเจอกับฉันที่บ้านของจางหยาง ส่วนเธออย่าพึ่งตีโพยตีพายเรื่องอย่างนี้สมควรแล้วหรือที่จะเสียงดัง ไม่แน่ว่าป่านนี้บ้านอื่นอาจจะรู้แล้วก็ได้ว่าหลานสาวบ้านเราท้องก่อนแต่ง” คำพูดนี้ของคุณปู่เฉินทำให้คุณย่าเฉินเงียบเสียงลงในทันที ส่วนคุณแม่รีบหันมาเอ่ยกับฉันทั้งน้ำตา

“เอ้อยาลูกกลับเข้าห้องไปพักผ่อนก่อนนะลูกประเดี๋ยวแม่จะเคี่ยวโจ๊กไปให้” เธอเอ่ยพลางเช็ดน้ำตาทำให้ฉันที่ไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากคนเป็นแม่ถึงกับต้องรีบสะกดความหวั่นไหวในจิตใจเอาไว้ คนเป็นแม่โดยทั่วไปก็คงจะเป็นเช่นนี้กระมัง ฉันได้แต่คิดอยู่ภายในใจเมื่อได้เห็นท่าทีปกป้องและรักใคร่สงสารของซ่งอี้เหมยผู้เป็นคุณแม่ของร่างนี้ ช่างแตกต่างจากแม่จริงๆ ของฉันอย่ามากมายเสียจริง รายนั้นหากซ้ำเติมฉันได้ในตอนที่ฉันล้มเหลวก็จะรีบซ้ำเติมในทันที คุณแม่แท้ๆ ของฉันจะมีท่าทีรักฉันก็ต่อเมื่อฉันสามารถช่วยเชิดหน้าชูตาของเธอได้เพียงเท่านั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel