บท
ตั้งค่า

chapter 2 จุดใต้ ตำตอ

“คุณลองบอกความต้องการของคุณมาสิค่ะ” เอลี่ใจเต้นรัวจนรู้สึกว่าน้ำเสียงเธอสั่นเล็กน้อย อดิสรลอบมองใบหน้าขาวเรียวยาวรูปไข่ รู้สึกคุ้นเคยกับอากัปกริยา พร้อมกับน้ำเสียงของหญิงสาวตรงหน้าอย่างประหลาด เอลี่จดงานเพลินจนถลกเสื้อสูทสีดำขึ้น ทำให้สร้อยทองคำขาวโผล่ออกมาเล็กน้อย

อดิสรตาโต ทำไมจะจำสร้อยข้อมือที่ทำเป็นพิเศษเพื่ออดีตคนรัก ชายหนุ่มเอื้อมมือมาคว้าข้อมือของหญิงสาว กระชากแรงอย่างไม่รู้ตัว เอลี่หันหน้ามองอย่างตกใจ

“เอาสร้อยนี้มาจากไหน ใครให้มา” น้ำเสียงอดิสรดุดัน ใบหน้าเครียดทันที

เอลี่หรือเอมิกาใจหายวาบ แต่พยายามรวบรวมสติก่อนตอบ “สร้อยของฉัน”

“สร้อยของคุณงั้นเหรอ มันเหมือนสร้อยที่ผมทำให้แฟนเหมือนมาก” อดิสรมองหน้าอีกฝ่าย อย่างคาดคั้น ก่อนพูดกับตนเองในใจ “ไม่จริง ไม่ใช่หรอกมันไม่มีความเหมือนกันสักนิด แต่อีกใจก็แปลกใจเพราะน้ำเสียง แววตา กริยาท่าทางดูเหมือนกันราวกับคนๆเดียวกัน”

“พูดเรื่องงานดีกว่าค่ะ ดิฉันต้องไปทำงานอีกที่หนึ่ง” เอลี่เปลี่ยนเรื่องพูด

“เดี๋ยวเราจะไปดูที่ไซด์งานกัน” อดิสรลุกขึ้นยืน แอบยิ้มที่มุมปากตอนแรกตั้งใจว่าจะคุยงานแค่ห้านาทีแล้วจะส่งต่อให้วิเชียร์รับไปทำต่อ แต่ตอนนี้อดิสรตั้งใจจะมาลุยงานนี้ด้วยตัวเอง อาจเป็นเพราะหญิงสาวสวยตรงหน้านี้ก็เป็นได้

“ไปไซด์งาน ตอนนี้เนี่ยนะคะ” เอลี่อยากจะกรี๊ด เพราะเสื้อผ้าที่เธอแต่งมาวันนี้ แค่มาบลีฟงานเพียงเล็กน้อย ไม่ได้เตรียมชุดออกนอกสถานที่ ทั้งกระโปรงก็สั้นรองเท้าก็สูง

“ตอนนี้แหละ ไม่งั้นคุณจะไปร่างงานมาให้ผมดูได้ยังไง ทฤษฎีแบบเดียวไม่ได้ผลหรอกนะ ต้องปฏิบัติจริงด้วย” อดิสรลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกไป เอลี่รู้สึกหงุดหงิด ไหนต้องมาทำงานกับอดีตคนรัก แล้วยังจะท่าทางกวนประสาทของอีกฝ่ายอีก

“อ้าว ตามมาสิคุณ”

อดิสรเดินตรงไปสั่งงานเลขา แล้วเดินตรงไปที่ลิฟท์อย่างรวดเร็ว เอลี่เดินตามแทบไม่ทันเพราะเขาเดินเร็วมาก หญิงสาวก้มมองสภาพตนเองแล้วรีบเดินแกมวิ่งตามชายหนุ่ม

“คุณอดิสรคะ คุณอดิสร” สาวประเภทสองเรียกชายหนุ่ม อดิสรเหลียวมามอง เห็นหญิงสาวเดินแกมวิ่งมาให้ถึงตนเองแล้วยิ้มนิดๆ

“อะไรอีกล่ะคุณ เราต้องไปที่ไซด์งานกันนะ” อดิสรก้มมองนาฬิกาที่บอกเวลาว่าสายมากแล้ว

“เออ ดิฉันว่าเรานัดกันอีกทีดีไหม ดิฉันเกรงว่าสภาพดิฉันจะไม่เหมาะสิคะ”

“นี่คุณ เอมิกา ผมไม่มีเวลาว่างมากหรอกนะ ถ้าคุณเป็นมืออาชีพควรจะเตรียมให้พร้อมกว่านี้ ตกลงจะเอาไง จะทำไหมโปรเจคนี้ หรือจะยอมแพ้ตั้งแต่ยกแรก” อดิสรใช้วาจาเชือดเฉือน แอบยิ้มที่เห็นใบหน้าของหญิงสาว ที่แสดงความไม่พอใจ ริมฝีปากเอลี่เม้มแน่น ก่อนจะสะกดเป็นคำพูดว่า

“ดิฉันเห็นว่ากลัวจะทำงานได้ไม่เต็มที่ ในเมื่อคุณต้องการจะไปวันนี้ดิฉันก็ไปได้ค่ะ” เอลี่เน้นคำสุดท้ายอย่างจงใจ ก่อนจะมองแผ่นหลังอดีตชายคนรัก นึกหมั่นไส้ในความเอาแต่ใจของอีกฝ่าย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีอดิสรก็ยังเหมือนเดิม

“ไปรถผม จอดรถคุณไว้ที่นี่ ทางไปโครงการพาวินลอนค่อนข้างซับซ้อน” อดิสรคว้าข้อมือหญิงสาว เมื่ออีกฝ่ายจะเดินตรงไปรถมินิคันเล็กสีดำ เอลี่คิดในใจรถคันนี้ก็ยืมมาจากเจ้านาย เพราะตนเองพึ่งกลับมาจากต่างประเทศยังไม่มีรถของตนเอง เอลี่มองมือของชายหนุ่มที่จับข้อมือของตนเอง แล้วความรู้สึกวาบหวิวกับสัมผัสแรก ตั้งแต่จากกันไปสี่ปี หญิงสาวสะบัดมือออกเมื่อความรู้สึกเดิมๆ ประดังประเดเข้ามาอย่างรวดเร็วในขณะที่อดิสรเลิกคิ้ว อย่างสงสัยกับปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ของหญิงสาวสวยที่อยู่ตรงหน้า ท่าทางที่รู้สึกคุ้นเคย น้ำเสียงที่เหมือนกันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอยากจะค้นหา ชายหนุ่มรู้สึกตกใจกับความรู้สึกของตนเองอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่เลิกกับคนรักเก่าอดิสรก็ปิดกั้นหัวใจตนเองตลอดสี่ปีที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะต้องการลงโทษตนเอง อีกอย่างก็ยังเฝ้าคอยว่าวันหนึ่งหญิงคนรักจะกลับมาหา แม้ว่าจะเป็นการรอคอยที่ไม่มีจุดหมาย

จนกระทั่งวันนี้ อดิสรก็แปลกใจตนเองว่าทำไมรู้สึกว่าหัวใจตนเองเต้นแรง เมื่อสบตากับมัณฑนากรสาวคนนี้กริยาที่คุ้นเคย แววตาที่คุ้นตา น้ำเสียงที่ยังจำได้ดี ทำให้ชายหนุ่มพาตนเองเข้าไปให้ใกล้กว่านี้ แล้วยิ่งไปกว่านั้น สร้อยข้อมือที่เหมือนกันราวกับอันเดียวทำให้อดิสรอยากค้นหาหญิงสาวคนนี้ให้เพิ่มขึ้น

เอลี่ใช้กระเป๋าถือวางไว้ที่ขา เพราะกระโปรงยืดที่สั้น ทำให้หญิงสาวรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อต้องมานั่งรถคันเดียวกันกับอดีตคนรัก รถลัมเบอร์กินี่รุ่นใหม่ล่าสุดสีดำดูหรูหราทำเอาหญิงประหม่า แล้วสายตาไปเห็นของเล่นเด็กสีชมพูหวานที่วางไว้ข้างๆ รถ สาวประเภทสองมองแล้วน้ำตาเริ่มคลอ ฝนเริ่มตกปรอยๆ ทำให้อากาศภายในรถหนาวขึ้นอีก อดิสรเหลือบตามองสาวประเภทสองทางด้านข้างแล้วเกิดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ชายหนุ่มเอื้อมไปหยิบเสื้อสูทของตนเอง แล้ววางไว้บนหน้าตักของหญิงสาว

“คุณคงหนาว ผมจะลดแอร์ให้นะ ไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมพวกผู้หญิงชอบนุ่งกระโปรงสั้นๆ ทั้งๆ ที่จะลุกจะนั่งก็ไม่สะดวก” อดิสรพูดขณะที่ขับรถไปด้วย เอลี่รู้สึกหมั่นไส้หันไปมองหน้าอดีตชายคนรัก

“หรือไม่จริง” อดิสรรู้สึกสนุกที่ได้คุยกับหญิงสาวที่นั่งข้างๆ จนรู้สึกแปลกใจตนเอง

เอลี่หันไปมองของเล่นเด็กที่วางไว้ที่ข้างรถ ในใจปวดแปลบ นี่คงเป็นของลูกเขาสินะ เขาคงมีครอบครัวที่อบอุ่นมาก แม้แต่ในรถก็ยังมีของเล่นเด็ก สาวประเภทสองหันไปมองชายหนุ่มด้วยแววตาที่อดิสรเหลียวมาเจอแล้วชะงัก แต่เมื่อเสียงบีบแตรไล่เมื่อสัญญาณไฟสีเขียว แต่รถไม่เลื่อน ทำให้อดิสรต้องหันไปขับรถแต่ก็แปลกใจกับแววตาของหญิงสาว มันติดอยู่ในใจจนถึงไซด์งาน ระหว่างทางไม่มีแม้แต่คำพูดใด แต่อดิสรก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่อบอุ่นแปลกๆภายในรถ

อดิสรเดินนำเข้าสู่ไซด์งาน ชายหนุ่มเดินเร็ว ในขณะที่เอลี่เดินตามด้วยความลำบาก อาจเป็นเพราะรองเท้าส้นสูงเจ้ากรรม ใครจะนึกว่าต้องมาเดินที่ไซด์งาน ตอนแรกนึกว่าคุยงานไม่ถึงชั่วโมง แล้วกลับเหมือนทุกงาน เอลี่เดินไปถ่ายรูปไป สายตาก็มองไปรอบๆ อย่างตั้งใจ สักพักอดิสรก็ยื่นหมวกใบสีขาวมาให้

“ใส่ซะ ฝุ่นมันเยอะ ไซด์งานตรงนี้มันเสร็จแค่หกสิบเปอร์เซ็นต์ ผมให้มาดูงานคร่าวๆ เผื่อเป็นไอเดียในการทำงานให้คุณ”

“ค่ะ” เอลี่มองเพลิน จนเหยียบใส่ก้อนหินทำให้รองเท้าพลิก จนร่างเกือบล้ม อดิสรเหลียวมาเห็นรีบเอื้อมมือไปรับร่างของหญิงสาว ริมฝีปากของชายหนุ่มเฉียดเบาๆที่ริมฝีปากของมัณฑนากรสาว เอลี่รีบผลักร่างของชายหนุ่มทันทีด้วยความตกใจ สัมผัสราวกับผีเสื้อบินผ่าน แต่มันสปาร์คแรงจนทำให้อดิสรตกใจ ตาจ้องตาในระยะใกล้ อดิสรมองเห็นบางอย่างในแววตาจนตกใจตัวเอง

“ขอโทษผมไม่ตั้งใจ แต่คุณเหมือน คุณเหมือนเขามาก”

“เหมือนใครค่ะ” เอลี่ร้องครางเบาๆ

“แฟนผม แต่ช่างเหอะ ผมคงตาฝาดไปหน่อย” อดิสรหลับตาแล้วส่ายหน้าไปมา ในขณะที่เอลี่น้ำตาซึมจนต้องรีบกระพริบตาไล่

จากโครงการนี้ เข้าอีกโครงการหนึ่ง เป็นห้าแพลนในหนึ่งโปรเจต กว่าสามสี่ชั่วโมง ที่ทำงานร่วมกัน ทำให้อดิสรรู้สึกทึ่งในความอึดของหญิงสาว เพราะชายหนุ่มไม่ได้ยินเสียงบ่นมาแต่คำเดียว ปกติถ้ามากับผู้หญิงอื่น คงได้ยินเสียงบ่นแล้ว แต่น่าแปลกหญิงสาวคนนี้กลับตั้งใจทำงาน โดยไม่ปริปากบ่นแม้แต่คำเดียว อดิสรรู้สึกประทับใจเงียบๆ

“รถติดเป็นบ้าเลย” อดิสรบ่นเสียงดัง

รถของชายหนุ่มเลี้ยวเข้าร้านอาหารชื่อดัง เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสร้านโปรดประจำตัวของชายหนุ่ม และครอบครัว สาวประเภทสองจำร้านนี้ได้ดี เพราะมีความทรงจำดีๆ กับร้านนี้

“กินข้าวกัน ผมเลี้ยงเอง” อดิสรพูดพลางเปิดประตูรถ ในขณะที่เอลี่นั่งนิ่ง ความทรงจำเก่า ๆ ไหลเข้ามาในความคิดอย่างรวดเร็ว

เสียงโทรศัพท์มือถือทำให้ เอลี่ตื่นจากภวังค์ “ค่ะ บอส”

“เรียบร้อยดีค่ะ ..ขอโทษนะคะบอส มี่เลยไม่ได้ไปคุยงานต่อให้บอสอีกงาน” เอลี่ตอบน้ำเสียงอ่อนหวาน ในขณะที่อดิสรรู้สึกแปลกใจตนเองทำไมรู้สึกหงุดหงิดเมื่อรู้ว่าหญิงสาว กำลังคุยกับเจ้านายหนุ่มอย่างสนิทสนม

อดิสรเข้ามาคว้าข้อมือให้หญิงสาวเดินตาม ในขณะที่เอลี่มองแผ่นหลังของชายหนุ่ม ด้วยความตกใจ

“ผมหิว..ไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า” ชายหนุ่มแก้ตัวทั้งๆ ที่รู้สึกไม่พอใจที่หญิงสาวยืนคุยกับเจ้านายหนุ่มใบหน้ายิ้มแย้ม

ระหว่างที่อาหารมาเสิร์ฟ อดิสรเฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของหญิงสาวตรงหน้าเงียบ ๆ แล้วรู้สึกตกใจ

“เชื่อไหม คุณเนี่ยเหมือนคนๆหนึ่งมากๆ ราวกับคนเดียวกัน เพียงแต่.....ช่างเถอะผมคงคิดถึงเขามากไปมั้ง”

อดิสรปัดความรู้สึกต่างๆ ออก เมื่อบริกรนำน้ำมาเสิร์ฟ พร้อมกับอาหารตามมา อดิสรสั่งอาหารทางออนไลน์ตั้งแต่ในรถ ความสะดวกของวิวัฒนาการรุ่นใหม่ ทำให้คนเมืองอยู่กันง่ายขึ้น อดิสรเลิกคิ้วเป็นครั้งที่สองที่เห็นสาวสวย ยกน้ำดื่มทีเดียวหมดแก้ว มือที่จับมีดที่บุคคลทั่วไปจับมีดทางด้านขวา มัณฑนากรสาวกลับถือทางด้านซ้าย เหมือนกับอดีตคนรักราวกับคนๆ เดียวกัน

“เอ๊ะ คุณจับมีดมือซ้ายด้วยงั้นเหรอ” อดิสรร้องด้วยความแปลกใจ พร้อมจ้องมองหน้ามัณฑนากรสาวแบบเก็บทุกรายละเอียด เอลี่ใจเต้นแรง ไม่กล้าสบตาอดีตชายคนรัก มือก็เลื่อนไปจับมือถือ พร้อมกับกดปุ่มโทรออก แล้วกดปิดทันที โดยนี่เป็นสัญญาณในกลุ่มเมื่อต้องการความช่วยเหลือ เสียงโทรศัพท์ดังกลับเข้ามา แววตาสาวประเภทสองแวววาว ก่อนจะลุกขึ้นยืน

“ดิฉันขอตัวสักครู่ ขอโทษค่ะ”

เมื่อแยกตัวเข้ามาในห้องน้ำ เอมิการีบต่อโทรศัพท์ถึงเพื่อนสนิทอย่างกระวนกระวาย

“ไอ้พัช ไอ้ญ่า แกต้องมาช่วยฉัน เดี๋ยวนี้เลย”

“มารับฉันเดี๋ยวนี้ ที่ร้านเลอ เดอร์ มอง แถวสุขุมวิทสิบห้า เร็วนะแก ก่อนที่ฉันจะโดนพี่สรเชือดเป็นชิ้นๆ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel