1. อดีตที่พลาดพลั้ง (1)
“กรี๊ดดด!!! พี่ใหญ่ พี่ใหญ่” ฟ่านลี่จวินกรีดร้องออกมาสุดเสียง วิ่งเข้าไปประคองร่างพี่ชายที่คุกเข่าแน่นิ่งอยู่หน้าประตูเรือน เบื้องหลังมีบ่าวไพร่และทหารนับครึ่งร้อยนอนจมกองเลือดสีแดงฉาน
เรือนสกุลฟ่านที่ยิ่งใหญ่ บัดนี้กลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง สกุลทหารที่รับใช้บ้านเมืองด้วยชีวิต กลับได้รับการตอบแทนเป็นความตาย
“พี่ใหญ่ ฮึก ทะ ท่านมองข้า ท่านตื่นขึ้นมามองข้า” สองมือประคองใบหน้าของฟ่านอู๋จวง ผู้เป็นพี่ชาย ปลุกเรียกให้ตื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้จะรู้ว่าดาบเล่มใหญ่ที่เสียบอยู่กลางอกได้พรากชีวิตอีกฝ่ายไปแล้วก็ตาม
น้ำตาไหลลงมาท่วมใบหน้าซูบผอมที่ยังมีเคล้าความงามเหลืออยู่ ดวงใจแกร่งของบุตรสาวสกุลแม่ทัพ บัดนี้บอบช้ำจนแทบไม่อยากขยับเต้นให้มีชีวิตต่อ กระนั้นเมื่อฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงประคองร่างใหญ่ของพี่ชายให้นอนลง ก่อนจะวิ่งตรงเข้าไปในเรือน
“ท่านพ่อ ท่านแม่ แคกๆ พวกท่านอยู่ที่ใด!” เสียงเล็กตะโกนร้องเรียก สอดส่องสายตาหาบิดามารดา ท่ามกลางศพชายหญิงมากมาย
สกุลฟ่านเป็นสกุลแม่ทัพ ฟ่านลี่จวินถือหอกถือดาบร่วมรบเคียงข้างครอบครัว เห็นคนล้มตายมานักต่อนัก แต่ยามเห็นบ่าวไพร่ที่คุ้นหน้าคุ้นตามาตั้งแต่เด็กล้มตายต่อหน้า นางก็มิอาจทำใจแข็งได้อีกต่อไป
แม่นมไป๋ พ่อบ้านหู...อาจู อาไห่ แม้แต่เด็กน้อย พวกมันยังไม่ละเว้นชีวิต เช่นนี้ยังจะเรียกว่าทหารขององค์จักรพรรดิได้อีกหรือ
สองขาก้าวย่างเข้าไปในโถงเรือนด้วยใจหวาดหวั่น ทันทีที่เห็นเพียงเงา ตาเล็กก็หลับลง นึกอยากหลีกหนีจากความจริงเบื้องหน้า มือเล็กทุบแกซ้ายตนเองซ้ำๆ กู่ร้องออกมาจนเสียงแห้ง
กายผอมทรุดตัวลงกับพื้น คลานเข่าเข้าไปหาผู้ให้กำเนิด มองทั้งคู่ตระกองกอดกันนอนแน่นิ่งอยู่บนพรมที่เปียกแฉะไปด้วยเลือด
“ฮื่อ! ท่านพ่อ ท่านแม่ ฮึก กรี๊ด!!! ข้าจะฆ่าพวกมัน จะล้างแค้นให้พวกท่าน” ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธและเสียใจ ก้มหน้าลงแนบกับเท้าของท่านทั้งสอง
ความเคียดแค้นมีอยู่เต็มอก คนสกุลฟ่านเป็นขุนพลร่วมเป็นร่วมตายกับแคว้นหนานซีมาหลายชั่วอายุคน ไม่คิดว่าความภักดีจะมีจุดจบเช่นนี้
“พระชายาโปรดระวังคำพูดด้วย คนสกุลฟ่านคิดคดต่อบ้านเมือง ซ่องสุมกำลังพล เพื่อก่อกบฏ มีโทษประหารเจ็ดชั่วโคตร” ทหารในสังกัดกรมกลาโหมเดินเข้ามาชี้แจงเรื่องนี้ ให้ชายาองค์รัชทายาทฟังอีกครั้ง
“ไม่เป็นความจริง หมู่บ้านต้าส่วยหาใช่การซ่องสุมกองกำลัง แคกๆ คนพวกนั้นเป็นเพียงชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ผู้ใดไร้ญาติ บ้านเรือนเสียหาย ก็ไปรวมอยู่ที่ตรงนั้น”
“แล้วเหตุใดมีการฝึกรบราฆ่าฟันเล่า”
“นั่นเพราะ-”
“ทหาร! พาพระชายากลับจวนองค์รัชทายาท...แล้วเผาเรือนสกุลฟ่านอย่าให้เหลือซาก” ทหารผู้นั้นมิยอมฟังเหตุผล ทั้งยังสั่งการอย่างไร้เมตตา
แน่ล่ะ...เดิมทีเสนาบดีกรมกลาโหม ก็ขัดแข้งขัดขากับบิดาของนางมาโดยตลอด
“ไม่ ปล่อยข้า ปล่อยข้า!!! อัก” ยังไม่ทันที่ทหารสองนายจะลากตัวฟ่านลี่จวินออกไป ร่างเล็กก็กระอักเลือดออกมา
“พวกเจ้าทำสิ่งใด ปล่อยชายาข้า!” องค์รัชทายาทเหรินซ่งอวิ้นพุ่งตัวเข้ามาประคองชายาเอกไว้แนบอก เสื้อผ้าเนื้อดีถูกนำขึ้นมาซับเลือดเหล่านั้นออกจากใบหน้างาม
“องค์รัชทายาท ฮึก ช่วยทวงความเป็นธรรมให้สกุลฟ่านด้วยเถิดเพคะ”
“พี่ย่อมต้องทำ แต่ยามนี้เรากลับจวนกันก่อนเถิด หากไม่แล้วเสด็จพ่อจะทรงกริ้วกว่าเดิม”
“มีคนใส่ร้าย มีคนใส่ร้ายสกุลฟ่านเป็นแน่”
“พี่รู้ๆ” สายตาเชือดเฉือนของผู้สืบทอดบัลลังก์ตวัดมองทหารจากกรมยุติธรรม ก่อนจะอุ้มร่างชายาออกจากเรือนสกุลฟ่าน
บรรดาทหารที่จงรักภักดีต่อแม่ทัพใหญ่ฟ่านกงเฉินและครอบครัว ต่างก็มาคุกเข่าอาลัยอยู่หน้าเรือน ยิ่งเห็นพระชายาเสียใจจนกระอักเลือด ความคับแค้นใจที่มีก็ยิ่งหนักอึ้งอยู่ในอก
ขอเพียงพระชายาเอ่ยปาก พวกเขาก็พร้อมจะทำทุกอย่าง หากจะให้ถือดาบเข้าวัง ทำการก่อกบฏอย่างที่คนพวกนั้นป้ายสี พี่น้องทหารทุกนายก็จะสู้จนตัวตาย
“พระชายา”
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้ารู้สึกอย่างไร แต่ชายาของข้าในตอนนี้ ร่างกายมิค่อยแข็งแรง ทั้งยังมีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจ ให้นางพักเสียหน่อยเถิด”
“พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท หากมีสิ่งใดให้พวกกระหม่อมรับใช้ ทหารกล้าทุกนายยินดีร่วมเป็นร่วมตายพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม เตรียมตัวเอาไว้เถิด ข้าไม่ปล่อยให้คนสกุลฟ่านตายอย่างไม่เป็นธรรมเช่นนี้แน่”
ฟ่านลี่จวินกอดกระชับสวามีแน่นขึ้น ได้ยินคำพูดพวกนั้นแล้ว นางก็สบายใจขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง อย่างน้อยชายที่นางรักก็มิได้คิดว่าสกุลฟ่านทำผิด
ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่...ข้ากับองค์รัชทายาทจะล้างมลทินให้พวกท่านจนได้
ทว่าความคิดของฟ่านลี่จวินกลับผิดมหันต์ เพราะทันทีที่มาถึงจวนองค์รัชทายาท ลี่จวินก็ถูกโยนลงเตียงอย่างไม่ออมแรงเลยสักนิด ร่างกายที่เจ็บลึกเข้าไปถึงกระดูก ฝืนลุกขึ้นมาพูดคุยกับสวามี
“ท่านพี่ ขะ ข้าเจ็บ” คำพูดเปลี่ยนเป็นคำสามัญทันทีที่อยู่กันเพียงสองคน
“แต่ข้าหนัก!” สายตาและการกระทำของเหรินซ่งอวิ้น ราวกับมิใช่สวามีรักของนาง นัยน์ตาดำสนิทเหยียดมอง ท่าทีปัดเช็ดเสื้อผ้าพวกนั้น ราวกับรังเกียจที่ได้แตะตัวลี่จวินไปเมื่อครู่