เจ้าจันทร์เมียยักษ์ บทที่ ๒ โฉมตรูผู้หยิ่งผยอง (๑)
รุ่งสางของวันถัดมา นางสนมทั้งสิบเอ็ดนางนั่งอยู่ขนาบข้างบัลลังก์ทอง กษัตริย์อสุรานั่งมองความสวยความงามของหญิงสาวทั้งสิบเอ็ดนางที่เขาลงทุนลงแรงไปชิงมาด้วยการรุกรานเมืองของกษัตริย์ที่เป็นมนุษย์จนแตกพ่ายไปหลายเมือง เนื่องด้วยพละกำลังวังชา รวมถึงคาถาอาคมแก่กล้ามิเท่ายักษาที่ดำรงอยู่มาถึงร้อยปีเช่นเขา
ช่วยมิได้... ถึงแม้นจะหลงใหลเจ้าจันทร์สักเพียงใด แต่สำหรับบุรุษเพศ เมียเดียวนั้นไซร้คงจักมิพอ
“ท่านสุวรรณราพณ์เพคะ มิพาสนมมาอีกได้หรือไม่เพคะ”
ตองนวล หญิงสาวที่งดงามรองลงมาจากเจ้าจันทร์ ซึ่งในระหว่างที่รอคอยจะชิงใจเจ้าจันทร์นั้น นางเคยเป็นสนมที่งามและเป็นที่โปรดปราณที่สุด เป็นที่เลื่องลือในกรุงยักษาว่ามินานจะต้องได้ขึ้นเป็นชายาเคียงคู่ท่านเป็นแน่แท้ ตองนวลหลงใหลในตัวสุวรรณราพณ์ยักษายิ่งนัก เธอเอื้อนเอ่ยสุ้มเสียงกังวานใสเว้าวอนผู้เป็นสามีของตน
มิชอบใจนักที่พานังเด็กสาวนั่นมาแถมหมางเมินนางซึ่งเป็นคู่เคียงหลับนอนประจำของท่าน ดวงใจดวงน้อยเต็มไปด้วยความริษยาชิงชัง นังเด็กนั่นหน้าตาสะสวยจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ตรงกับสตรีที่ท่านสุวรรณราพณ์ชื่นชม
เมื่อคืนก็ชิงสนมมาอีกหนึ่ง แต่มิได้แวะเวียนไปร่วมลงหอกับนาง ปกติถ้าวันไหนชิงสนมมาเกินหนึ่งคนจะต้องร่วมหลับนอนกันทั้งสี่ รวมทั้งนางด้วย ท่านส่งนางเข้าหอทุกคราเพื่อให้สอนเด็กสาวเหล่านั้นปรนเปรอสามีอย่างที่สุวรรณราพณ์ต้องการอย่างถูกต้องถึงพระทัย
แต่เมื่อค่ำคืนนี้ หาได้เรียกหาข้าไม่
“เจ้ามิพึงใจรึ ที่เมื่อค่ำนี้ข้ามิได้เรียกเจ้ามาร่วมหลับนอนร่วมกับเจ้าจันทร์และบุศยา?” สุวรรณราพณ์ท้าวคางกับพนักบัลลังก์ถาม รู้ดีว่าสนมของตนแต่ละคนมีนิสัยใจคอเป็นเช่นไร
“มิบังอาจมิพึงใจท่านดอกเพคะ แต่ข้าแค่เพียงอ้อนวอนดูเท่านั้น” เสียงหวานแผ่วลง นี่คือมารยาหญิงร้อยเล่มเกวียณที่ชิงใจชายมานักต่อนักของนาง แสร้งเบือนหน้าใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาอย่างอ่อนไหว
“มิต้องใจน้อยดอกตองนวล เจ้าจักได้มีพี่มีน้องเยอะๆ” ผู้เป็นสามีเอ่ยคำที่ขัดใจนางขึ้นมาอย่างมิสนพระทัย สีหน้าเรียบเฉยดูดุดันจนสาวเจ้ามิอาจสำแดงกิริยาใจน้อยได้อีก
ปกติสามีของนางจักมิหมางเมินเช่นนี้ ราวกับเบื่อน้ำพริกถ้วยเก่าถ้วยนี้ไปแล้วหรือไร
จนร่างแน่งน้อยก้าวเข้ามาด้านใน สนมทั้งสิบเอ็ดเหลือบขึ้นมองนางพร้อมเพรียงกัน ด้วยว่าอยากรู้ถึงโฉมกายของสนมคนใหม่
หญิงสาวตัวเล็ก ผิวขาวอมชมพู ผมยาวสลวยที่ถูกแปรงอย่างงาม ก้าวเข้ามาพร้อมกับเครื่องแต่งกายสีหมากสุกทั้งกายา อันเป็นสีโปรดของนาง กำไลข้อเท้าที่ทำจากเพชรนิลจินดาเปล่งประกายสุกใส
ความงดงามนั้นทำให้สนมทั้งสิบเอ็ดคนขบฟัน บ้างก็นึกริษยาความงาม บ้างก็นึกตะลึงชื่นชมในตัวเด็กสาว
ช่างเป็นหญิงสาวที่งดงามราวกับนางสวรรค์ก็มิปาน
“มาหาข้าสิ เจ้าจันทร์” สุ้มเสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจเอ่ยท่ามกลางห้องโอ่โถงที่เต็มไปด้วยสาวงามทั้งสิบเอ็ดที่นั่งรายล้อมสงบเสงี่ยม พร้อมกับตบหน้าตักหนาดังปึ่กๆ ดูดีๆ ก็เหมือนฮาเร็มในมังฮวาเกาหลีมิหยอก
มธุรสหน้าบูดบึ้ง มิชมชอบเลยนะ ผู้ชายหลายใจ แถมยังชีกออีก
สาวเจ้ามิสนใจในคำสั่งของสุวรรณราพณ์ผู้เป็นกษัตริย์ครองเมืองนี้ นางเดินอย่างสงบนิ่งแต่งดงามไปกระแทกกายาลงนั่งใกล้ๆ สาวน้อยที่ดูจะเยาว์วัยที่สุดในโถงใหญ่นี้
สนมทั้งสิบหน้าซีดเผือด มิเคยมีสนมนางใดขัดใจท่านมาก่อน สนมนางที่มาใหม่นี่เป็นผู้ใดกัน ถึงบังอาจหมางเมินคำสั่งที่ราวกับฟ้าผ่าหุบเหวของสุวรรณราพณ์ได้
“ไม่นั่งค่ะ” เสียงหวานกังวานใสหนักแน่น เธอคือสาวไทยสมัยใหม่หัวใจ 2022 ผู้ซึ่งล้มเลิกวิถีชายเป็นใหญ่ไปตั้งนมตั้งนานแล้ว มิสนใจดอกว่าอีกฝ่ายจักเป็นใคร ในเมื่อเคยเกือบตายมาก็หลายหน แถมชีวิตก็ล้มลุกคลุกคลาน ยืนด้วยล้ำแข้งของตนตั้งแต่เด็ก
กับคนที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง มีบิดามารดรคอยป้อนทรัพย์สมบัติมรดกที่ดินให้ แถมยังเกิดมาด้วยกายาที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังเหนือมนุษย์มนานั่นน่ะ มันคนละระดับกันค่ะ
ว่ากันตามตรง สุวรรณราพณ์ยักษาเองก็ขัดเคืองใจมิใช่น้อย ที่สาวเจ้าซึ่งเขารอคอยทบมาเป็นเวลาร้อยกว่าปีนั้นมิให้ความสนใจใดๆ กับตัวเขา แตกต่างจากสนมคนอื่นๆ ที่ชิงมา ที่เมื่อผ่านพ้นคืนร่วมหอก็จะหลงใหลในตนอย่างหัวปักหัวปำ รวมถึงคำสั่งจากสุรเสียงทรงอำนาจ ที่มิว่าใครก็ต้องกระทำตามทันที
แต่ว่ากันว่า... ของที่ได้มายากเพียงใด มักจะเป็นของดีเลิศทั้งนั้น
ช่างดื้อดึงมิเข็ดหลาบ แต่ก็น่าเอ็นดูเหลือคณา
ยักษาหนุ่มกระทำการโต้ตอบสาวเจ้าเพียงแค่กระตุกยิ้มบาง มิได้สำแดงอาการเกรี้ยวกราดใดๆ กับสนมหน้าใหม่ จนสนมหน้าเก่าหลายๆ คนก็พาตกตะลึงไปตามๆ กัน
เป็นไปได้เช่นไร ที่ท่านสุวรรณราพณ์อารมณ์ร้ายตนนั้น มิฟาดงวงฟาดงากับสนมคนใหม่ที่ไม่ยอมเอาพระทัยท่านอย่างเด็กสาวคนนี้
โฉมตรูมิยอมแพ้ เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาแกร่งที่ทอดพระเนตรมายังนางอยู่ตลอดเพลานั้น หญิงสาวตัวจ้อยจึงได้ทอดสายตาสู้ พร้อมกับสำรวจอีกฝ่ายไปด้วยเสียพร้อมๆ กัน
กายาใหญ่โตสวมสังวาลย์ทอง มีมัดกล้ามเป็นลอนสวย ผิวขาวหากแต่สมบุกสมบันอย่างผู้สูงศักดิ์ รวมถึงใบหน้าคมกร้าวดุดัน แต่ทว่ากลับรูปงาม ทรงผมยาวหยักศกเกล้ามวยแบบมิเรียบร้อยนัก เมื่อสวมอาภรณ์ที่งดงามเหล่านั้น รวมเป็นชายหนุ่มแบดบอยผู้พราวเสน่ห์อย่างมิต้องสงสัย
มิแปลกใจที่มีเมียเยอะถึงเพียงนี้
มือหนาท้าวคางมองหญิงสาวที่สำรวจตน เลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเธอจดจ้องอย่างสนใจใคร่รู้ ยักษาหนุ่มจึงหลับตาลง ยินดีให้เจ้าจันทร์สำรวจความรูปงามของตนตามใจชอบ
มีเพียงเจ้ากับบุศยาสนมที่ไปชิงเมืองหลังจากรับเจ้ามาเท่านั้น ที่ข้ายังมิได้ร่วมเสพสังวาสด้วย
ตองนวลที่นั่งอยู่ซีกขวามือของสุวรรณราพณ์และใกล้เคียงกับบัลลังก์ของเขาที่สุดแอบชายตาแลมองเด็กสาวนงเยาว์ที่นั่งกระฟัดกระเฟียดใส่สามีของนาง ท่าทางมิดูชมแถมยังมิน่าเอ็นดูเอาเสียเลย ไร้เสน่ห์อย่างที่อิสตรีควรจะเป็น
สาวเจ้าเบ้ปาก เหตุใดกันสุวรรณราพณ์ถึงตามอกตามใจนางเช่นนั้น
หรือว่าในเรือนหอเมื่อคืนวาน นางบำเร็จบำเรอท่านได้ถึงพระทัยยิ่งกว่าข้า?
คิดได้เช่นนั้นก็นั่งอยู่มิสุขเสียทีเดียว จนสาวรับใช้ที่คอยพัดวีให้ต้องรีบโบกพัดอย่างสุดตัวเนื่องจากกลัวว่าแม่นายของตนจักร้อนรุ่มจนจับไข้ อากาศวันนี้ก็ร้อนอบอ้าวใช้ได้เลยทีเดียว
นั่งกระวนกระวายมิทันไร สามีก็หยัดกายใหญ่โตลุกขึ้นสุดความสูง สนมทั้งสิบเอ็ดมิกล้าแม้แต่จักสบตาสามีของตนเอง ด้วยอำนาจและท่าทางอันน่ายำเกรงของสุวรรณราพณ์ แถมยังเป็นอมนุษย์อีกต่างหาก นั่นแปลว่าหากกระทำสิ่งใดมิถูกพระทัยท่าน จักโดนฆ่าเอาได้
มีแต่เจ้าจันทร์เท่านั้น ที่จ้องตาสู้กับเขาที่เดินมาหยุดตรงหน้าอย่างสงสัยนั้นแล
อสุราหนุ่มคว้าข้อมือของหญิงสาวฉุดให้ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพียงร้อยห้าสิบเซนติเมตร ตัวกะจ้อยร่อยราวกับหนูน้อย ยังริอ่านกล้ามาจ้องตาสู้กับเขา ช่างเป็นหญิงสาวที่หาญกล้าเสียจริงๆ
“อะ...! อะไรคะ” คนตัวเล็กยื้อแขนกลับ แม้จักรู้ว่าสู้แรงคนตัวยักษ์อย่างอีกฝ่ายมิได้ก็ตาม หากแต่เขาก็มิได้ลงแรงใส่นางไปเต็มแรงเช่นกัน
“เมื่อคืนสลบไสลเนื้อตัวสกปรกไปด้วยน้ำหวานจากเกสรของเจ้า ควรไปชำระกายาเสียหน่อยเป็นดี” อสุราหนุ่มเอ่ยเสียงดังฟังชัดจนสาวเจ้าหน้าแดงแจ๋ปัดป้องมือไปมาพัลวัน เพราะนอกจากสนมทั้งสิบเอ็ดของเขาจะอยู่ในห้องโอ่โถงนี้แล้ว ยังมีทหารอารักขา และสาวรับใช้ร่างใหญ่ของสนมแต่ละท่านด้วย
พูดจาสัปดนต่อหน้าคนหมู่มาก นอกจากจะหลายใจ หลายเมีย ชีกอ แล้วยังชอบโชว์อีกด้วย
ค่าความประทับใจของมธุรสที่มีต่อสุวรรณราพณ์ติดลบอย่างมิต้องสงสัย
โฉมงามตัวจ้อยถูกกึ่งลากกึ่งจูงมาที่สระบัวที่อยู่นอกวังไม่ใกล้ไม่ไกลนัก เป็นสระบัวที่ใหญ่โตและงดงาม น้ำใสแจ๋วจนเห็นตัวมัจฉาที่แหวกว่ายไปมา ดอกบัวสีหวานและใบบัวดูใหญ่โตดูอุดมสมบูรณ์ คอสะพานสิ้นสุดแค่ตรงต้นน้ำเพียงเท่านั้น
นางยืนตะลึงกับความงดงามและกว้างใหญ่ของกรุงยักษา น่านน้ำรวมถึงธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ดี บ่งบอกว่าเมืองนี้ร่ำรวยเพียงใด จนมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่อสุราที่ปล่อยข้อมือเล็กของเธอทำท่าจะปลดผ้าผ่อน ปลดทับทรวง รวมถึงสังวาลย์ทองด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ว้ายตาเถรหลุดตกกะได!” มธุรสหวีดร้องเสียงหลง ตั้งแต่เกิดมายี่สิบห้าปี มิเคยได้เห็นสรีระของบุรุษเพศมาก่อน นอกเสียจากในเว็บพอร์นฮับนั้นแล “มาถอดผ้าผ่อนอะไรตรงนี้เจ้าคะ!”
“ก็จักชำระกายร่วมกับเมีย ผิดด้วยรึ?” สาวเจ้ามุ่ยหน้า ชีกอ ขี้โชว์ไม่พอ ยังเก่งเรื่องการคิดเองเออเองอีกต่างหาก ครบสูตรหลัวชั่วแห่งราชอาณาจักรเสียจริงเชียว
“หนูยังไม่ได้เป็นเมียคุณสักหน่อยค่ะ” โฉมตรูสะบัดหน้า ขัดใจนักเชียวยักษาจอมเจ้าเล่ห์ ถึงจักเป็นสาวเวอร์จิ้น แต่ก็เลือกนะยะ
“เรื่องนั้นข้ามิสนใจดอก” บุรุษกายาใหญ่เอื้อมฝ่ามือหนามาไล้แก้มเธอ “อยู่ในเมืองของข้า ในเรือนของข้า สักวันก็จักได้เป็นนั่นแล”
แหม! ช่างพูดช่างจา เกี้ยวพาราสีสาวได้คล่องแคล่วเชียวหนอ
“หนูไม่อาบน้ำกับคุณหรอกค่ะ เชิญอาบไปคนเดียวเลย หนูจะกลับไปนอนที่เรือน” สาวเจ้าพูดพลางเชิดหน้าหนีอุ้งมือใหญ่ มิต้องมาโชว์กล้ามเนื้อตรงนี้จักได้มั้ย ถึงชาติที่เป็นมธุรสจักบ้ากล้ามหน้าท้องผู้ชายและบ้าหนุ่มกล้ามปูสักเพียงใด แต่จักมิหลงกลพ่อยักษ์กะล่อนนี่เด็ดขาด ความหล่อเหลามันทานมิได้! “แล้วเรือนอยู่ทางไหนคะ หนูจำทางกลับเรือนไม่ได้”
อ่า... น่าสมเพชจริงเชียวมธุรส เรื่องหลงๆ ลืมๆ เส้นทางของหล่อนนี่ยังเป็นที่หนึ่งในใต้หล้าจริงๆ
สาวเจ้าบ่นอุบใส่ตนเอง มิมีทางเลือกต้องหมุนตัวพลิกลิ้นกลับไปพึ่งพาเจ้าของบ้านอย่างเขาอย่างเสียมิได้
อสุราหนุ่มแย้มยิ้มพราย “ข้ามิบอกเจ้าดอก”
“เอ้ะ ทำไมคะ!”
“ชำระกายในสระบัวร่วมกันกับข้าสิ เดี๋ยวขึ้นจากท่าแล้วค่อยกลับไปด้วยกัน” มธุรสเผยอปากค้าง ยักษาจอมเจ้าเล่ห์ เขาใช้ประโยชน์จากการจำทางของหล่อนมิได้เพื่อมัดตัวให้นางสมยอมอาบน้ำด้วย
อย่างนี้ก็แปลว่า... ต้องเปลือยเปล่าเคียงใกล้กับบุรุษเพศในสระบัวน่ะสิ!
มธุรสจักเป็นลม
“มะ... ไม่ถอดเสื้อได้มั้ยคะ?” เธอป้องกายาอย่างหวงแหนเมื่อถูกหนุ่มกายยักษ์รูปงามจดจ้องร่างกายราวกับกำลังสแกนสัดส่วนใต้อาภรณ์นั่นก็มิปาน ที่สำคัญตอนนี้เหลือแค่เพียงอาภรณ์ด้านล่างที่จักหลุดมิหลุดแหล่รอบเอวสอบของเขาเท่านั้น มธุรสแอบเห็นไรขนแสนทระนงนั่งด้วย เส้นเลือดนั่นอีก! “มะ ไม่เอาอ่ะ ไม่ถอดอาบน้ำได้มั้ยคะ นุ่งกระโจมอกก็ได้”
“เช่นนั้นจักสะอาดได้เยี่ยงไร” สุวรรณราพณ์ใช้อุบายล่อลวงหญิงสาว รั้งเอวคอดกิ่วเข้าชิดใกล้ ปลดสไบและสังวาลย์ของเธอด้วยตนเองเสียเลย
“คุณสุวรรณราพณ์ แง๊!” เธอมิสามารถขัดขืนบุรุษอกสามศอกแถมยังเป็นยักษ์มารเช่นเขาได้ ผลักอกหนาราวกับภูผานั่นเช่นไรก็ไม่ต่างกับเอาแรงลมเอื่อยๆ ไปสู้ อีกฝ่ายใช้แรงถอด ถอด ถอดไม่กี่ครั้ง ผ้าผ่อนอาภรณ์ทุกชิ้นรวมถึงของมีค่าก็ลงไปกองกับพื้นหญ้าเสียแล้ว
มธุรสในร่างเจ้าจันทร์ล่อนจ้อนอย่างสมบูรณ์
นี่มันอีกครั้งแล้วนะ อีกครั้งแล้วที่สุวรรณราพณ์เห็นนางในสภาพน่าอับอายเช่นนี้
มธุรสอยากจะกรี๊ดใส่หน้าเขาดังๆ
แต่นั่นยังคงสร้างความอับอายให้นางไม่พอ ยังคงไม่พึงใจยักษา เพราะต่อมาอสุราหนุ่มก็ปลดอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายของตัวเองลงต่อหน้านางนี่เอง
ล่อนจ้อนด้วยกันโดยสมบูรณ์
ภาพตรงหน้าช่างแปลกใหม่ ถึงจักสัปดนแต่ก็ชวนมองอย่างปฏิเสธมิได้ มธุรสอ้าปากค้างทาบอกอยู่ตรงหน้าบุรุษผู้เปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ปิดบังกาย อวดโฉมความองอาจตรงนั้นเอง
โอ้พระพุทธเจ้า ก้นแน่น ขาวดี แถมยัง... ตาเถร!! นั่นลึงค์หรือปลัดขิกกันคะเนี่ย
