7
การใช้ชีวิตในต่างแดนสำหรับขวัญไม่ถือว่ายากลำบากใดๆ เพราะสำหรับขวัญแล้วฮ่องกงก็ไม่ต่างกับบ้านของดีแลนในกรุงเทพ ในตอนแรกเธอหวาดหวั่นกับห้องนอนที่มีเพียงหนึ่งเดียว การนอนร่วมเตียงเดียวกับสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคู่อื่น ซึ่งขวัญคิดว่าเธอคงต้องปรับตัวครั้งใหญ่สำหรับเรื่องนี้เองเช่นกัน แต่นั่นคือสิ่งที่ขวัญมโนคิดเอาเอง
ในคืนแรกเธอกระสับกระส่ายปล่อยให้เตียงว่างเปล่าอยู่ค่อนคืน ทั้งเขาและเธอเกือบจะไม่ใช้เตียง ที่ถ้าได้นอนคงหลับฝันดีเป็นแน่ หลังมื้อเย็นวันแรกที่มาถึงขวัญก็ไม่เจอคุณฟงอีกเลย คืนนั้นเธอเผลอหลับบนเก้าอี้อยู่ค่อนคืนความปวดเมื่อยของร่างกายทำให้เธอรู้สึกตัวและพบกับความว่างเปล่าบนเตียง
คุณฟงก็ไม่อยู่บนนั้นและเธอด้วย และบางอย่างทำให้เธอได้ฉุกคิดว่าเวลานอนของคุณฟงไม่เป็นเวลานี่น่า เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วทำไมเธอจะต้องมาทนปวดเมื่อยด้วยเล่า!
แม้ในตอนสายของเช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อเธอลืมตาขึ้นมาจะพบกับร่างสูงนอนเยียดยาวอยู่ที่เตียงอีกด้าน แม้จะทำให้เธอตกใจในทันที แต่สติก็ตักเตือนเธอว่า เตียงนี้กว้างมากจริงๆ เธอจึงลุกลงจากเตียงอย่างนุ่มนวลพยายามไม่รบกวนคนอีกฟากของเตียง ประสบการณ์การนอนร่วมเตียงกับสามีเป็นครั้งแรกของเธอ
พึ่บ พึ่บ ขวัญกางแผนที่ ซึ่งเธอกำลังทำตัวเหมือนนักท่องเที่ยวแน่นอนว่าช่วงนี้จะเป็นแบบนี้ก็ได้ ในเมื่อเธอพึ่งมาและอีกเป็นเดือนๆกว่าสถาบันการศึกษาที่นี่จะเปิดเทอม ช่วงนี้เธอก็ขอศึกษาเส้นทางและบ้านเมืองจากประสบการณ์ตรงอย่างเต็มที่ ก็แล้วกัน
หลังจากคืนนั้นคุณฟงไม่ได้กดดันอะไรเธอเลย เธอถึงไม่รู้สึกแตกต่างยามที่อยู่กรุงเทพเลย ขาดก็แต่ป้าภาที่ไม่ได้ย้ายมาด้วย พูดแล้วก็อดคิดถึงไม่ได้ ย่านเซ็นทรัลของฮ่องกงมันช่าง...เฮ้ยยยย ตึกสูงในฮ่องกงควรชื่นชมตอนกลางคืนน่าจะเหมาะกว่า แม้มองในตอนกลางวันหลายตึกรูปทรงจะแปลกตา แต่ถ้าเป็นกลางคืนตึกเหล่านี้จะส่องสว่างด้วยแสงที่มีสีสันสร้างความโดดเด่นให้กับตัวอาคารมากขึ้นเท่าทวีคูณ
ขวัญมองจุดที่ยืนอยู่บนแผนที่และฝ่ามือเล็กๆเคาะกระเป๋าสะพายใบน้อย “อย่าหลงทางเป็นพอ” คำพูดจากสามีตามกฎหมายตอนที่เขายื่นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กให้ รูดปื้ดรูดปื้ด
คนอย่างขวัญชนกไม่มีคำว่าหลงทางโดยเด็ดขาด แม้การท่องเที่ยวเพียงลำพังดูจะแปลกสักหน่อย แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเธออยู่แล้ว เมื่อเช้าตอนที่เธอบอกว่าจะขอออกมาศึกษาเส้นทางและสถานที่ต่างๆ คุณฟงก็ตอบรับสั้นๆตามสไตล์คือ อือ และยื่นส่งบัตรสีทองที่เป็นบัตรเดบิตให้กับคำสามสี่คำ
Police Married Quarters หรือเรียกสั้นๆว่า PMQ สถานที่ขวัญเลือกเพราะในเมื่อเธอมีเงินพร้อมเปย์แล้ว ว้าว!!! สมคำเล่าลือวันนี้เธอไม่มีทางเดินจนทั่วแน่ๆ นี่แค่ที่แรกนะเนี่ย เอาเถอะอย่างไรแล้วเธอก็มีเวลาเหลือเฟือสามสี่ปีที่ต้องเรียนและใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
ขวัญเดินเที่ยวเล่นถ่ายรูปนิทรรศกาลของที่ละลึกแปลกตาไว้มากมาย สุดท้ายแล้วบัตรทองก็นอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าสะพายไม่ได้ถูกแตะต้องเลย ขวัญเลือกเข้าไปนั่งในร้านขายเครื่องดื่มเธอสั่งน้ำส้มปั่นกับขนมสองอย่างมากิน
โทรศัพท์เครื่องใหม่ ซิมเบอร์ใหม่สำหรับฮ่องกงถูกหยิบขึ้นมาพร้อมกับบัตรทอง ของสองอย่างที่ได้มาจากสามี ในขณะที่ปากก็คาบหลอดดูดน้ำส้มไปพลางมือก็ชูบัตรทองขึ้นพร้อมหลี่ตาจ้องมองบัตร เธอกำลังหาอะไรกันถึงได้หลี่ตาและเพ่งมองแบบนั้นอยู่เป็นนานสองนาน
อุ้ย! ควับ! และเนื่องจากขวัญยื่นมือออกไปเกินโต๊ะเล็กที่ตนนั่งอยู่ ทำให้ลูกค้าที่เป็นหญิงสองคนที่พึ่งเดินเข้ามาในร้าน หนึ่งในนั้นไม่ทันเห็น เผลอชนมือขวัญจนบัตรทองล่วงลงสู่พื้น
ทั้งขวัญและเธอคนนั้นก็ต่างก้มหยิบของที่หล่น เอ๊ะ! คนที่ยืนอยู่ย่อมเร็วกว่า บัตรทองใบนั้นมีชื่อเจ้าของบัตรพิมพ์ไว้อย่างชัดเจน
“ขอโทษนะคะ ขอบัตรคืนด้วยค่ะ” ขวัญเอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเธอคนนั้นหยิบบัตรเธอไปถือไว้นานแล้ว
“ใช่บัตรของเธอเหรอ” ผู้หญิงคนนี้ไม่คืนของ แถมยังตั้งคำถามแปลกๆ ก็เห็นๆอยู่ว่าล่วงหลุดจากมือเธอแท้ๆ ก็ต้องของเธอสิ
“ใช่ค่ะ”
“แต่ชื่อบนบัตรชัดเจนว่าเป็นมิตเตอร์ที่คำนำหน้าสำหรับเพศชาย” ! ขวัญนิ่งไป ใช่ว่าเธอจะไม่เห็นชื่อบนบัตร แต่มันธุระกงการอะไรของผู้หญิงคนนี้ด้วย
“ของพ่อหนูเองค่ะ” !! คำตอบกลับของขวัญสร้างความตกใจให้กับผู้หญิงคนนั้น แต่ต่อมาเธอก็เปลี่ยนท่าทีมาจดจ้องขวัญ
“โกหก”
“อะไรของคุณละเนี่ย ก็เห็นๆอยู่ว่าบัตรใบนี้เป็นของฉัน ฉันถือมันอยู่จนคุณมาชน ทำให้มันล่วงไป”
“ฉันจะแจ้งความว่าเธอเป็นพวกหัวขโมย” !!!! คราวนี้ขวัญอ้าปากค้าง เอาไงดีละ! จะแสดงหลักฐานว่าเธอก็นามสกุลเดียวกับชื่อคนบนบัตรดีมั้ย
“คุณเอาหลักฐานและสิทธิ์อะไรมากล่าวหาฉันกันคะ”
“ถ้าฉันบอกว่าฉันรู้จักกับเจ้าของบัตรละ...” ขวัญจ้อง และยืนขึ้นแม้ตัวเธอจะเล็กและเตี้ยกว่าผู้หญิงสองคนตรงหน้าก็ตาม แต่คำว่ากลัวขวัญไม่มีอยู่แล้ว
“แล้วถ้าฉันบอกว่า ฉันสนิทกับคนที่เป็นเจ้าของแบรนด์กระเป๋าที่คุณใช้อยู่ละ” คำสมอ้างใครก็อ้างได้
“ฉลาด แต่ผิดที่ผิดคนเสียแล้ว เตรียมตัวไปนอนในคุกเถอะ”
“คุณเอาสิทธิ์อะไรมาไม่ทราบ ใครจะรู้ละคะว่าคุณแสร้งทำเป็นพูดเพื่อที่จะเอาบัตรใบนี้ของฉันไป” ไม่ได้ทำอะไรผิดทำไมต้องยอมด้วย “แต่งตัวก็ดี หน้าตาก็พอดูได้ อย่าหากินกันแบบนี้เลย คนไม่ได้โง่กันทุกคนหรอกนะคะ”
“ซูซี่ แจ้งความเลยเถอะ เห็นชัดๆว่าบัตรใบนี้เป็นของดีแลน” ผู้หญิงอีกคนที่เงียบมานาน พึ่งจะเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก และหล่อนก็เอ่ยชื่อสามีของขวัญออกมาอย่างสนิทสนมเสียด้วย
ขวัญจึงตัดสินใจคว้าโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา และกดเบอร์โทร.ด่วนออกไปทันที เธอรอสายไม่นานปลายสายก็รับ ฮือ ฮื้อ ฮือ ขวัญร้องไห้ออกมาทันที สร้างความตกใจให้กับซูซี่และเพื่อนของหล่อนอย่างมาก ยังไม่พอคนในร้านต่างก็เริ่มสนใจพวกเธอมากขึ้น
“ขวัญไม่น่ารับบัตรของคุณฟงมาเลย ตอนนี้มีผู้หญิงสองคนกล่าวหาว่าขวัญเป็นหัวขโมย จะแจ้งความและขู่ว่าจะให้ขวัญเข้าไปนอนในคุก....” ขวัญร้องไห้น้ำตาไหลพราก อย่าว่าแต่ผู้ชมเลยแม้แต่ผู้แสดงยังงงๆเลยว่า ทำไมแค่ได้ยินเสียงปลายสายเธอก็น้ำตารื้อขึ้นมาทันที
ซูซี่คิ้วขมวดและไม่ทันได้เอ่ยอะไร หลังจากเด็กสาวตรงหน้าวางสายไปหลังจากที่บอกชื่อร้านที่อยู่ตอนนี้ให้กับปลายสายรู้ ไม่ถึงห้านาทีที่พวกเธอยังจ้องหน้าจ้องตากันอย่างไม่ลดละ ผู้ชายร่างสูงแต่งสูทก็เดินมาทางพวกเธอ
“สวัสดีครับ ผมเป็นผู้จัดการร้าน ต้องขออภัยคุณนายฟงด้วยนะครับ” คำพูดของผู้จัดการและลักษณะท่าทางนอบน้อมที่เขามีต่อขวัญ สร้างความประหลาดใจให้กับหญิงสาวสองคนที่มองขวัญและผู้จัดการสลับกัน
“คุณผู้หญิงทั้งสองผมต้องขอบัตรที่อยู่ในมือคืนให้กับคุณนายฟงท่านนี้ด้วยครับ”
“คุณนายฟง” ซูซี่และเพื่อนสาวย้ำคำของผู้จัดการอย่างไม่อยากเชื่อ แต่ผู้จัดการร้านพยักหน้า
“ครับ เมื่อสักครู่ทางคุณฟงโทร.เข้ามาที่ร้านครับ ขอความกรุณาพวกคุณทั้งสองด้วยครับ รบกวนคืนของด้วยครับ” ซูซี่จำต้องยื่นบัตรส่งให้ผู้จัดการไป เมื่อตอนนี้เธอกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปเสียแล้ว
ขวัญรับบัตรคืนมาและส่งยิ้มคืนกลับไปให้ซูซี่ก่อนที่จะกล่าวขอบคุณผู้จัดการและก่อนที่เธอจะเดินออกจากร้านไป “นับว่าสวรรค์ยังมีตา คุ้มครองคนดีๆ” ซูซี่ได้แต่ยืนหน้าบิดเบี้ยว ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนมองจนร่างบางลับสายตาไป
“ซูซี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน ดีแลนไม่ใช่กำลังจะหมั้นกับเธอหรอกเหรอ”
Grrrr เสียงร้องเตือนของโทรศัพท์ ขวัญล้วงออกมาจากกระเป๋า เป็นเบอร์ที่เธอโทร.ออกไป บารมีไม่ธรรมดาจริงๆ
“คุณฟง”
“เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”
“ค่ะ”
“อือ” และเสียงตอบกลับเหมือนเดิม คุณฟงคนที่เข้าถึงเนื้อถึงตัวอยู่ที่ไหนเสียละ แม้ปกติของเขาจะเป็นแบบนี้เป็นส่วนใหญ่ แต่พอเธอเคยได้พบได้สัมผัสกับคุณฟงอีกมุมหนึ่งก็อดรู้สึกแปลกๆไม่ได้ หรือว่าเธออยากถูกคุณฟงเกี้ยวพาราสี
โอ้ยยยย!!! ขวัญจอมลามกคิดอะไรอีกละทีนี้ ทำตัวอย่างกับคนรอวันเสียตัวก็ไม่ป่าน
“ขวัญว่าขวัญกลับดีกว่าค่ะ เดี๋ยวเจอกันนะคะ” ขวัญพูดจบก็ตัดสายไปเลย เมื่อกี้เธอทิ้งท้ายคำว่า เดี๋ยวเจอกันเนี่ยนะ
ทางด้านดีแลนที่เลิกคิ้วอย่างแปลกใจในตอนแรก เขาค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา การมาอยู่ฮ่องกงแบบนี้ดีจริงๆ และดีมากด้วยที่เขาเลือกที่จะอยู่ที่นี่ไม่ใช่ที่บ้านที่กว้างขวางเกินไป ซึ่งแบบนั้นจะทำให้เขาและขวัญห่างเหินกันมากเหลือเกิน มาที่นี่แค่สองวันเขากับขวัญก็ก้าวหน้าไปมาก แม้จะไม่ได้พูดคุยคลอเคลียกันเหมือนคู่สามีภรรยาอื่นๆ แต่แบบนี้เขาก็พอใจมาก นอนเตียงเดียวกันแม้จะแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ไม่เป็นไรเพราะต่อไปมันจะยาวนานกว่านี้แน่
ดีแลนหันไปมองเตียงกว้างของตน ฟากหนึ่งเขานอนอีกฟากคือขวัญ เขาจะต้องให้มันเกิดขึ้นแน่นอนที่กลางเตียง คือเขาและขวัญนอนตะกองกอดกันด้วยความรักที่อบอุ่น ดีแลนยืนผ่อนคลายได้ไม่นาน เพราะเขามีแบบที่ต้องตรวจ นักออกแบบของบริษัทส่งแบบที่ตนได้คิดและสร้างขึ้นมาเป็นรูปสามดี ส่งมาให้เขาอนุมัติผ่านเพื่อที่จะเข้าสู่กระบวนการผลิตต่อไป มีไม่น้อยที่ดีแลนต้องแนะนำให้ข้อมูลส่งกลับไปให้เหล่านักออกแบบแก้ไขงานที่ยังไม่เป็นที่พึงพอใจสำหรับเขา
ตลอดหลายปีมานี้ที่บริษัทมีผลกำไรเพิ่มขึ้นทุกปีนั่นก็เพราะผลงานการออกแบบของดีแลนที่เพิ่มยอดการขายสวนกระแสเศรษฐกิจ ผลงานที่เพิ่มการเข้มงวดในรูปแบบงานออกแบบของเหล่าทีมออกแบบที่ดีแลนเป็นผู้ดูแลมาโดยตลอดหกปีมานี้เป็นที่ยอมรับอย่างมาก ซึ่งนั้นก็เพราะผลงานที่ได้รับรางวัลมากมายของดีแลนไม่เป็นที่กังขาของเหล่าคนที่ร่วมงานด้วยกัน
เนื่องจากตอนนี้ดีแลนงานรัดตัว สถาบันการศึกษาชั้นนำต่างๆทั่วโลกในวงการ ต่างก็ทำหนังสือเชิญให้เขาไปเป็นอาจารย์ประจำของสถาบัน แต่เขาก็ยังไม่ตอบรับสถานที่ใดเลย ทั้งๆที่เขาเองก็สนใจที่อยากจะถ่ายทอดความรู้ความสามารถของตนให้กับคนที่สนใจด้านนี้ไม่น้อยเช่นกัน
“ไหนว่าจะกลับเลย แต่ทำไมพึ่งจะถึง” ดีแลนยืนกอดอกเต็มความสูงมองหญิงสาวที่ใช้เวลาเดินทางกลับนานกว่าที่ควร จนเขาแทบนั่งไม่ติดไม่เป็นอันทำงานต่อไปได้ เมื่อล่วงเวลาการกลับมาของภรรยาสาว
“ตอนแรก็ว่าอย่างงั้น เผอิญผสมบังเอิญ เจอเจ้านี้” ควับ!
“ของกินเนี่ยนะ” ขวัญพยักหน้าและอดเผลอมองคุณฟงในอารมณ์แบบอื่น
ดีแลนถอนหายใจเฮือกใหญ่ แม้จะโล่งอก แต่ก็ไม่พอใจอย่างมาก นี่เขาต้องทิ้งงานทิ้งเวลาการทำเงินไปไม่น้อย เพียงเพราะเป็นห่วงเจ้าเด็กคนนี้ที่ผิดเวลาเนี่ยนะ มันน่าจับฟาดก้นให้นั่งไม่ได้สักสิบวันดีไม่เนี่ย....
