บท
ตั้งค่า

บทที่3 งานแต่ง

“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าสองคนเคยเป็นคู่รักในวัยเยาว์ แต่อย่าได้คิดถึงเขาอีกเพราะวันนี้ข้าคือสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของเจ้า”

โจวหานอี้ที่กำลังเมามาย ชี้นิ้วไปยังหญิงสาวที่กำลังจ้องมองเขาด้วยดวงตาแข็งกร้าว จนกระทั่งบัดนี้นางก็ยังมิยินยอมพร้อมใจแต่งให้กับเขา และเรื่องนั้นชายหนุ่มรู้แก่ใจดีแต่แล้วอย่างไรเล่า ในเมื่อเวลานี้ตนคือผู้เดียวที่จะได้ครอบครองนาง

ร่างสูงกระชากหญิงสาวตรงหน้าเข้าหาตน นางพยายามขัดขืนการกระทำอันหยาบช้าของชายหนุ่ม แต่แรงอันน้อยนิดของสตรีเช่นนางมีหรือจะสู้แรงของบุรุษฉกรรจ์เช่นเขาได้

ชุดเจ้าสาวสีแดงสดถูกฉีกกระชากออกจากร่างอรชรอย่างไม่ไยดี หญิงสาวกรีดร้องขอความช่วยเหลือแต่ด้านนอกกลับยังคงนิ่งเฉย เพราะหลังจากที่นางก้าวเข้ามาในตระกูลโจว สาวใช้ที่ติดตามเป็นสินเดิมของพานเยว่หลานก็ถูกขายออกไปทั้งหมด นั่นเป็นแผนของเฉิงหรงกุ้ยเฟยที่สั่งให้โจวฮูหยินผู้เป็นมารดาจัดการ

เมื่อสำเร็จตามความต้องการของตน ชายหนุ่มก็ออกจากห้องไปโดยไม่สนว่าเจ้าสาวที่พึ่งแต่งเข้ามาจะรู้สึกอย่างไร

สามวันผ่านไป

ความทุกข์ระทมทั้งกายและใจทำให้พานเยว่หลานล้มป่วย นางไม่สามารถเดินทางกลับไปยังบ้านเดิมของตนได้ เมื่อสาวใช้ของตระกูลพานถูกส่งมาสอบถามก็ได้ความว่า เพราะพานเยว่หลานเหน็ดเหนื่อยจากงานแต่งจึงทำให้นางล้มป่วย

คำตอบที่ได้รับทำให้มารดาของหญิงสาวไม่พอใจ นางจึงต้องมาเยือนตระกูลโจวด้วยตนเอง เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของบุตรสาวนางก็รู้สึกปวดใจนัก ทว่าเพราะคำขู่ของเฉิงหรงกุ้ยเฟยที่จะทำให้บิดาของนางที่อยู่ชายแดนเกิดอุบัติเหตุ ทำให้นางมิสามารถเอ่ยปากกับมารดาให้นางรู้สึกไม่สบายใจได้

“ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่สั่งให้ท่านไปพบที่เรือนเจ้าค่ะ”

สาวใช้จากเรือนของฮูหยินใหญ่โจวสะบัดเสียงอย่างเย่อหยิ่ง เมื่อต้องมาตามหญิงสาวไปพบกับนายของตน

“อืม ข้ารู้แล้ว”

พานเยว่หลานที่แต่งเข้าตระกูลโจวได้หนึ่งเดือน บัดนี้ไม่ต่างจากคนอื่น ถ้าไม่มีบ้านเดิมของมารดานางอาจถูกกระทำไม่ต่างจากสาวใช้ในเรือน เพราะทุกคนที่นี่ไม่มีใครรับใช้นางอย่างจริงใจเลยสักคน

วันดีคืนดีนางก็ถูกเรียกเข้าไปในวังให้คุกเข่าอยู่หน้าตำหนักกวานจีของเฉิงหรงกุ้ยเฟย ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเหลือนางได้หญิงสาวทำได้เพียงต้องอดทนเท่านั้น เพื่อบิดาที่อยู่ชายแดนของนาง

“มาแล้วหรือ เจ้าคงจะรู้จักคุณหนูจ้าวกระมัง นางและหานเอ๋อรู้จักกันมานาน วันนี้มีโอกาสจึงได้มาร่วมแสดงความยินดีกับการแต่งงานของพวกเจ้า”

หญิงสาวมองแม่สามีที่ปกติมักจะทำหน้าตึงใส่ตนราวกับไม่พอใจอยู่ตลอดเวลา ทว่าเมื่อสตรีผู้นี้มาเยือนตระกูลโจวกลับแสดงสีหน้าที่แตกต่างให้เห็น หมายความว่าสตรีนามจ้าวหรูอี้ผู้นี้มีความสำคัญอยู่ไม่น้อย หรือไม่ก็เพียงแค่นางไม่ยอมรับสะใภ้พระราชทานเช่นตนก็เท่านั้น

“สวัสดีคุณหนูพาน ข้าคือหรูอี้เป็นสหายในวัยเด็กของพี่หานอี้ เราเคยได้พบกันตามงานเลี้ยงน้ำชาอยู่หลายครั้ง ท่านคงจะจำข้าได้กระมัง”

ร่างบางยกยิ้มเล็กน้อย กิริยาที่แสดงล้วนแต่เฉยเมยคล้ายกับมิได้ล่วงรู้ถึงความนัยแฝงที่จ้าวหรูอี้เอ่ยกับนาง

“ข้าว่าคุณหนูจ้าวเรียกข้าว่าฮูหยินน้อยโจวน่าจะดีกว่านะ อย่างไรข้าก็แต่งเข้าตระกูลโจวตามพระราชโองการของฝ่าบาทแล้ว หากมีผู้ใดมาได้ยินเข้าคงจะคิดว่าเจ้าไม่ยอมรับสมรสพระราชทานในครั้งนี้ ไม่แน่อาจสะเทือนไปถึงตระกูลจ้าวกั๋วกงที่เลี้ยงดูเจ้ามา”

หญิงสาวเอ่ยเพียงเรียบๆ มิได้ใส่ใจว่าหญิงสาวตรงหน้าจะแสดงสีหน้าอย่างไร แต่เป็นอีกฝ่ายที่เริ่มแสดงท่าทีร้อนรนออกมา

“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าเพียงแต่ยังไม่คุ้นชินกับสถานะที่เปลี่ยนไปของเจ้าเท่านั้น อย่างไรข้าก็มาเยี่ยมท่านป้าบ่อยครั้งเป็นครั้งแรกที่ได้พบกันที่นี่ ยินดีกับการแต่งงานด้วย”

ร่างบางยกน้ำชาขึ้นจิบพลางเหลือบมองไปยังหญิงสาวใบหน้างดงามที่แต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมอย่างวิจิตร ถ้าหากนางมีใจให้กับโจวหานอี้บ้างเล็กน้อย อาจมีอาการหึงหวงอยู่บ้าง เมื่อได้เห็นสตรีอื่นแสดงกิริยาราวกับตนเองคือเจ้าของสามีนาง

“คำว่ายินดีน่าจะเหมาะกับสามีของข้ามากกว่ากระมัง สำหรับตัวข้าที่มิได้เป็นผู้ขอพระราชโองการนั้น...”

หญิงสาวหยุดไปเล็กน้อย นางเบื่อเต็มทนที่ต้องมานั่งมองพวกนางเสแสร้งเล่นละครตบตาให้นางดูว่าพวกเขารักใคร่ปรองดองกันเพียงใด มันน่าสะอิดสะเอียน

“เอาเป็นว่าท่านแม่ต้องการให้ข้ามาทักทายคุณหนูจ้าวเท่านั้นกระมัง ในเมื่อคนก็ได้พบแล้ว ทักทายก็ทักทายแล้ว เช่นนั้นข้าต้องตัวก่อน”

หญิงสาวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนยอบกายทำความเคารพให้กับฮูหยินใหญ่โจว จากนั้นเดินออกจากห้องไปอย่างไม่สนใจว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะมีสีหน้าอย่างไร

“เจ้า!! ช่างเป็นคนนิสัยแย่จริงๆ ไม่รู้ว่าตระกูลพานสั่งสอนนางมาอย่างไรกันแน่”

สตรีวัยกลางคนที่ประโคมเครื่องประดับทองเต็มหัวและแต่งกายด้วยชุดเสื้อผ้าหรูหราราวกับกำลังจะเตรียมตัวไปงานเลี้ยง ชี้นิ้วอันสั่นเทาไปยังร่างบางที่เดินออกจากห้องอย่างไม่สนใจตน

“ท่านป้าอย่าได้อารมณ์เสียเลยนะเจ้าคะ อย่างไรนางก็เป็นคนที่ฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้ตระกูลโจว หากนางจะเย่อหยิ่งก็สมควร อีกอย่างนางคงจะไม่ชอบใจนักที่ได้เห็นข้าที่เป็นสหายวัยเด็กของพี่หานอี้มาที่นี่ ข้า..เข้าใจนางเจ้าค่ะ”

จ้าวหรูอี้แสร้งแสดงสีหน้าเศร้าสร้อยต่อหน้าฮูหยินใหญ่โจว ราวกับว่าตนเองได้รับความอยุติธรรมเสียหนักหนา

สตรีทั้งสองคนที่กำลังสนทนาภายในห้อง มิได้ล่วงรู้เลยว่าทั้งหมดเป็นแผนการของเฉิงหรงกุ้ยเฟยและโจวอี้หรานผู้เป็นบิดา ที่ต้องการรวบรวมอำนาจและกำจัดคนที่มาขัดขวางเส้นทางของตน

“นางจะคิดอย่างไรก็เรื่องของนาง มิใช่เรื่องที่เจ้าต้องคิดมาก อย่างไรในสายตาของข้า เจ้าก็ยังเป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับจวนตระกูลโจวของเรา”

หญิงสาวที่เคยแสดงสีหน้าเศร้าสร้อยบัดนี้กลับมาแช่มชื่นอีกครั้ง เมื่อได้ฟังวาจาหวานหูของฮูหยินใหญ่ตระกูลโจว

“ขอบคุณท่านป้าที่เข้าใจข้าเจ้าค่ะ อย่างไรวันหน้าข้าก็คงมาที่นี่บ่อยๆ ไม่ได้แล้วเพราะพี่หานอี้แต่งงานกับคุณหนูพานผู้นั้น หากมีผู้อื่นเห็นว่าข้ายังมาที่นี่อาจมีข่าวลือที่ไม่ดีออกไป”

“ใครจะพูดเช่นไรหาต้องใส่ใจ มีเพียงข้าที่รู้ดีที่สุดว่าหานเอ๋อนั้นมีใจให้กับใคร”

ฮูหยินใหญ่โจวตบหลังมือหญิงสาวแผ่วเบาเพื่อเป็นการปลอบโยน ภายในหัวของนางบัดนี้กำลังนึกถึงอำนาจที่ตระกูลโจวจะได้รับถ้าได้เกี่ยวดอกกับตระกูลจ้าว

ทว่าเฉิงหรงกุ้ยเฟยไม่เคยต้องการให้พี่ชายแต่งงานกับจ้าวหรูอี้สักนิด เพราะตระกูลจ้าวกั๋วกงนั่นมิใช่ผู้ที่จะถูกชักจูงหรือควบคุมได้ง่าย

อย่างไรจ้าวไทเฮาก็เป็นคนตระกูลจ้าว ถ้าหากตนกระทำสิ่งใดให้นางรู้สึกว่าเป็นการคุกคาม ตัวนางที่อยู่ในวังหลังเป็นอันต้องลำบากแน่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel