วินิฉัยโรค 1.1
บทที่ 1
วินิฉัยโรค
ณ โรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
แพทย์หญิง ซูเหมยลี่ จัดได้ว่าเป็นหัวหน้าคณะแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญถึงขั้นชำนาญงานพิเศษ เธอเดินลงมาจากห้องทำงานเพื่อตรงเข้าสู่ห้องประชุมสถาบันผู้เชี่ยวชาญ
ไม่ว่าจะเป็นแผนกอายุรกรรมหรือแผนกเวชศาสตร์ ต่างก็ให้ความเคารพในเรื่องชื่อเสียงและความเชี่ยวชาญของเธอ ด้วยประสบการณ์ที่มีมากเกินกว่าอายุ จึงทำให้หญิงสาวกลายเป็นแพทย์ชำนาญการที่มีอายุน้อยที่สุดในวงการแพทย์
“คุณหมอซูคะ ตอนนี้มีเคสผู้ป่วยด่วนเข้ามา แต่ญาติของคนป่วยต้องการให้คุณหมอซูเป็นคนวินิจฉัยโรคให้ ซึ่งตอนนี้คุณหมอโจกำลังเป็นคนรับผู้ป่วยเข้ามา ก็เลยเกิดความโกลาหลเล็กน้อยเพราะญาติของคนป่วยไม่ยอมให้คุณหมอโจเป็นคนตรวจค่ะ” พยาบาลคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามารายงานซูเหมยลี่ที่กำลังเดินออกจากห้องประชุมพอดี
“ฉันเข้าใจแล้ว เดี๋ยวคุณช่วยติดต่อญาติผู้ป่วยฉุกเฉินรายนี้ด้วยว่าเดี๋ยวฉันจะลงไปตรวจคนป่วยเอง ให้พวกเขาอยู่ในความสงบนะคะ” หญิงสาวหยุดเดินแล้วหันไปบอกกับพยาบาล
“ทราบแล้วค่ะคุณหมอซู” พยาบาลสาวรับคำแล้วรีบวิ่งนำหน้าไปก่อนทันที
ส่วนหญิงสาวก็รีบเดินลงไปตามบันได แต่ก่อนที่เธอจะผ่านลงไปถึงชั้นด้านล่างได้ผ่านประตูที่จะออกไปทางระเบียงเล็ก ๆ ก็รู้สึกคล้ายกับเห็นแผ่นหลังที่คุ้นตาของใครบางคนที่อยู่ที่ระเบียงทางหนีไฟ ด้วยความสงสัยเธอจึงตามไปแอบดู และเห็นซ่งฉีเหอ คนรักของเธอกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ เธอจึงเปิดประตูออกไปแล้วถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงคล้ายกับไม่พอใจ
“แล้วกัน ฉันว่าแล้วคุณจะต้องหนีมาสูบบุหรี่อยู่ที่นี่ ก็รู้ว่ามันไม่ดีทำไมถึงไม่เลิกสักทีล่ะคะ”
ชายหนุ่มที่ถูกถามกะทันหันก็มีทำท่าทางตกใจ และในมือเขาก็ยังคีบบุหรี่อยู่ เมื่อเห็นหญิงสาวแย้มประตูออกมา เขาก็รีบโบกมือไม่ให้เธอเข้าไปตรงที่เขายืนอยู่ พร้อมกับรีบตะโกนกลับมาบอกเธอ
“อย่าเพิ่งเข้ามาตรงนี้นะ คุณแพ้ควันบุหรี่ไม่ใช่เหรอ ยังมีเพื่อนของผมอีกหลายคนที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ที่นี่ คุณออกไปก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวผมจะรีบตามไป” น้ำเสียงของเขาฟังดูออกจะเข้มงวดเล็กน้อย
“คุณนี่จริง ๆ เลยนะ ฉันเป็นถึงหมอใหญ่ของที่นี่ แต่คุณกลับสูบบุหรี่และทำเรื่องที่ผิดต่อหลักอนามัยการดูแลร่างกาย ไม่กลัวคนอื่นเขาจะว่าเอาบ้างหรือคะ” หญิงสาวพูดออกไปอีกครั้งและยอมที่จะดึงประตูกลับมาให้เปิดออกน้อยที่สุดเพราะกลัวกลิ่นบุหรี่เข้ามาในพื้นที่ของโรงพยาบาล
ชายหนุ่มไม่ตอบกลับ เขาทำเพียงแต่แค่โบกมือให้เธอพร้อมกับยิ้มแห้ง ๆ
“ฉันว่าคุณรีบกลับเข้ามาเถอะ หวังว่าฉันกลับมาคงจะไม่เห็นคุณที่นี่นะ”
เธอซึ่งมีเคสด่วนอยู่แล้ว เมื่อพูดจบจึงไม่เสียเวลาอยู่ตรงนั้นอีก เธอหมุนตัวเดินกลับไปทางเพื่อดูคนป่วยทันที แต่ในใจก็รู้สึกสงสัยว่าเพราะอะไร ซ่งฉีเหอ ชายคนรักของเธอถึงได้ไปยืนสูบบุหรี่ที่นั่น เพราะปกติแล้วที่โรงพยาบาลจะมีสถานที่จัดให้สูบบุหรี่อยู่แล้ว
หญิงสาวรีบเดินลงมาจากอาคารอย่างรวดเร็ว ถึงแม้เธอจะทำงานที่ค่อนขางยุ่ง แต่ก็มักจะแบ่งเวลาไปออกกำลังกายเพื่อดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ดังนั้นต่อให้เธอมีอายุที่เข้าสู่วัยอายุช่วงเกือบสามสิบกว่าแล้ว แต่ร่างกายก็ยังคงกระฉับกระเฉง และมีสมองที่ฉลาดปราดเปรื่องอย่างมาก
“สวัสดีค่ะ ฉันซูเหมยลี่ เป็นคุณหมอที่พวกคุณอยากจะพบตัวที่สุด ไม่ทราบมีเรื่องอะไรเดือดร้อนให้ฉันช่วยหรือเปล่าคะ” เมื่อเดินมาถึงห้องฉุกเฉินแล้ว ซูเหมยลี่ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“คุณหมอซูมาแล้ว ขอบคุณสวรรค์ คุณจำได้หรือเปล่าคะ เมื่อปลายปีที่แล้วคุณผ่าตัดให้ลูกชายคนเล็กของฉัน ตอนนี้พี่ชายของเขาก็เหมือนกับจะมีอาการเดียวกัน พวกเราก็เลยรีบพาเขามาให้คุณตรวจ แต่คุณหมอคนนี้กลับดื้อดึงจะขอเป็นคนตรวจเอง”
หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งรีบพูดขึ้นมาอย่างร้อนรนและชี้มือไปทางชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ
ซูเหมยลี่หันมองไปทางโจเว่ยหรือคุณหมอโจ โจเว่ยเป็นหมอหนุ่มที่มีอุดมการณ์ค่อนข้างมุ่งมั่นและเป็นคนเถรตรง ต่อให้ทุกคนจะให้ความเคารพและยกย่องเธอขนาดไหน แต่สำหรับคนหนุ่มที่มีอุดมการณ์ดีอย่างหมอโจนั้น เธอก็ยังอยากจะให้เขาถูกผลักดันขึ้นมา บ้าง หากมีโครงการอะไรดี ๆ ก็อยากให้เขาได้เข้าร่วมเพื่อพัฒนาฝีมือ
“เป็นคุณหมอโจก็ดีเหมือนกันนะคะ หมอโจเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญมากเหมือนกัน ฉันคิดว่าการวินิจฉัยของฉันบางครั้ง ก็จะต้องอาศัยหลักวิเคราะห์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญท่านอื่น ๆ ด้วย ถ้าหากไม่รังเกียจฉันกับคุณหมอโจจะขอวินิจฉัยอาการของลูกชายคุณร่วมกันนะคะ”
หญิงสาวเมื่อสบสายตากับหมอโจแล้วจึงพูดขึ้นอีกครั้ง
การที่ผู้ป่วยรายนี้นำเอาคนภายในครอบครัวมาตรวจซ้ำอีกครั้ง นั่นก็เป็นเพราะไว้ใจในฝีมือของซูเหมยลี่ และเพื่อเป็นการต่อยอดให้โรงพยาบาล เธอก็ไม่ต้องการทำตัวเป็นดาวเด่นเพียงคนเดียว เพราะไม่มีใครรู้ว่าในอนาคตจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง จึงเสนอให้หมอคนอื่นมาช่วยในการตรวจรักษา
“ได้ค่ะได้ ขอแค่มีคุณหมอซูร่วมรักษาด้วยพวกเราก็พอใจแล้ว” ญาติคนป่วยรีบตอบรับทันที
เมื่อได้รับคำยืนยันจากญาติคนป่วย บุรุษพยาบาลก็นำเอาคนป่วยเข้าไปในห้องตรวจร่างกายทันที
