บท
ตั้งค่า

8

วันที่สามในฮ่องกง ขวัญนั่งมองผู้คนในสวนสาธารณะไม่ไกลจากตึกสูงที่พักมากนัก ดวงตากลมโตขยับไปซ้ายทีขวาทีพร้อมกับทานไอติมที่อยู่ในมือ วันนี้ขวัญล้มแผนที่วางไว้ทั้งหมด แต่เธอไม่อยากอยู่แต่ในห้องเหมือนคุณฟง อย่างรายนั้น ที่วันๆก็เอาแต่ทำงานและทำงานกินนอนไม่เป็นเวลา ช่างมหัศจรรย์จริงๆที่เขายังแข็งแรงเติบโตมาได้อย่างปลอดภัยกับการใช้ชีวิตแบบนี้

ทำไมนะก่อนหน้านี้เธอถึงไม่รู้เลยว่าเขาเป็นแบบนี้ คงเพราะพวกเธอนอนกันคนละห้องและเธอก็ต้องไปโรงเรียน ช่วงเธออยู่บ้านก็จะได้เจอเขาตอนเวลาอาหาร กับวันหยุดบางช่วงที่เธอต้องทำงานให้กับเขาตามคำสั่ง แล้วในที่สุดตลอดสามปีที่อยู่ด้วยกันมา เขาและเธอไม่เคยไป...เอ่อ แบบไปเที่ยวด้วยกันเลย มีแต่ออกงานก็ครั้งแรกก็ครั้งนั้น

เฮ้ยยยย ขวัญถอนหายใจครั้งหนึ่งให้กับตัวเอง เธอต้องการอะไรจากเขากันแน่ ตอนแรกคือรอวันที่พ่อจะกลับมารับ ตอนนี้เธอก็คิดว่ายังคงเหตุผลเดิม

แต่สำหรับคุณฟงละ เขาได้อะไรกับการเลี้ยงดูเธอ ตอนแรกเธอคิดว่าเขาต้องการสิทธิ์ในการอยู่เมืองไทยอย่างไม่ยุ่งยาก แต่ตอนนี้เธอนั่งอยู่ที่ฮ่องกง บ้านเกิดเมืองนอนของเขานะ หรือว่า... “คุณฟงอยากจะกินเด็ก” ขวัญเปรยออกมา ตอนแรกเหมือนจะตกใจกับความคิดของตน แต่ก็นึกขึ้นได้ “เขาก็บอกชัดเจนแล้วนี่น่า ว่าจะกินเรา...” ขวัญยกนิ้วขึ้นมานับวันที่เหลือ “ห้าวัน”

“ขวัญ!”

!!!! ขวัญชนกตกใจกับเสียงเรียกที่คุ้นเคย สายตาเหลือบขึ้นมอง “เมฆ” เธอลืมสิ้นความคิดเรื่องทะลึ่งปึงปังเมื่อสักครู่

“พรหมลิขิตแท้ๆ” เมฆเปรยและก้าวยาวๆ แค่สองสามก้าวเขาก็มานั่งบนม้านั่งข้างกายขวัญ

“มาได้ไงเนี่ย”

“ก็บอกขวัญแล้วไงว่าเราจะตามมา”

“เร็วปานนี้เลยเหรอ”

“ขวัญพูดแบบนี้ เราหดหู่เสียความมั่นใจมากเลยรู้มั้ย”

“เอ่อ...ขอโทษจ๊ะ ก็ประหลาดใจนี่น่า”

“ขวัญลืมไปแล้วเหรอว่าพ่อเราเป็นใคร” ขวัญยิ้มและพยักหน้า และด้วยความสัมพันธ์พิเศษที่มีต่อกันมานานทำให้ขวัญที่เหงาๆ และรู้สึกเดียวดายมาตลอดสามวันก็กลับมามีชีวิตชีวา เธอกลับมาพูดคุยหยอกล้อกับเมฆากันอย่างสนุกสนาน สะท้อนภาพให้เหล่าผู้คนที่พบเห็น ไม่อาจแปลและตีความหมายเป็นแบบอื่นได้เลย นอกจากความรักของวัยรุ่นทั้งสอง

ดีแลนขบกรามแน่น สีหน้าและแววตาบ่งบอกชัดเจนว่าฟางเส้นสุดท้ายของการอดทนได้ขาดสะบั้นลงแล้ว เพราะเขาถือว่าได้คุยกับขวัญกันรู้เรื่องแล้ว

ดีแลนล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกะเป๋า “ฉันมีเรื่องให้จัดการ” ทันทีที่ปลายสายกดรับ ไม่มีคำทักทายใดๆ บ่งบอกว่าสถานะของสองฝ่ายไว้อย่างชัดเจน

“ไม่ต้อง แค่กักตัวไว้สักระยะ”

“เด็กคนนี้เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของนักการเมืองไทย”

“ฉันไม่สน”

“ได้ครับนาย” และทั้งสองฝ่ายก็ตัดสาย

ขวัญที่ไม่รู้ว่าตัวเองได้ก่อเรื่องสร้างความยุ่งยากไห้กับตัวเองไว้นั้น ก็ยังคงเพลิดเพลินพูดคุยและชวนเมฆไปเที่ยวเล่นกันต่อตามประสา กว่าทั้งสองจะแยกย้ายบ้านใครบ้านมันก็ปาเข้าไปเกือบทุ่มตามเวลาท้องถิ่น

ภายในห้องชั้นสูงสุดของตึกในตอนนี้กลับเงียบและมืดมิดแตกต่างกับทุกๆวัน ขวัญเปิดไฟและเดินไปยังห้องทำงานของคุณฟง “ไม่อยู่เหรอเนี่ย” เสียงพึมพำด้วยความแปลกใจแบบธรรมดา และในคืนนั้นขวัญเข้านอนตามปกติ

แสงรุ่งอรุณวันใหม่เล็ดรอดเข้ามา ดวงตากลมค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ แต่แล้วก็ต้องกระพริบตาถี่ๆ เธอตื่นในเวลาเดิมทุกๆวัน เมื่อสองวันก่อนในตอนเช้าทุกครั้งที่ลืมตาขึ้นมาจะต้องเจอร่างใหญ่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงอีกฟาก แต่วันนี้กลับว่างเปล่า

พรึ่บ! คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ฮื้ม แต่แล้วขวัญก็สะบัดความคิดความฟุ้งซ่านทิ้งไป เข้าห้องน้ำจัดการตัวเองเหมือนทุกครั้ง

แม้จะบอกตัวเองว่า ไม่เกี่ยวกับตัวเลย คุณฟงจะไปไหนมาไหนก็เรื่องของเขา “แต่อย่างน้อยก็ควรจะบอกกันบ้างสิ”

Grrrr Grrrr เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดึงความสนใจของขวัญไปทันที “เมฆ...” “อ้า!...ได้ๆ” “เจอกัน” ขวัญเร่งรีบออกจากห้องไปโดยทันที และวันนี้อีกทั้งวันที่ขวัญขลุกอยู่กับเมฆ

เกร็ก ขวัญกลับมาห้องในตอนค่ำๆ และอีกครั้งคือเงียบ ว่างเปล่า “ไม่อยู่อีกแล้วเหรอ” ขวัญยังคงพึมพำกับตัวเอง และถอยออกจากห้องทำงานของคุณฟงกลับเข้าห้องนอน และนอนหลับไปอีกครั้ง

ในเช้าวันถัดมา ร่างบอบบางลุกขึ้นนั่งมองความว่างบนเตียงอีกด้าน “แปลก” ขวัญหยิบโทรศัพท์ของตัวเองและกดเบอร์โทร.ด่วน เสียงรอสายนานจนตัดไปก็ไม่มีใครรับสาย

อ้า! เหมือนว่าขวัญกำลังคิดอะไรได้ เธอรีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเอง และเข้าลิฟท์ลงไปชั้นล่าง แม้เธอจะรู้ว่าอีวานอยู่ชั้นล่างถัดจากเธอ แต่เธอไม่มีรหัสลิฟท์ จึงต้องลงไปข้างล่างเพื่อให้เขาติดต่อคุณอีวานให้

“ขอฉันคุยกับเขาหน่อยได้มั้ย” ขวัญเอ่ยกับเจ้าที่ที่โทรหาอีวานเมื่อพวกเขาได้คุยสายกัน เจ้าหน้าที่เอ่ยขออนุญาตกับปลายสายก่อนที่จะส่งสายให้เธอ

“น้องสะใภ้ รบกวนเวลานอนรู้ตัวมั้ยว่าทำบาปเข้าแล้ว ขอให้เป็นเรื่องสำคัญถ้าสามีไม่หายตัวไปหรือลิงออกลูกเป็นไก่ ก็อย่าทำแบบนี้อีก...นะ!” อีวานพูดรวดเดียวยาวเยียดขวัญหาช่องไฟไม่เจอเลย

“คุณอีวานรู้ได้ไง”

“รู้อะไร” คราวนี้เสียงอีวานฟังดูประหลาดใจ

“อ้าว! ที่สามีหายไป”

“สามีหาย?...สามีใคร...เอ๊ะ! หรือว่าดีแลนหายไปอย่างงั้นเหรอ”

“ไม่รู้สิค่ะ”

“อ๊ะอ๊ะ...อย่าพึ่งพูดอะไร ขึ้นมาคุยกันข้างบน” อีวานบอกรหัสลิฟท์ให้กับขวัญอย่างรวดเร็ว ขวัญคืนโทรศัพท์ให้กับเจ้าหน้าที่และรีบวิ่งกลับเข้าลิฟท์ไปอีกครั้ง

“คุณไม่รู้เหรอคะว่าคุณฟงไปไหน”

“เรื่องราวเป็นยังไง” ขวัญก็เล่าได้เพียงว่ากลับมาบ้านแล้วไม่เจอคุณฟงและไม่เห็นเขามาสองวัน “แล้วก่อนหน้านั้นไม่ได้ทะเลาะอะไรกันเลยเหรอ” ขวัญส่ายหน้า

“ขวัญจะกล้าไปทะเลาะหรือคะ”

Grrrr Grrrr เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ ขวัญหยิบขึ้นมาดู ใบหน้าที่คาดหวังในตอนแรกเปลี่ยนไป “เมฆ”

“วันนี้จะไปไหนกันดี”

“วันนี้เรายุ่ง แค่นี้ก่อนนะ” ขวัญพูดจบก็ตัดสายทันที ซึ่งอีวานได้ยินทุกคำพูด

“น้องสะใภ้ เมื่อกี้ใช่เพื่อนชายคนที่เคยเจอกันที่ร้านอาหารและที่งานหรือเปล่า” ขวัญพยักหน้า “ถ้างั้นเข้าใจแล้ว”

“เข้าใจอะไรเหรอคะ”

“สามีของน้องสะใภ้ งอนหนีหายไปจากชีวิตน้องสะใภ้แล้วละ”

“ห๊า!!!”

“ใช่ ต้องหา”

“ไม่ใช่! คือขวัญไม่เข้าใจสิ่งที่คุณพูดเลยสักนิด”

“แน่ใจเหรอ” คราวนี้ขวัญนิ่งและก้มหน้าลงมองเท้าตัวเอง เธอยังเป็นแค่เด็กสาวที่สับสนในเรื่องของความรักอยู่นะ การได้อยู่กับคุณฟงเธอรู้สึกแปลกๆ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนยิ่งช่วงนี้ด้วยแล้ว แต่กับเมฆเธอกลับรู้สึกวางใจและสบายใจ

“รู้ใช่มั้ยว่าเพื่อนคนนั้นเขาคิดมากกว่าแค่เพื่อน”

“ขวัญรู้สึกดีกับเมฆนะคะ”

“แล้วกับสามีตัวเองละ”

“ไม่รู้ค่ะ” อีวานถอนหายใจ เขาไม่แปลกใจหรือรู้สึกตำหนิหญิงสาวตรงหน้าเลยสักนิด เขาเข้าใจอารมณ์ของเด็กสาววัยนี้อยู่บ้าง

“แล้วตอนนี้จะทำยังไง ดีแลนไม่อยากเห็นหน้าขวัญแล้ว”

เอ่อ! ขวัญรู้สึกตกใจและเหมือนอยากจะร้องไห้ขึ้นมาทันที “ขนาดไม่อยากเห็นหน้ากันเลยเหรอ”

“ถ้าขวัญใส่ใจดีแลนบ้าง ก็จะรู้จักกันมากขึ้น”

“ก็ขวัญ...แล้วขวัญต้องทำยังไงต่อค่ะ” เมื่อไม่รู้และคิดเองไม่ได้ว่าจะทำยังไง เธอคิดว่าเอาเวลาที่จะมาคร่ำครวญตัดพ้อต่อคำกล่าวหานั้น มาหาวิธีดีกว่า

“ทำอะไร”

“ก็...คุณฟงหลบหน้าขวัญ ขวัญต้องไปหาเขาที่ไหน”

“ไม่รู้” ห๊า!!!! ขวัญหน้าเสีย

“คนอย่างดีแลนไม่มีใครสามารถวิ่งตามเขาได้หรอก ถ้าเขาไม่ต้องพบหน้าใครคนนั้นก็ไม่มีทางได้พบหน้าเขา”

“งั้นคุณอีวานไปขอโทษแทนขวัญหน่อยได้มั้ยคะ”

“ไม่ได้หรอก เพราะฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าดีแลนไปไหน แล้วเนี่ยหายไปตั้งสองวันแล้ว ป่านนี้คงไปไกลถึงขั้วโลกใต้แล้วละมั้ง”

ห๊า!!! ขวัญร้องออกมาอย่างตกใจ Grrrr Grrrr และเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังอีกครั้ง ปี๊ด คราวนี้ขวัญตัดสายทิ้งทันทีอย่างไม่ลังเล

“จับไว้!”

“ปล่อยผมนะ พวกคุณไม่มีสิทธิ์”

“ฉันมีทางเลือกให้นาย คือ กลับประเทศไทยไปซะและอย่าติดต่อกับขวัญอีก”

“คุณใชัวิธีสกปรก”

“เด็กน้อยลืมไปแล้วเหรอว่าเมื่อวานนายได้ไปเที่ยวเล่นกับขวัญทั้งวัน ฉันไม่ขัดขวางนายเลย ฉันทำตามสัญญา และอีกอย่างคนที่มีสิทธิ์ตัดสินว่านายแพ้หรือชนะก็คือขวัญ”

“ผมยังไม่แพ้” ดีแลนยกยิ้มมุมปาก เมื่อวานเขามีเกมส์วางเดิมพันกับเมฆ อย่างลูกผู้ชายว่าถ้าขวัญเลือกนายเมฆเขาก็จะยอมถอย แต่วันนี้ทุกอย่างก็ชัดเจนว่าทันทีที่เขาหายไปจากชีวิตเธอ ขวัญก็ไม่ได้วิ่งเข้าหาผู้ชายคนอื่น แต่คนแพ้กลับไม่ยอมรับคำตัดสินซะได้

“แล้วนายจะเอายังไง”

“ตอนนี้คุณกักตัวผมไว้ แต่ไม่มีใครรู้โดยเฉพาะขวัญ ผมก็อยากให้คุณปรับเกมส์ โดยให้ขวัญรู้ว่าผมถูกคุณกักตัวไว้”

“อยากให้ฉันดูเป็นผู้ร้ายอย่างงั้นเหรอ”

“ใช่”

“เพื่อ?”

“ถ้าขวัญรักคุณจริงและรู้การกระทำของคุณขวัญจะไม่มีทางแจ้งความ แต่คุณก็ต้องแสดงให้สมบทบาท มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่ผมจะยอมรับว่าขวัญไม่ได้รักผมเลย ผมถึงจะยินดีกลับเมืองไทยไปอย่างเงียบๆโดยทันที คุณกล้ามั้ยครับ” ดีแลนนิ่งไป และหันหลังให้กับเมฆเดินไปที่หน้าต่างมองวิวภายนอกที่นอกจากตึกสูงมากมายแล้วก็ไม่มีอะไร แต่วิวทิวทัศน์ตรงหน้ากลับไม่ได้อยู่สายตาเขาเลย

“ตกลง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel