บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ตื่นมาอีกทีมีน้องชายไปเสียอย่างนั้น

จางหลินจูหลับไปอีกครั้งเพราะความอ่อนล้า กระทั่งรุ่งอรุณมาเยือนจึงรู้สึกตัว

“พี่หญิง ตื่นแล้วหรือขอรับ นี่น้ำขอรับ”

จางหลินจูยังไม่หายสับสน แต่ก็ยังเอื้อมมือรับจอกน้ำชาจากมือเล็กคู่นั้น จางหลินจูสำรวจองคาพยพของเด็กชายตรงหน้าพักใหญ่ ผิวพรรณของเขาจิ้มลิ้มน่าเอ็นดู เพียงแต่สภาพดูมอมแมมไปบ้าง สังเกตดี ๆ เด็กคนนี้หน้าคล้ายจางหลินจูสมัยวัยกระเตาะเป็นอย่างมาก

กระทั่งดื่มน้ำจนไม่รู้สึกกระหายแล้ว จางหลินจูจึงเอ่ยถาม “หนูจ๊ะ คือ…หนูเป็นใครงั้นเหรอ”

เด็กชายตัวน้อยเริ่มเบะปากเตรียมร้องไห้ จางหลินจูทำตัวไม่ถูก หันรีหันขวางแล้วจึงส่งยิ้มแหย มือเรียวเอื้อมลูบไหล่เล็กเพื่อปลอบประโลม “ไม่ร้องนะคะ ไม่ร้อง พี่ไม่เป็นไรแล้ว ถ้าเป็นเด็กดีพี่จะซื้อขนมให้กิน ดีไหมครับ”

เด็กชายหุบปากฉับเมื่อได้ยินคำว่าขนม พลางกลั้นเสียงสะอื้นจนหน้าแดงแก้มป่อง จางหลินจูลุ้นตามจนตัวงอ ครั้นเจ้าตัวเล็กควบคุมอารมณ์ได้แล้ว จางหลินจูจึงค่อย ๆ ตะล่อมถาม พร้อมยกมือทำท่าสูดลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะให้อีกฝ่ายกำหนดลมหายใจตาม แทนที่จะเป็นจางหลินจูที่ต้องได้รับการปลอบใจ แต่กลับกลายเป็นว่า จางหลินจูดันมีน้องชายให้ต้องคอยดูแลเสียอย่างนั้น

แขนเล็ก ๆ ยกขึ้นปาดป่ายใบหน้าเพื่อเช็ดคราบน้ำตา จางหลินจูเห็นเช่นนั้นก็อดยิ้มเอ็นดูเป็นไม่ได้ จึงยื่นมือช่วยซับคราบดินและสิ่งสกปรกออกให้อีกฝ่ายร่วมด้วย

“เก่งมากเลยครับ คราวนี้เป็นเด็กดีแล้ว พี่จะซื้อขนมให้กิน แต่ต้องบอกพี่ก่อนว่าหนูเป็นใคร และที่นี่ที่ไหน”

เด็กชายพยักหน้าหงึกหงัก

“พี่หญิง ข้ามีนามว่า จางหลินชวน เป็นน้องชายของท่าน”

จางหลินจูกะพริบตาถี่ น้องชายงั้นเหรอ

เด็กน้อยยังคงเจื้อยแจ้วต่อ “ปกติท่านจะเรียกข้าว่าชวนเอ๋อร์ ส่วนที่นี่คือชายแดนระหว่างเดินทางไปเมืองอันเจียง เรากำลังจะเดินทางไปหาญาติที่หมู่บ้านซิงเยียนขอรับ”

จางหลินจูยังไม่เข้าใจ ภาษาที่เด็กน้อยพูดก็ราวกับหลงยุคสมัย จางหลินจูสำรวจเสื้อผ้าที่จางหลินชวนสวมใส่ สังหรไม่ดีผุดขึ้นจนเกิดอาการตื่นตระหนก เหงื่อเย็นเปียกโซมเต็มแผ่นหลัง จางหลินจูพยายามตริตรองว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝันหรือไม่

ทว่าเมื่อย้ายสายตากลับมาบนเรือนร่างตัวเอง จางหลินจูก็ยิ่งตกใจแทบสิ้นสติ เพราะเสื้อผ้าที่กำลังสวมอยู่ตอนนี้ช่างดูเก่าปอน ซ้ำยังมีรอยปะชุนหลายสิบที่ อีกอย่างยังเป็นรูปแบบการตัดเย็บสุดโบราณไม่ต่างจากเด็กน้อยตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ

เอาล่ะ อย่ากระโตกกระตาก บางทีเราอาจฝันอยู่ก็ได้ คุณพ่อแอบมีบ้านน้อยหรือยังไง เราไม่มีน้องชายไม่ใช่เหรอ

เพียะ!

จางหลินชวนเบิกตากว้างเมื่อเห็นพี่สาวกำลังฟาดหน้าตนเองจนบังเกิดรอยนิ้วทั้งห้า

“พี่หญิง นี่ท่านทำอะไรขอรับ เจ็บหรือไม่”

เด็กน้อยรุดเข้าจับมือจางหลินจูเอาไว้ด้วยอาการตระหนก สีหน้าของจางหลินจูยามนี้เหยเกเป็นที่เรียบร้อย กระบอกตาคู่งามก็แดงก่ำ น้ำสีใสพร้อมจะไหลพรากลงมาเสียให้ได้

“นี่…ไม่ใช่ฝันเหรอ ช่วยบอกพี่ทีว่ามันไม่ใช่ความฝัน มันเกิดขึ้นได้ยังไง”

“พี่หญิง ท่านตื่นแล้วจะฝันได้อย่างไรขอรับ ท่านอย่าทำร้ายตนเองสิขอรับ อีกเดี๋ยวท่านแม่ก็กลับมาแล้ว”

จางหลินจูจิตใจเลื่อนลอย เด็กน้อยคนนี้พูดจารู้ความเป็นอย่างมาก ไม่นานก็ต้องหลุดจากภวังค์เมื่อสตรีวัยกลางคนเดินเข้ามาพร้อมกับบุรุษผู้หนึ่ง

จางหลินจูมองคนทั้งสองอย่างเงียบงัน ลักษณะแบบนี้ต้องเป็นหมอไม่ผิดแน่ แต่เครื่องแต่งกายเหล่านั้นเธอเคยพบเจอในซีรีส์หรือภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์ก็เท่านั้น

แม้เรื่องราวจะสุดเหลือเชื่อ แต่จางหลินจูก็ยังดีใจที่ได้พบหน้ามารดาอีกครั้ง ทว่าจางหลินจูก็ต้องใจเสียขึ้นอีกหน เมื่อไม่พบบิดาของตนอยู่ด้วย

“จูเอ๋อร์ ตื่นแล้วหรือลูก พอดีเลย แม่ไปพาท่านหมอมาแล้ว ให้ท่านหมอดูอาการหน่อยนะลูก”

จางหลินจูน้ำตาคลอ ลำคอคล้ายมีบางอย่างจุกเอาไว้จนแน่นไปหมด เธอพยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่าย

“แม่หนู ยื่นมือมาสิ”

จางหลินจูยื่นมือให้ผู้เป็นหมอ ผ้าแพรผืนบางถูกวางลงบนข้อมือเล็ก นิ้วหยาบกร้านวางนิ้วทาบลงเพื่อวัดชีพจร จางหลินจูเหงื่อซึม ใจเต้นแรงเสียจนผู้เป็นหมอต้องขมวดคิ้ว

“แม่หนูคนนี้ชีพจรสับสน ดูเหมือนคงถูกไอเย็นมากเกินไป ให้นางพักผ่อนสักสองสามวัน กินยาตามเทียบอาการน่าจะดีขึ้น แต่ว่า…”

“แต่ว่าอะไรหรือเจ้าคะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยถาม

จางหลินจูได้ยินวาจาของมารดาที่ต่างออกไปก็รับรู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้าไม่ใช่แม่ของตน แต่นางอาจเป็นแม่ของจางหลินจูในห้วงเวลานี้จริง ๆ ยิ่งตริตรองเรื่องข้ามเวลาเกิดใหม่ จางหลินจูก็ต้องพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้กระเจิดกระเจิงไปมากกว่านี้ และค่อย ๆ เก็บรายละเอียดบทสนทนาตรงหน้าต่อไปไม่ให้คลาดสายตา

“ไอหยินในกายมีมากเกินไปยากจะหายขาด บางทีหากนางแต่งงานมีสามีอาจจะช่วยบรรเทาเรื่องนี้ได้”

จางหลินจูหูอื้ออึง

มีสามี สามีอะไรกัน นี่เราอายุแค่สิบห้าเองนะ ดูจากร่างกายตอนนี้ไม่เกินสิบสี่ปีด้วยซ้ำ

“เช่นนี้เอง ขอบคุณเจ้าค่ะท่านหมอ”

มือผอมแห้งปลดถุงเงินใบเก่าจากข้างเอว ผู้เป็นหมอถอนหายใจเบา “แม่นาง ไม่ต้องหรอก ถือเสียว่าข้าช่วยเหลือก็แล้วกันนะ นี่เป็นเทียบยา”

“ได้อย่างไรเจ้าคะ ท่านรักษาคนก็ต้องใช้แรง ใช้ต้นทุน ไหนจะยาที่ท่านจัดสรรให้”

หมอวัยกลางคนโบกมือ “ไม่เป็นไร ดูพวกเจ้าสิ สามคนแม่ลูกอยู่อุดอู้ที่แห่งนี้ได้อย่างไร คงกำลังประสบปัญหาใหญ่ใช่หรือไม่”

สตรีฝั่งตรงข้ามสลดลง จากนั้นเอ่ยเสียงค่อย “เจ้าค่ะพวกเรากำลังจะเดินทางไปพึ่งใบบุญญาติ”

ท่านหมอถอนหายใจอีกครั้งด้วยความเวทนา “จากหน้าตาท่าทางพวกเจ้าคงไม่เคยนอนกลางดินกินกลางทรายเช่นนี้มาก่อน เงินนั่นเก็บไว้เป็นค่าเดินทางเถิด แม่นาง...แล้วสามีเจ้าเล่าเขาไปที่ใด”

บรรยากาศด้านในเงียบไปพักหนึ่ง จางหลินจูเองก็ตั้งใจฟังเพื่อรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด กระทั่งได้ยินเสียงสั่นเครือกล่าวออกมาด้วยสีหน้าเจ็บปวดใจ

“สามีของข้าเพิ่งจากไปได้ไม่นานเจ้าค่ะ เขาหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานแล้ว”

จางหลินจูหน้ามืดตาลาย นี่หรือชีวิตใหม่ที่เธอร้องขอ ไม่ได้ขอมาสู้ชีวิตเสียหน่อย คงเพราะคำอธิษฐานสุดท้ายที่ไม่สมบูรณ์เป็นเหตุให้จางหลินจูได้เกิดใหม่เป็นคุณหนูผู้อับโชคเช่นนี้

ฮื่อ…คุณพ่อคะ สวรรค์ เอาคุณพ่อเราคืนมานะ…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel