บท
ตั้งค่า

43 ไม่ผิดแม้ตัวเดียว

เจียงหลี่เฉียงเห็นร่างบางในชุดคลุมสีน้ำเงินสั่งคนดูแลรถสมุนไพรให้เอารถไปที่โรงหมอก็นึกแปลกใจขึ้นมามากกว่าเดิม เขาได้ยินอย่างชัดเจนว่านางบอกตำแหน่งที่ตั้งของโรงหมอของเขากับคนดูแลรถขนเสบียงว่าตั้งอยู่ส่วนไหนของหมู่บ้าน นางรู้ที่ตั้งของโรงหมอของเขาได้เช่นไร นึกไปนึกมาอีกครา ตนยังไม่ได้บอกนามออกไปเลยนะ หรือนางเห็นจดหมายลงชื่อเขาไว้งั้นหรือ? หรือเป็นไปได้ว่านางเป็นคนของหมู่บ้านนี้ ถึงได้รู้ทั้งชื่อและรู้ถึงที่ตั้งโรงหมอของเขา เมื่อครู่ยังรู้ด้วยว่าข้อเข่าของเขาไม่ค่อยดี เขาเดินทรงตัวไม่ดีหรือนางจึงสังเกตได้ เรื่องมากมายที่ไม่เข้าใจและไม่สามารถอธิบายได้พรั่งพรูเข้ามาในหัว

พินิจมองดูนางอีกหลายครา เขาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาร่วมยี่สิบปีแล้ว เหมือนจะไม่เคยเห็นนางมาก่อน ผิวพรรณของนางก็ไม่เหมือนชาวบ้านที่หมู่บ้านนี้ด้วย เพราะที่นี่ปลูกข้าวทำสวนทำไร่กันเสียส่วนใหญ่ผิวค่อนข้างที่จะโดนแดดไหม้จนเข้มกว่านางหลายส่วน

พอสตรีผู้นั้นสั่งการเสร็จก็เดินมาหาเขาอีกรอบ ในดวงตาที่มองเขานั้นเหมือนมองผู้มีพระคุณนั้นคืออะไรกัน เขามองผิดหรือไม่

"แม่นาง เออออ ท่านจูมี่เอิน เป็นครั้งแรกที่เห็นสตรีมาทำงานให้วังหลวงไม่ทราบว่าท่านเป็น...?" อย่างน้อยก็ต้องถามถึงฐานะของนางก่อน หากนางเป็นถึงองค์หญิงของแคว้นเขาคงต้องคิดถึงการวางตัวให้เหมาะสมอีกที หากว่างตัวเหมือนชาวบ้านพูดคุยกันอย่างสนิทสนมแล้วนางกลับมียศฐาเป็นถึงผู้สูงศักดิ์ ยามนั้นเขาคงหัวขาดเป็นแน่

และถ้าหากนางเป็นคนธรรมดาแล้วเขาคุยกับนางถือนางให้สูงกว่าที่ควรก็กลัวจะทำให้นางอึดอัด แน่นอนว่ายามนี้สตรีผู้นี้ในใจเขาคือผู้มีพระคุณสำหรับเขามาก เขาย่อมให้เกียรตินางอยู่แล้ว และไม่ว่านางจะมียศอะไรนางก็คือคนที่เขาเห็นเป็นเทพเซียนมาโปรดชาวบ้านตาดำๆ แต่ถามไว้หน่อยก็จะเป็นการดีต่อนางเอง

จูมี่เอินถอดชุดคลุมออก เผยให้เห็นชุดด้านในที่นางสวมใส เป็นชุดสีขาวดิ้นสีทองที่หรูหรา เนื้อผ้าก็เบาบางพริ้วไหวเมื่อต้องสายลมอ่อนๆ ที่โชยมา แถมชุดนั้นก็เรียบร้อยเป็นอย่างมาก ปิดจนถึงคอและข้อมือ นอกจากศรีษะและมือก็ไม่ได้เห็นผิวส่วนไหนของนางอีกเลย

เจียงหลีเฉี่ยงมองนางตาไม่กระพริบ เสื้อผ้าเนื้อดี ดีกว่าที่จะเป็นเพียงชาวบ้านหรือขุนนางธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นองค์หญิง! แสงสว่างรอบตัวนางที่ถูกแสงแดดสะท้อนออกมาเป็นสีขาวจางๆ รอบตัวก็ทำให้คิดเช่นนั้นจริงๆ ที่แท้ผู้สูงศักดิ์กับชาวบ้านก็ต่างกันอย่างนี้นี่เอง

ทว่าความคิดของท่านหมอก็ถูกปัดทิ้งไปด้วยคำตอบของจูมี่เอินทันที

นางยกมือขึ้นข้างหนึ่งกลางอก ก้มหัวลงนิดๆ ด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม

"ข้าเป็นนักบวชหลวง"

ครืดดดด

หมอหลวงคล้ายหน้าแตกในใจตนเอง แต่ก็รีบยกมือผสานทำความเคารพนักบวชตรงหน้าด้วยท่าทางลนลาน

"ที่แท้เป็นเช่นนี้" เขาผายมือเชิญนางไปด้านหลังตนเอง ยกยิ้มที่แปลกประหลาดขึ้น

"..." จูมี่เอินอมยิ้มส่งไปบางๆ กลับไป ไม่ได้ถามอะไรให้มากความ แม้นจะสงสัยว่า

'ที่แท้เป็นเช่นนี้' หมายความว่าไง เขาคิดว่านางเป็นใครกัน ทหารหญิงหรือ? เป็นเพราะนางขี้ม้านำขบวนมารึไม่ จูมี่เอินยามปกติไม่ใช่คนพูดมากนางเลยเลือกที่จะเก็บความสงสัยลงไป รู้สึกภูมิใจนิดๆ ที่ตนดูเหมือนทหารหญิงคนหนึ่ง

เหรินโยว่หลุนรอฟังข่าวจากองค์รักษ์พิเศษ หลังจากจูมี่เอินจากไปได้สี่วันคนส่งสารจากหน่วยองค์รักษ์พิเศษก็เดินทางมาหาเขาช่วงค่ำของวันนั้น

"กราบทูลฝ่าบาท จับท่านเสนาบดีกรมการคลังได้ที่โกดังนอกเมือง นี่คือรายการสินค้าที่อยู่ในโกดังพะยะค่ะ" หนึ่งในหน่วยองค์รักษ์พิเศษที่เดินทางมารายงานวางสมุดรายการลงที่โต๊ะทรงอักษรของฝ่าบาท "ส่วนเสนาบดีกรมการคลังถูกย้ายมาในเมืองหลวงที่คุกลับ พรุ่งนี้น่าจะถึงแล้ว จะให้ทำยังไงต่อดีพะยะค่ะ?"

"ขังไว้ก่อน ไปได้แล้ว มีอะไรเพิ่มเติมค่อยมารายงาน" เหรินโยว่หลุนตอนนี้งานรัดตัวมากนัก ยังต้องใช้เวลาจัดการงานถึงสามวันจึงจะแล้วเสร็จ ให้เสนาบดีกรมการคลังทนรอหน่อยแล้วกัน

"พะยะค่ะ" คนตรงหน้าโต๊ะหายออกไปทางหน้าต่างทันที

"ฟางอี้ เรื่องจดหมายของหมอที่หมู่บ้านโรคระบาดว่ายังไงบ้าง" เหรินโยว่เหรินหันไปถามอีกคนที่อยู่ในมุมห้อง

ฟางอี้ที่เพิ่งออกไปรับข่าวจากหน่วยข่าวกรองเมื่อครู่ก็เดินเข้ามารายงานทันที

"ตรวจสอบแล้ว จดหมายจากหมู่บ้านจวงส่งไปที่ศาลกลางเมือง หลังสอบปากคำผู้ดูแลบอกว่าได้ส่งเรื่องเข้าวังถวายผ่านฎีกามาเมื่อสามวันที่แล้ว และที่ห้องฎีกาคล้ายว่าเจ้ากรมการคลังจะรับเรื่องแล้วพะยะค่ะ"

"เป็นเขาอีกแล้ว?" เหรินโยว่หลุนยกคิ้ว ผสานมือเข้าด้วยกัน

"เป็นไปได้ว่าคงทราบข่าวแต่ชะลอการช่วยเหลือ หลังจากนั้นหลายวันค่อยทูลฝ่าบาทขอส่งเสบียงและสมุนไพรไปทีหลัง ระยะเวลาขนาดนั้นคนที่หมู่บ้านก็น่าจะไม่รอไม่ไหวแล้ว ส่วนของที่ถูกส่งไปก็คงหายเข้าคลังของเขาไป ต่อให้ตรวจสอบก็พบเพียงว่าได้นำไปช่วยแล้วแต่ไม่มีใครรอดชีวิตมายืนยันได้"

"..." เหรินโยว่หลุนเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน จังหวะนั้นฟางอี้ก็ยื่นซองจดหมายที่แนบมากับคำร้องของศาลกลางเมืองให้เหรินโยว่หลุน เขาก็รับมาเปิดดู "หือ?"

หึ ยัยเด็กนั้นก็ความจำดีใช้ได้

มองดูลายมือของท่านหมอที่เขียนชื่อสมุนไพรและจำนวนที่ต้องการในจดหมายแล้ว ก็นึกถึงรายการที่จูมี่เอินเขียนให้เขา นอกจากจะครบทุกอย่างแล้วยังไม่สลับกันสักรายชื่อ เขียนเหมือนกันตั้งแต่แถวแรกยังแถวสุดท้าย ที่แท้ก็เป็นคนซื่อบื้อแต่ฉลาดนี่เอง

ตอนที่เหรินโยว่หลุนได้รับรายการสมุนไพรหลังจากคุยกับ จูมี่เอินเสร็จเขาก็เรียกหมอหลวงมาปรึกษา หมอหลวงก็ตกใจว่าเขาได้รายการตัวสมุนไพรมาจากไหน เป็นตัวยารักษาโรคท้องร่วงแบบหนัก พอเขาถามว่าเป็นตัวยาที่ถูกต้องหรือไม่ มีอะไรขาดไหม ก็ได้รับคำตอบว่าไม่ขาดเลยสักตัว อีกทั้งจำนวนก็พอดีในการใช้ ยามนั้นยังคิดว่าสมุนไพรที่ขอมานั้นเป็นจำนวนเยอะต่อให้ยัยเด็กซื่อบื้อนั้นเขียนผิดไปบ้าง ยังไงเขาก็ต้องส่งไปเผื่ออยู่แล้ว แต่ดูแล้วจำนวนสมุนไพรที่ได้ถูกท่านหมอเจียงหลี่เฉียงส่งมาในจดหมายฉบับนี้นั้นท่านหมอเจียงได้คำนวนมาอย่างพอดิบพอดีไม่ขาดไม่เกิน จูมี่เอินก็เขียนได้ตรงกันทุกประการเสียด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel