บท
ตั้งค่า

บทเริ่มต้นของนางร้ายที่ไม่ยอมจำนน 2

แต่คนที่รับบทเป็นนางร้ายของนิยายเรื่องนี้ก็ยังคงปรายตามองอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนที่จะมีเสียงของหนึ่งในชาวบ้านกล้าที่จะพูดขึ้นมาอีกครั้ง

“คุณหนูเจียงเป็นสาวเป็นแซ่ มานอนบ้านชายโสดแบบนี้ มันจะไม่ให้คนเขาสงสัยได้ยังไง!”

“ต้องมีศีลธรรม! อย่าทำให้เด็กในหมู่บ้านเห็นแล้วเลียนแบบ!”

“มีอะไรต่อกันแล้ว ก็ต้องแต่งให้ถูกต้องสิ!”

เสียงก่นด่าดังขึ้นอีกระลอก พร้อมสายตาจ้องจับผิดนับสิบคู่ที่พุ่งมาหาเธอ แม่ของสวี่ข่ายก้าวเข้ามาข้างหน้าด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ก่อนจะพูดเสียงลอดไรฟันออกมา

“ก็ถูกอย่างที่คนอื่นเขาว่ากันถ้าคุณหนูเจียงกับลูกชายของฉันเกินเลยกันแล้วจริง ๆ”

เจียงอวี้หลานได้ยินอย่างนั้นก็ไม่พูดอะไร สายตาของเธอเยือกเย็นเหมือนแผ่นน้ำในฤดูหนาว เธอมองผ่านผู้คนตรงหน้าแล้วรู้ดีเลยว่าถึงพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ พลางคิดในใจต่ออีกว่า

‘คนทั้งหมู่บ้านมัดมือชกฉันด้วยน้ำลายกับศีลธรรมที่มีไว้กดหัวคนอ่อนแอ ในโลกนิยายแบบนี้ความจริงไม่มีน้ำหนักเอาเสียเลย’

จากนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านข้าง ซึ่งเป็นเสียงทุ้มต่ำของบุรุษที่ยืนเคียงข้างเธออยู่ตั้งแต่ต้นโดยไม่พูดอะไรเลยแม้แต่นิด จนกระทั่งตอนนี้ยอมเอ่ยขึ้นบ้าง

“เมื่อคืน…พวกเรามีอะไรกันจริง”

สวี่ข่ายพูดออกมาอย่างไม่มีความละอายหรือความโกรธ และนี่ก็ยิ่งทำให้คนรอบตัวตกตะลึงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะแม่ของเขาที่เบิกตากว้าง ก่อนจะหันไปมองหน้าลูกชายอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“นี่ลูกพูดอะไรออกมา!”

สวี่ข่ายไม่ตอบผู้เป็นมารดา เพียงแค่มองแม่อย่างสงบนิ่งแล้วเงียบ เหมือนกำลังบอกว่าเขาจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง

ก่อนที่เสียงของชาวบ้านจะดังขึ้นมาระลอกที่สาม ซึ่งคราวนี้เหมือนพายุลูกใหญ่ แรงกดดันที่หล่นใส่เจียงอวี้หลานไม่ต่างจากตะกร้าหินขนาดใหญ่

“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ต้องแต่ง! จะปล่อยผู้หญิงเสียหายอย่างนี้ไม่ได้!”

“ชายชาติทหารต้องรับผิดชอบ!”

“คนในหมู่บ้านจะมองหน้าทั้งสองคนอย่างไรถ้าไม่แต่ง!”

เจียงอวี้หลานกะพริบตาช้า ๆ มองผู้คนตรงหน้าอย่างนิ่งงัน แม้ภายนอกจะเยือกเย็น แต่ในอกกลับเต็มไปด้วยเสียงความขมขื่นเมื่อถูกตอกย้ำความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

‘ฉันพึ่งตายจากโลกที่มีรถชน แล้วตอนนี้ยังจะถูกลากไปแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งนามสกุลอีกเหรอ ทำไมชีวิตของฉันมันถึงได้เลวร้ายถึงเพียงนี้’

เจียงอวี้หลานหันไปมองสวี่ข่าย ชายหนุ่มคนนี้ยังคงเงียบสงบ แม้จะรู้ดีว่าแม่ของเขาเกลียดเธอแค่ไหน และแม้จะรู้ว่าเรื่องทั้งหมดคือการถูกบีบบังคับก็ตาม ตอนนี้ในดวงตาของเขาไม่มีความรัก มีเพียงความรับผิดชอบ เช่นเดียวกับอีกฝ่ายที่มีเพียงการเอาตัวรอดเท่านั้น

พลิ้ว~

ลมพัดเอื่อย ๆ จนใบหม่อนสั่นไหวในยามเย็นส่งเสียงเสียดกันเบา ๆ เหมือนเสียงกระซิบที่ไม่มีใครอยากฟัง สวี่ข่ายยืนกอดอกมองหญิงสาวที่นั่งพิงต้นไม้ด้วยแววตานิ่งงัน ใบหน้าขาวซีดนั้นมีรอยฟกช้ำจาง ๆ ตามข้อแขนและคอ เขาเบือนหน้าไปชั่วครู่เพราะรู้ดีว่าต้นเหตุนั้นมาจากเขาเมื่อคืน

“เธอควรพูดอะไรสักอย่าง”

เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบต่ำคล้ายคนที่ฝืนใจตัวเอง เจียงอวี้หลานไม่ตอบเป็นเสียง เพียงใช้ปลายนิ้วเขี่ยกิ่งหญ้าหน้าเท้าเล่นด้วยดวงตาที่ว่างเปล่าอย่างคนที่ไม่มีอะไรให้เสียอีกแล้ว ร่างสูงจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดต่อโดยไม่อ้อมค้อม

“ฉันจะรับผิดชอบเรื่องเมื่อคืน ฉันไม่ได้ตั้งใจ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วฉันจะไม่ปล่อยให้เธอต้องตกเป็นเป้าของคำครหา เพราะฉะนั้นเราควรแต่งงานกัน”

คำพูดนี้ไม่ได้หวานและไม่ได้อ่อนโยน แต่มันก็ไม่ได้เย็นชาเลยเสียทีเดียว เขาพูดเหมือนคนที่เคยเจ็บจากความรัก แล้วก็ไม่อยากเจ็บซ้ำอีก เจียงอวี้หลานกะพริบตาช้า ๆ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา

“แล้วถ้าฉันไม่แต่งล่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel