เกมรักเกมล้างแค้น CEOราชินีน้ำแข็ง

137.0K · จบแล้ว
Primพริมโรส
49
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

คำโปรย ครั้งหนึ่งเธอเคยตายเพราะความไว้ใจ อาจเพราะสวรรค์มีตาหรือนรกยังไม่พร้อมรับเธอ ทำให้เธอย้อนเวลากลับมา10ปีในจุดเริ่มต้นอีกครั้ง ในครั้งนี้เธอกลับมาพร้อมเปลวเพลิงฟีนิกซ์ เพื่อทำลายแผดเผาทุกคนที่หักหลัง! เรื่องย่อ ซูเหม่ยหลิน…สตรีผู้เคยถูกเรียกว่าอัจฉริยะด้านการเงิน ถูกหักหลังจากคนที่เธอรักที่สุดและเพื่อนที่เธอไว้ใจที่สุด ถูกยึดทุกสิ่งจนเหลือเพียงร่างไร้ลมหายใจอยู่บนเตียงโรงพยาบาล ความฝัน ความรัก และอาณาจักรที่สร้างมากับมือถูกทำลายจนไม่เหลือซาก แต่โชคชะตาเล่นตลก เธอได้ย้อนเวลากลับมาในวัยสาวอีกครั้งพร้อมความทรงจำทั้งหมดที่เจ็บปวด! คราวนี้…ฟีนิกซ์ที่ฟื้นจากเถ้าถ่านจะเผาไหม้ทุกศัตรูด้วยเปลวเพลิงแห่งปัญญา จากเงินก้อนเล็ก ๆ และความรู้ในอนาคต เธอเริ่มสร้างอาณาจักรใหม่ ฟีนิกซ์เทคในเงามืด ใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจที่เฉียบคมและไร้ความปรานี ทุบยักษ์ใหญ่ ดึงพันธมิตร และบีบศัตรูจนไร้ที่ยืน ข้างกายเธอคือ หวังเทียนซาน ผู้ช่วยภักดีที่พร้อมเดินเข้าสู่ทุกสมรภูมิ และ หลี่เจี๋ย CEO คู่แข่งผู้ลึกลับที่อาจกลายเป็นพันธมิตรหรือศัตรู เส้นทางสู่บัลลังก์จักรพรรดินีไม่ปูด้วยกลีบกุหลาบ แต่มันคือสงครามที่เดิมพันด้วยอำนาจ ศักดิ์ศรี และชีวิต! ด้วยรัก Primพริมโรส

นิยายปัจจุบันนางเอกเก่งโรแมนติกพระเอกเก่งอัจฉริยะผู้มีชื่อเสียงพึ่งพาตัวเอง

ตอนที่ 1 นรกบนดิน

บทที่ 1 ความตาย ณ ปลายทางฝัน

เสียงเพียงหนึ่งเดียวที่ซูเหม่ยหลินได้ยินอย่างชัดเจนในห้วงสำนึกอันเลือนลาง คือเสียงของเครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจข้างเตียง มันดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ

... ติ๊ด

... ติ๊ด

... ติ๊ด

... เป็นเสียงเดียวที่ยืนยันว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ท่ามกลางความมืดมิดและสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นที่พันธนาการเธอไว้ในร่างที่ไร้ซึ่งการตอบสนองนี้มานานกว่าหกเดือนแล้ว

เธอคือเจ้าหญิงนิทราแห่งโรงพยาบาลเอกชนที่หรูหราที่สุดในเซี่ยงไฮ้ แต่สำหรับตัวเธอเอง เธอคือนักโทษที่ถูกจองจำในคุกที่สร้างจากเลือดเนื้อของตัวเอง ได้แต่กรีดร้องอยู่ภายในโดยไร้ซึ่งเสียงใดเล็ดลอดออกมา

ร่างกายไม่ขยับ แต่ทุกโสตประสาทยังทำงาน มันรับรู้ได้ถึงกลิ่นยาฆ่าเชื้อจางๆ สัมผัสของผ้าปูที่นอนราคาแพง และเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยสองคู่ที่กำลังเดินเข้ามาในห้อง เสียงหนึ่งเป็นของบุรุษที่เธอเคยรักยิ่งกว่าชีวิต และอีกเสียงเป็นของสตรีที่เธอเคยเชื่อใจยิ่งกว่าลมหายใจของตัวเอง

“วันนี้คลื่นสมองของเธอก็ยังนิ่งเหมือนเดิม”

เสียงทุ้มนุ่มของเฉินอี้ฟานเอ่ยขึ้น มันเคยเป็นเสียงที่ทำให้หัวใจเธอสั่นไหว แต่บัดนี้มันกลับกรีดเฉือนจิตวิญญาณของเธอราวกับเศษแก้ว

“หมอบอกว่าไม่มีหวังแล้ว เหลือแค่รอเวลาให้สมองตายอย่างสมบูรณ์”

“แล้วจะเก็บเธอไว้ทำไมให้เปลืองเงินล่ะอี้ฟาน” เสียงหวานใสของไป๋เสวี่ยดังขึ้นตามมา พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคัก

“ค่ารักษาต่อวันของยัยนี่ ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมได้ใบหนึ่งเลยนะ”

ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วร่างในห้วงสำนึกของซูเหม่ยหลิน นี่หรือคือคำพูดของคนที่เคยเรียกเธอว่าเพื่อนรัก?คือความคิดของคนที่เธอเคยไว้ใจมากที่สุดคนหนึ่งในชีวิต

“ทนอีกหน่อยน่าเสวี่ย” เฉินอี้ฟานปลอบโยน

“รอให้เรื่องเงียบกว่านี้อีกสักนิด การที่ฉันยังมาเยี่ยมคู่หมั้นที่กำลังจะตายทุกวันแบบนี้ มันสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับฉันและยูนิเวิร์สคอยน์ของเรานะ สื่อชอบเรื่องดราม่าแบบนี้จะตายไป... ‘CEO หนุ่มผู้ไม่ทอดทิ้งคนรัก แม้เธอจะไม่มีวันฟื้นขึ้นมา’ มันเป็นพาดหัวข่าวที่ยอดเยี่ยม”

ยูนิเวิร์สคอยน์ ชื่อนั้นเสียดแทงใจเธอจนแทบกระอักเป็นเลือด มันคือชื่อโปรเจกต์คริปโตเคอร์เรนซีที่เธอเป็นคนออกแบบโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดด้วยสมองและสองมือของเธอเอง เธอทำงานหามรุ่งหามค่ำ เขียนโค้ดนับหมื่นบรรทัด วางแผนธุรกิจทุกขั้นตอน เพียงเพื่อผลักดันให้ชายที่เธอรักไปถึงจุดสูงสุด แต่ดูเหมือนว่า... จุดสูงสุดนั้นไม่มีที่ว่างสำหรับเธอเสียแล้ว...มันอาจจะไม่เคยมีมาตั้งแต่แรก เป็นเพียงเธอทำนั้นที่ฝันไปเอง

“แล้วเรื่อง USB อันนั้นล่ะ?” ไป๋เสวี่ยถอนหายใจด้วยความเบื่อ และถามขึ้นมา

“ที่ยัยนี่เคยบอกว่าเป็นกุญแจนิรภัยของโปรเจกต์ทั้งหมด ยังหาเจอไหม?”

“หาทั่วห้องแล้วก็ยังไม่เจอ” เฉินอี้ฟานตอบอย่างหัวเสีย

“แต่ไม่เป็นไรหรอก ฉันจ้างโปรแกรมเมอร์จากซิลิคอนแวลลีย์มาสร้างขึ้นมาใหม่แล้ว ถึงจะไม่สมบูรณ์เท่าของเดิม แต่ก็พอใช้งานได้... สมองของเหม่ยหลินคือบันไดที่ดีที่สุด แต่บันไดก็มีไว้แค่ให้เหยียบขึ้นไปเท่านั้นแหละ พอถึงที่หมายแล้ว ใครจะเก็บมันไว้ให้เกะกะล่ะ จริงไหม?”

“ฮะๆๆ คุณนี่ร้ายที่สุดเลย ร้ายกาจมาก แต่เป็นแบบที่ฉันชอบ” ไป๋เสวี่ยหัวเราะอย่างเปิดเผย

“ฉันล่ะสงสารยัยนี่จริงๆ ที่โง่คิดว่าคนอย่างคุณจะรักผู้หญิงจืดชืด น่าเบื่อ วันๆ เอาแต่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์อย่างเธอได้ลงคอ”

‘ไม่...’ ซูเหม่ยหลินกรีดร้องอยู่ภายใน ร่างกายของเธอพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต เปลือกตาสั่นระริก ปลายนิ้วกระตุกเบาๆ เธอต้องการลืมตาขึ้นมามองหน้าคนสารเลวทั้งสองคน ต้องการกระชากหน้ากากที่แสนดีของพวกเขาออกมา

ทันใดนั้น สัมผัสเย็นเยียบก็ลูบไล้ลงบนแก้มของเธอ มันคือมือของเฉินอี้ฟาน

“รู้อะไรไหมเหม่ยหลิน” เขากระซิบชิดใบหูของเธอ เสียงของเขาลดต่ำลงจนกลายเป็นเสียงของอสรพิษ

“ยาที่ฉันใส่ในกาแฟแก้วนั้นน่ะ... มันออกฤทธิ์ช้าๆ แต่แน่นอน มันจะค่อยๆ ทำลายเซลล์สมองของเธอไปทีละส่วน ทำให้เธอหลับใหลไปตลอดกาลอย่างสงบ... ฉันใจดีใช่ไหมล่ะ? อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องรับรู้ว่าตอนนี้ฉันมีความสุขแค่ไหนกับเสวี่ย...บนกองเงินกองทองที่เธอสร้างให้” เขาเงยหน้าขึ้นและก้มลงอีกครั้ง มุมปากยกยิ้ม ก่อนจะเอ่ยว่า

“..อ้อเกือบลืมไป...ขอบใจนะ”

นี่เอง... ความจริงทั้งหมด... อุบัติเหตุรถชนที่เกิดขึ้นในวันนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือการจัดฉากเพื่อปกปิดความจริงที่ว่าเธอถูกวางยาพิษ!

ความแค้นที่อัดแน่นจนแทบระเบิดปะทุขึ้นในใจกลางจิตวิญญาณของเธอ พลังงานสุดท้ายทั้งหมดในร่างถูกเค้นออกมาเพื่อต่อต้าน เธอดิ้นรน... ดิ้นรน... และดิ้นรน!

...ติ๊ด

...ติ๊ด

...ติ๊ด

..ติ๊ด

..ติ๊ด!!!!!!!

เสียงเครื่องวัดคลื่นหัวใจดังถี่รัวขึ้นจนน่าตกใจ เฉินอี้ฟานและไป๋เสวี่ยผงะถอยหลังด้วยความตกใจ

“เกิดอะไรขึ้น!”

“เรียกหมอเร็ว!”

แต่ซูเหม่ยหลินไม่ต้องการหมออีกต่อไปแล้ว ในเมื่อร่างกายนี้เป็นคุก งั้นเธอก็จะทำลายมันทิ้งเสีย! ในเมื่อชีวิตนี้มันน่าสมเพชนัก เธอก็ไม่ต้องการมันอีกต่อไป!

ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นในมโนสำนึก คือใบหน้าที่ตื่นตระหนกของคนทั้งสอง และแฝงด้วยความโล่งใจ ก่อนที่ทุกอย่างจะแตกสลายและดำมืดลงไป...

ติ๊ดดดดดดดดดดด!!!!!

เสียงลากยาวอันเป็นสัญญาณแห่งการสิ้นสุดของชีวิตดังขึ้น พร้อมกับความมืดมิดที่เข้าครอบงำ แต่ก่อนที่สติสุดท้ายจะดับวูบไป ซูเหม่ยหลินได้ตั้งปณิธานด้วยแรงอาฆาตทั้งหมดที่เธอมี

‘หากสวรรค์มีจริง... หากนรกมีอยู่... ฉันขอแลกทุกอย่างเพื่อการกลับมา เฉินอี้ฟาน... ไป๋เสวี่ย... พวกแกจะต้องจ่ายค่าตอบแทน... ด้วยชีวิตของพวกแก!’

โลกทั้งใบเงียบสงัดลงโดยสมบูรณ์

*****