บทที่ 6
เฉินเทียนอี้ในตอนนี้กำลังกอดอกยืนมองภรรยาของเขาเดินเข้าไปในห้อง รอยยิ้มชวนขนลุกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาทันที
"นายท่าน"
หยวนอิงลูกน้องคนสนิทของเฉินเทียนอี้เดินเข้ามาเขามองฮูหยินที่กำลังแอบย่องเข้าไปในห้องนอนของนาง
"นางไปพบผู้ใดมา"
เฉินเทียนอี้เอ่ยถามออกไปเสียงเย็น หยวนอิงที่ได้รับมอบหมายให้คอยจับตาดูเฉินหย่งเล่อมีสีหน้าลำบากใจเมื่อเห็นสายตากดดันของผู้เป็นนายก็พูดออกไปทันที
"ฮูหยินไปพบแม่นมขององค์รัชทายาทขอรับ แต่เพราะข้าอยู่ไกลจึงไม่ได้ยินบทสนทนาขอรับ"
"นางไม่ฟังคำเตือนของข้าเลยสินะ นางต้องรักองค์รัชทายาทมากเพียงใดถึงได้ย่อมละทิ้งชีวิตเช่นนี้ ช่างเป็นสตรีที่โง่งม"
เฉินเทียนอี้พูดออกมาเสียงเย็น ในหัวของเขาคิดและวางแผนต่าง ๆ เดิมทีเขาแต่งกับหย่งเล่อเพราะสมรสพระราชทาน คงเป็นเพราะข้าที่มีอำนาจและเงินทองมากเกินไปจึงส่งนางมาไว้ข้างกายหวังจะควบคุมข้า ตลอดหลายปีนางเอาแต่ทำตัววุ่นวายและยังสมคบคิดกับองค์รัชทายาททำลายเขาจึงทำให้เฉินเทียนอี้รู้สึกรังเกียจนาง อีกทั้งหลังจากนางกลับมาจากวังหลวงข่าวลือของนางที่เป็นสตรีขององค์รัชทายาทยิ่งทำให้เขาฝืนที่จะร่วมเตียงกับนางไม่ลง แม้ที่ผ่านมาเขาจะพลาดร่วมรักกับนางเพียงหนึ่งครั้งก็ตาม
"จับตาดูนางไว้ นางก่อเรื่องหรือไปพบคนขององค์รัชทายาทอีกก็จัดการสังหารได้เลย"
ด้านเฉินหย่งเล่อที่เดินกลับเข้ามาในห้อง นางก็มีท่าทางกระวนกระวายคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยจิตใจที่ร้อนรนกลัวว่าเรื่องที่นางคิดหลบหนีในวันนี้จะถึงหูของสวะองค์รัชทายาท
"หากแม่ทัพเฉินถูกสังหาร ท่านจะได้รับยาถอนพิษและได้ครอบครองตำแหน่งพระชายารองตามที่ท่านต้องการ"
เฉินหย่งเล่อนึกถึงคำพูดของแม่นมก่อนจะเริ่มทำความเข้าใจเหตุการณ์การที่องค์รัชทายาทรู้เรื่องราวของนางเช่นนี้นั้นหมายความว่าเขาส่งคนคอยติดตามนางเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้แผนการหลบหนีของนางก็ไม่อาจเป็นจริงเห็นทีหากคิดหนีอีกรอบนางก็คงถูกแม่นมจับได้อีกครั้งเป็นแน่
ทำเช่นไรดี ข้าไม่อาจหนีจากบทตัวละครของเฉินหย่งเล่อได้จริงจริงหรือ...
"ชีวิตบัดซบของข้าในเมื่อเจ้าเป็นผู้สร้างทั้งหมด เช่นนั้นก็ไปใช้ชีวิตเองเสียเถิด!!! หลินอันอันข้าขอให้เจ้าทุกทรมานเช่นข้าและไม่ตายดี!!!"
เสียงคำสาปแช่งของเฉินหย่งเล่อย้ำเตือนให้นางรู้ว่าสุดท้ายจุดจบของบทตัวละครนี้เป็นเช่นไร
ไม่ตายดี....ช่างเป็นคำพูดที่เหมาะสมเสียจริง..
ตึก ตึก ตึก ตึก
นิ้วเรียวเคาะนิ้วลงบนโต๊ะอย่างใช้ความคิด หากว่าตามนิยายตอนนี้นางควรวางยาปลุกกำหนัดเฉินเทียนอี้จนตั้งครรภ์นางร้ายสินะเพราะหวังว่าสามีจะช่วยเหลือแต่สุดท้ายหลังจากคลอดนางร้ายนางก็ได้รู้ว่าเฉินเทียนอี้ไม่มีทางช่วยเหลือนาง ทำให้นางตัดสินใจเปลี่ยนแผนหันไปวางยาสังหารเฉินเทียนอี้หนีไปหาองค์รัชทายาทและยินยอมเป็นสตรีขององค์รัชทายาท
ในนิยายหลังจากเฉินเทียนอี้รักษาตัวได้ก็ก่อกบฏและปลิดชีพเฉินหย่งเล่ออย่างทรมาน....
"ไม่ ข้าจะไม่ยอมมีจุดจบที่น่าสมเพชเช่นนั้น"
เฉินหย่งเล่อพูดกับตัวเองเสียงแข็ง แม้นางไม่กลัวความตายเพราะรู้ดีว่าตัวนางเองหากไม่ได้รับยาถอนพิษก็มีชีวิตอยู่ได้เพียงสามปี แต่การที่ต้องกลายเป็นสตรีของสวะเช่นองค์รัชทายาทนั้นนางย่อมไม่ต้องการ
"จริงสิ...แค่ข้ารักษาชีวิตของเฉินเทียนอี้ให้ได้ตลอดสามปี ข้าก็ยังคงเป็นฮูหยินเฉินไม่จำเป็นต้องกลายเป็นสตรีของสวะนั่น"
เฉินหย่งเล่อพึมพำกับตัวเองราวกับคนเสียสติ มือบางตบลงที่โต๊ะราวกับพอใจกับแผนการที่นางคิดเมื่อครู่นางในตอนนี้ได้เปลี่ยนเป้าหมายแล้ว แค่ทำให้เฉินเทียนอี้มีชีวิตอยู่รอดตลอดสามปีก็พอ
หลังจากนางตายไม่แน่ว่าความแค้นของเฉินหย่งเล่อที่มีต่อนางจะหายไปและวิญญาณของนางก็อาจจะกลับไปโลกปัจจุบันที่นางจากมา แต่ถึงอย่างไรเฉินหย่งเล่อย่อมรู้ดีว่าหากนางทำตามแผนการที่วางไว้องค์รัชทายาทที่ต้องการสังหารเฉินเทียนอี้ต้องไม่มีทางอยู่เฉยเป็นแน่ อีกทั้งเขาไม่มีทางปล่อยให้นางอยู่ข้างกายบุรุษอื่นถึงสามปี
เห้อ...ข้าควรทำเช่นไรดี...
หลายวันต่อมาภายในวังหลวงบรรยากาศในท้องพระโรงต่างเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ขุนนางทั้งฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นต่างถกเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายเหตุเป็นเพราะมีรายงานจากเมืองหลินหลงว่าต้องการกองกำลังทางทหารเข้าไปช่วยเหลือเนื่องจากถูกโจรป่ารุกราน ชาวบ้านในเมืองต่างถูกสังหารเป็นจำนวนมาก
เฉินเทียนอี้ที่มีตำแหน่งแม่ทัพยืนมองขุนนางทั้งสองฝ่ายกำลังถกเถียงกันก็เกิดความรำคาญในใจสุดท้ายการประชุมในครั้งนี้จบลงโดยยังหาข้อสรุปไม่ได้ เฉินเทียนอี้เดินก้าวเดินออกจากท้องพระโรงด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับเบื่อหน่ายสิ่งที่เกิดขึ้นเต็มทน
ฮ่องเต้ปรายตามองเฉินเทียนอี้ที่ยืนอยู่เบื้องล่างเมื่อเห็นว่าเขายังสบายดีก็รู้สึกโกรธในใจ นังเด็กไร้ประโยชน์มัวทำสิ่งใดอยู่เหตุใดถึงไม่ลงมือเสียที!!! เห็นทีข้าคงต้องลงมือเอง!!
"แม่ทัพเฉิน!!"
องค์รัชทายาทเอ่ยทักทายเฉินเทียนอี้ที่กำลังจะก้าวลงบันไดด้วยรอยยิ้ม แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่ได้ยินดีที่จะพูดคุยแต่เพราะตำแหน่งของคนตรงหน้าเฉินเทียนอี้จึงจำใจหยุดฟัง
“ข้าได้ยินว่าเจ้าจะพาหย่งเล่อไปเที่ยวต่างเมืองวันนี้หรือ"
"พ่ะย่ะค่ะ"
"เหตุใดต้องรีบร้อนถึงเพียงนั้นกัน หรือว่าเจ้ามีที่ที่ต้องไปจึงได้รีบร้อนเช่นนี้"
"เพราะภรรยากระหม่อมต้องการเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ"
องค์รัชทายาทที่ได้ฟังเช่นนั้นก็ลอบกำมือแน่นพยายามข่มความโกรธไว้ในใจ ภรรยาหรือทั้งที่รู้นางเป็นผู้หญิงของข้ายังกล้าพูดเช่นนั้น ช่างโอหังเสียจริง!!
ข้าอยากรู้นักว่าใบหน้าที่โอหังของคนตรงหน้าหากถูกหยามศักดิ์ศรีจะเป็นเช่นไร
"จริงสิ หมวกเขียวล้อมหยกที่ข้ามอบให้ท่านใส่แล้วชอบหรือไม่"
"......"
เฉินเทียนอี้ที่ได้ฟังเช่นนั้นกำมือแน่น เขาย่อมเป็นบุรุษรักศักดิ์ศรีแม้จะไม่ได้รักในตัวของเฉินหย่งเล่อ แต่นางก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาการที่ชายชู้ของภรรยามาพูดหยามศักดิ์ศรีข้าเช่นนี้อยากข้าให้ตายนักทั้งฮูหยินที่ไม่ได้ความและชายชู้ที่ชั่วช้า
"จริงสิ ท่านคงไม่ได้เชื่อในข่าวลือของหย่งเล่อกับข้าใช่หรือไม่ เดิมทีเพราะโตมาด้วยกันพวกข้าจึงสนิทสนมกันราวกับเป็น..."
เฉินเทียนอี้ที่รู้ว่าคนตรงหน้าต้องการยั่วยุให้เขาโมโห จึงพยายามข่มอารมณ์ความโกรธไว้ในใจพรางจ้องมองคนตรงหน้าราวกับเพียงสวะข้างทาง ตามข่าวที่ข้าส่งคนไปสืบเรื่องราวองค์รัชทายาทโปรดปรานนางมากเลยสินะ เช่นนั้น....
"องค์รัชทายาทอย่าได้กังวลเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมที่เป็นสามีย่อมรู้ดีว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่"
"เจ้าหมายความว่าอะไร ข้าไม่เข้าใจ"
"ไม่เข้าใจ? ต้องให้กระหม่อมอธิบายหรือพ่ะย่ะค่ะว่าทำเช่นไรถึงได้รู้ว่านางเป็นสตรีบริสุทธิ์"
"นี่เจ้า!!! กล้าแตะต้องสตรีของข้าหรือ!!"
“ผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้นางเป็นฮูหยินเฉินสตรีของกระหม่อมต่างหาก”
เฉินเทียนอี้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหนือกว่า ก่อนจะเดินออกไปไม่สนทนากับคนตรงหน้าอีกจากที่ดูท่าทางโมโหนั่นเฉินหย่งเล่อก็คงเป็นเบี้ยที่พอใช้ได้ ในวันนั้นหากไม่ใช่เพราะนางวางยาปลุกกำหนัดเขาและพูดจาล่อลวงเรื่องการหย่าจนได้มีความสัมพันธ์ เขาก็ไม่มีทางรู้ว่านางเป็นสตรีบริสุทธิ์ที่ไม่เคยผ่านชายใด แต่แล้วอย่างไรสุดท้ายตอนนางอยู่ที่วังข้าก็ได้ยินมาว่านางก็มีความสัมพันธ์กับองค์รัชทายาทอยู่ดี
หากไม่ใช่เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากนางในการเดินางครั้งนี้ ข้าก็คงสังหารนางด้วยตัวเองที่คิดทรยศสวมหมวกเขียวให้ข้า น่าเสียดายที่ข้าคงสังหารนางทิ้งตอนนี้ไม่ได้
อยากเห็นเสียจริงใบหน้าที่งดงามของนางหากเต็มไปด้วยเลือดจะยังงดงามอยู่หรือไม่...
