บท
ตั้งค่า

หากหาไม่พบ

“เจ้าค่ะเหลียงอี๋เหนียง”

บ่าวรู้งานคนของเหลียงอี๋เหนียงรีบเข้ามาช่วยพยุงซ่งเจียซินอย่างเบามือ ซึ่งซ่งเจียซินเองยอมลุกขึ้นอย่างว่าง่ายขณะเหลือบตามองภรรยาน้อยของบิดาที่ดูท่ามีความคิดความอ่าน และใจเย็นกว่าลูกสาวของตนเองมากนักอย่างวิเคราะห์

เหลียงหลินฮวาดูท่าไม่รู้ว่าลูกสาวตนเองเผลอทำสิ่งโง่งมขนาดวางแผนสังหารพี่สาวตัวเองโดยไม่คิดหน้าคิดหลังเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นสตรีผู้นี้คงไม่ยอมให้ลูกสาวตนเองลงมือทำ

เพราะหากร่างนี้ตายไปจริงๆและแม้ว่าศพถูกสัตว์ป่ากินไปแล้วก็ตาม ทว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายดายแค่ว่าลูกสาวสายตรงไร้มารดาปกป้องจู่ๆ หายตัวไปแล้วเรื่องจะจบ ต้องคำนึงถึงด้วยอีกว่าคนข้างนอกจะคิดอย่างไรต่อเรื่องนี้ลามไปยันเรื่องต้องถึงทางการเพื่อสืบหาตัวบุตรีสายตรง

หากหาตัวไม่พบ

คนข้างนออกจะไม่มีใครคิดว่าเป็นแผนร้ายของคนในครอบครัว คนที่ได้ประโยชน์จากการหายตัวไปของร่างนี้มีอยู่ไม่กี่คนหรอกซึ่งก็คือพวกอนุภรรยาและทายาทอย่างพวกนาง

ซ่งเจิ้งเหม่ยผู้นี้คงคิดว่าวิธีการของตนเองชาญฉลาดล่ะสินะ

แท้จริงแล้วในทางกลับกันวิธีของนางนั้นโง่และบ้าสิ้นดี

สตรีหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูผู้นี้เก่งเพียงอย่างเดียวคือเล่นละครเป็นคุณหนูแสนดีต่อหน้าบิดาเก่ง ออดอ้อนออเซาะเก่ง ทว่าเนื้อจริงแล้วเป็นคนใจร้อนโดนนางกระตุ้นเข้าหน่อยก็หลุดบทบาทอย่างง่ายดายเสียอย่างนั้น

ศัตรูที่น่ากลัวสำหรับนางไม่ใช่น้องสาวต่างมารดาผู้นี้ ทว่าเป็นมารดาของนางต่างหากเล่าที่ขนาดเห็นบุตรีของตนเองโดนตบหน้ายังคงสามารถแสดงท่าทีใจเย็นเช่นนี้ได้

“คุณหนูใหญ่ไม่บาดเจ็บตรงไหนเจ้าค่ะนายท่าน”

“เรื่องนี้คงเป็นความเข้าใจผิดเล็กน้อยระหว่างพี่น้องเจ้าค่ะนายท่าน ไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดทำให้นายท่านต้องมาสุขภาพจิตไม่ดีไปด้วย”

ได้ยินเช่นนั้นหัวหน้าของตระกูลก็เบาใจลง จึงลดฝ่ามือที่ง้างขึ้นมาขู่บุตรีของตนเองลง

“น้องรองไม่ได้ตั้งใจหรอกเจ้าค่ะท่านพ่อ เป็นข้าที่ผิดเองไม่ได้แจ้งเหลียงอี๋เหนียงจึงทำให้คนในจวนวุ่นวายเช่นนี้”

“ฮึก...ฮึก....ฮือ....”

ขณะพูดนางหันหน้าไปสบตากับซ่งเจิ้งเหม่ยที่ครานี้ร่ำไห้ออกมาจริงๆจนตาแดงพอๆกับแก้มบวมอลึ่งฉึ่ง พออีกฝ่ายสบตากับนางก็พลันตัวสั่นและร้องไห้ออกมาดังกว่าเดิม

“ช่างเถอะ เรื่องในวันนี้อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน”

นายท่านของจวนกล่าวตัดบททว่าสตรีข้างกายชายชรากลับไม่ยอมง่ายๆ

เหลียงอี๋เหนียงหันใบหน้าเกลี้ยงเกลามาทางลูกเลี้ยงตนเองแย้มยิ้มบางอย่างอ่อนโยนขณะริมฝีปากเอ่ยสอบถามซ่งเจียซิน ส่วนมือของนางก็ไม่ลืมลูบแผ่นหลังปลอบโยนบุตรีของตนเองอย่างแผ่วเบา

“ว่าแต่ธุระอันใดสำคัญขนาดนั้นกันเจ้าคะคุณหนูใหญ่ อี๋เหนียงคิดว่าสุขภาพของคุณหนูใหญ่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใดนะเจ้าคะ การงดมื้ออาหารอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยายาวได้เชียว”

ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเดาออกมานางกำลังเล่าความเท็จทำให้บุตรีของตนเองตกดุด่าจึงหันกลับมาเล่นงานสอบถามลงรายละเอียดกับซ่งเจียซินหมายต้อนให้จนมุม

ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกเหลียงอี๋เหนียงเอ๋ย นางไม่ใช่สตรีอ่อนแอคนเก่าที่ยอมโดนคนพวกนี้โขกสับเสียหน่อย

ซ่งเจียซินส่งยิ้มอ่อนโยนละมุนละแบบถอดพิมพ์เดียวกับที่อีกฝ่ายส่งมาให้ยิ้มกลับไป

“สำคัญมากเจ้าค่ะเหลียงอี๋เหนียง หลายวันมานี้ข้าเห็นว่าท่านพ่อทำงานหนัก ออกจากจวนตอนเช้าตรู่ กลับมาที่จวนตอนเย็นตะวันแทบลับขอบฟ้า เป็นเช่นนี้ทุกวันจึงมีความคิดอยากทำน้ำแกงเม็ดบัวให้ท่านพ่อทานสักหน่อย

เมื่อวันก่อนบ่าวที่เรือนของข้าบอกว่าบัวที่สระท้ายจวนโตเต็มที่แล้ว วันนี้ถือโอกาสเหมาะสมจึงไปเก็บเม็ดบัวมาทำน้ำแกงเจ้าค่ะ

หากแต่ข้าไม่คิดเลยว่าความคิดน้อยของข้าจะทำให้น้องรองเข้าใจผิดเช่นนั้น”

ซ่งเจียซินเอ่ยจบก็แสร้งก้มหน้าลงเหมือนคนจะร้องไห้ทำเอาซ่งเข่อหานที่ขึ้นเสียงไปในตอนแรกเพราะเข้าใจผิดรู้สึกผิดไม่น้อยจึงเดินเข้ามาลูบศีรษะบุตรีคนโตที่เมื่อก่อนเขาหมางเไม่นเนื่องจากนางเป็นสตรีพูดคุยไม่เก่ง เขาเองก็ชวนคุยไม่เก่ง เวลาอยู่ด้วยกันแล้วเขารู้สึกอึดอัดรำคาญใจผิดกับบุตรีคนรองที่ทั้งคุยสนุก สดใสร่าเริงและช่างออดอ้อน

“โถ่....จริงหรือ”

“เจ้าค่ะ ข้าเพิ่งอ่านเจอในตำราว่าน้ำแกงเม็ดบัวรสชาติหวานละมุน ช่วยบำรุงหัวใจให้สดชื่น อีกทั้งสามารถช่วยสงบจิตใจและบรรเทาอาการประสาททำให้สุขภาพร่างกายโดยรวมดีขึ้นด้วยนะเจ้าคะ วันนี้ลูกเก็บปริมาณมากพอแล้ว เอาไว้วันพรุ่งนี้ลูกทำให้รับประทานนะเจ้าคะท่านพ่อ”

“ได้สิ”

“แล้วแผลเป็นที่ศีรษะเล่าเจ้าคะคุณหนูใหญ่ ไปได้มาได้อย่างไรกัน”

ขณะสองพ่อลูกสนทนาดูท่าทางสนิทสนมกันมากกว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด ทำให้มีคนร้อนรนยิ่งไม่ยอมรามือให้จบลงเช่นนี้ได้โดยง่าย

กัดไม่ปล่อยจริงๆ สตรีของบิดาร่างเก่าผู้นี้

หากแต่นางจะรู้ไหมหนอ...เพราะลูกสาวของนางนั่นแหละเป็นคนใช้ไม้สร้างแผลนี้ให้

แน่นอนว่าตัวคนทำรู้ดีแก่ใจพอได้ยินถึงกับร้องไห้โฮดังกว่าเดิมอย่างหวาดกลัวความผิดในใจ

“อ๋อ บาดแผลนี้น่ะหรือเจ้าคะ...”

“....”

“ถามน้องรองดูก็ได้นะเจ้าคะว่าไยข้าจึงได้บาดแผลนี้มาเพราะตอนข้าบาดเจ็บน้องรองเองก็เห็นด้วย”

“ฮึก ไม่....ข้าไม่อยากรู้ ฮึก....”

เวลานี้ซ่งเจิ้งเหม่ยพ่ายแพ้ราบคาบ นางไม่เคยโดนบิดาตวาดและลงไม้ลงมือมาก่อน ที่ผ่านมามีแต่นางที่เห็นพี่สาวตัวเองโดนลงโทษโดยสามเหตุมาจากการใส่ร้ายของตัวเองบ่อยๆ

เวลานี้โดนตบเป็นครั้งแรกสติจึงเปิดโปงหายวับไปหมดเสียแล้ว

แววตาที่บิดามองมาที่นางช่างน่ากลัวเหลือเกิน

โชคดีที่ซ่งเข่อหานหันหลังจึงไม่เห็นท่าทางร้อนตัวของลูกสาวคนโปรดของตน

“ไยจึงเกี่ยวกับเหม่ยเหม่ยอีก...”

“ความจริงเป็นเพียงอุบัติเหตุเจ้าค่ะ ที่สระบัวมีเสาไม้ปักอยู่ ตอนขึ้นมาจากสระบัวข้าซุ่มซ่ามศีรษะโขกเสาไม้เอง”

“งะ....งั้นรึเจ้าคะ เช่นนั้นเดี๋ยวข้าให้บ่าวนำยาทาคุณภาพดีไปส่งที่เรือนนะเจ้าคะคุณหนูหนูใหญ่”

ทีอย่างนี้ล่ะตัดบทเร็วเชียว

เหลียงอี๋เหนียงผู้นี้คงสังเกตอาการของบุตรีได้จึงไหวตัวทันไม่ถามซอกแซกต่อ

ซ่งเข่อหานเองก็รู้สึกเหนื่อยล้ามาตั้งนานแล้ว ครานี้จึงโบกมือสั่งการให้ทุกคนแยกย้ายกับเรือนของตนเองไปอย่างหมดแรง

ซ่งเจียซินเองก็เดินออกมาจากเรือนใหญ่เช่นกัน นางเลือกเบนทิศทางเท้าของตนเองไม่ใช่ไปในเส้นทางกลับเรือนเหลียนฮวาของตน

ทว่านางกำลังเดินไปเรือนต้ารี่ เรือนของน้องชายร่วมมารดากับร่างนี้

ซ่งจางห้าว

น้องชายวัยสิบเอ็ดหนาวบุคคลสำคัญที่วิญญาณร่างเดิมฝากฝังให้นางปกป้องคุ้มครองก่อนยกร่างนี้ให้วิญญาณนางนั่นเอง

วันนี้ขอเดินไปเยี่ยมเยียนดูหน้าค่าตาหน่อยซิ

หากทำความปรานานี้ได้สำเร็จโดยเร็วนางจะได้เป็นอิสระทางจิตใจกับวิญญาณร่างนี้

วันข้างหน้านางจะได้ออกไปใช้ชีวิตค้นหาสิ่งที่ต้องการทำแท้จริงในโลกใหม่นี้สักที

ซ่งเจียซินเดินไปถึงเรือนต้ารี่ บ่าวในเรือนคุ้นหน้านางดีอยู่แล้วย่อมรู้ว่านางเป็นพี่สาวของเจ้าของเรือนจึงอำนวยสะดวกพานางและซวงอี๋เดินเข้าไปรอข้างใน

ไม่นานเด็กชายตัวสูงประมาณอกของซ่งเจียซินก็เดินหน้าบึ้งออกมา ข้างหลังเด็กน้อยมีบ่าววัยกลางคนท่าทางยโสโอหังเดินตามมาด้วยอีกคน

สตรีผู้นี้นามว่าอันใดนะ....

ช่างเลือนลางในความทรงจำร่างเดิมเสียเหลือเกิน

“นั่น เจ้านามว่าอันใดนะ”

“....”

ทันทีที่เสียงใสกังวานเอ่ยถามขึ้น ทั้งบ่าวและนายในเรือนแห่งนั้นพลันมองหน้าไปมาสบกันโดยไม่ได้นัดหมาย

ทำไมถึงเงียบราวกับตกตะลึงกันเล่า ซ่งเจียซินเพียงออกปากถามชื่อบ่าวคนหนึ่งในเรือนที่เห็นว่าคอยดูแลน้องชายร่วมอุทรนางก็เท่านั้นนี่

“ข้าหรือเจ้าคะ”

“ใช่”

“นางคือแม่นมคนสำคัญของข้า ไยพี่หญิงใหญ่จึงจำไม่ได้ ข้าไม่รู้หรอกนะว่าพี่หญิงต้องการสิ่งใดจึงมาหาข้าเวลานี้ แต่อย่ามาหาเรื่องคนของข้า”

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะคุณชายสี่ ข้านามว่าหลิงจี”

อ๋อ....แม่นม หลิ่งจี

ซ่งเจียซินหลี่ตามองสตรีตรงหน้าที่แม้แต่งกายด้วยชุดสีอ่อนเหมือนบ่าวคนอื่นทว่าเนื้อผ้ามองจากระยะสายตาตอนนี้ของนาง...เป็นผ้าเนื้อดี

ซ่งเจียซินเก็บสายตากลับมาก่อนหันมาสบกับน้องชายจอมอารมณ์ร้อน เพราะเด็กผูนี้กำเนิดเป็นบุรุษเพศจึงโดนตามใจตั้งแต่เด็ก นิสัยจึงได้กลายเป็นไม่เห็นหัวพี่สาวแท้ๆ อย่างเช่นนี้

หากแต่ในความทรงจำของร่างเดิมเดี่ยวกับน้องชายคนนี้นั้นนอกจากเรื่องราวความเย็นชา ความไม่สนิทกันระหว่างพี่น้องร่วมอุทรแล้ว นอกนั้นก็เป็นของขวัญ เป็นกิจกรรมที่อีกฝ่ายชื่นชอบ

ร่างเดิมรักน้องชายผู้นี้สุดหัวใจเพราะก่อนมารดาสิ้นใจลงได้ฝากฝังให้พี่สาวคนโตทำหน้าที่ดูแลน้องชายคนเดียวผู้นี้อย่างสุดความสามารถนั่นเอง

“พี่หัวไม่ค่อยดีเช่นน้องชายอย่างเจ้านี่ ลืมเลือนไปบ้างเป็นเรื่องธรรมดา”

เมื่อนางเห็นสีหน้าน้องชายค่อยดูดีดูใจเย็นลงจึงค่อยพูดต่อ “ที่พี่มาวันนี้เพื่อนำของขวัญมาให้เจ้าต่างหากเล่า ไม่อยากได้หรือ”

พอเด็กได้ยินสิ่งที่น่าตื่นเต้นอาทิเช่นของขวัญ แววตาของเด็กน้อยตรงหน้านางเปล่งประกายออกมาอย่างชัดเจน

“ของขวัญรึ ของขวัญอะไร”

“นั่นอย่างไร บ่าวของพี่กำลังยกเดินเข้ามาในเรือนอยู่”

ตอนเดินออกมาจากเรือนใหญ่ นางให้สาวใช้คนหนึ่งของตนเองไปหยิบถุงผ้าห่อกองหนังสือกองหนึ่งที่ร่างเดิมเคยซื้อเอาไว้หมายนำมาให้น้องชายของนางนี่แหละ ทว่าที่ยังไม่ได้มอบให้เสียทีเพราะนางไม่กล้านำมาให้นั่นเอง

หากเก็บไว้ที่เรือนเหมือนเดิมดูเป็นการน่าเสียดายจนเกินไป จากที่นางได้เปิดตรวจสอบดู มีตำราที่มีประโยชน์หลายเล่มเชียวซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับน้องชายที่ชื่นชอบการอ่านหนังสือ ขวักไขว่เรียนรู้ด้วยตัวเองผู้นี้

เฮ้อ คิดไปคิดมานิสัยของร่างเดิมช่างขี้อาย และใจฝ่อเสียจริง

ครั้นคิดในมุมกลับกันก็นับว่าดีไม่น้อย นางจะได้นำมาเป็นของขวัญมาเยี่ยมในครั้งนี้พอดี

“พวกนางยกกองหนังสือมาหรือ”

“หลายวันก่อนพี่เข้าไปเดินตลาดจึงซื้อตำราความรู้มาฝากเจ้า ลองไปคัดเลือกดูนะว่าชอบหรือไม่”

“ขอรับ ขอบพระคุณพี่หญิงใหญ่”

ซ่งเจียซินยกยิ้มพอใจเมื่อสามารถเริ่มค่อยๆกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องให้ใกล้มากขึ้นได้สำเร็จขั้นแรกแล้ว

หากแต่รอยยิ้มนางพลันจางหายไปทันทีเมื่อเห็นแม่นมชราของน้องชายก้มลงมากระซิบกระซาบอันใดบางอย่างข้างหูซ่งจางห้าวจนทำให้รอยยิ้มสดใสของเด็กน้อยหุบลงทันที

“พี่หญิงให้ของขวัญข้าแลกกับสิ่งใดหรือไม่”

“หืม? พี่ให้เพราะเจ้าเป็นน้องชาย ไยจึงต้องการสิ่งใดจากเจ้าด้วย”

“พูดแล้วไม่คืนคำ เช่นนั้นข้าให้บ่าวของข้านำของไปเก็บแล้วนะ ส่วนวันนี้หากพี่หญิงไม่มีธุระใดกับข้าอีก ข้าขอตัวเข้าเรือนนอนก่อนนะขอรับ”

พูดจบเด็กน้อยก็เดินนำบ่าวขนของขวัญของนางเดินเข้าเรือนตนเองไปโดยไม่รอคำอนุญาตของพี่สาวอย่างนาง

ซ่งเจียซินมองตามร่างเล็กของน้องชายไปจนลับตา ไร้ซึ่งคำพูดใดใดทั้งสิ้นก่อนหมุนตัวเดินออกจากเรือนต้ารี่อย่างเงียบงัน

“หวงอี๋ เจ้าหาบ่าวคอยจับตามองแม่นมหลิ่งจีให้ข้าที”

“เจ้าค่ะคุณหนูใหญ่”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel