บท
ตั้งค่า

7 คานันซากับคานันยา

เมื่อละอองดาวออกมาจากห้องน้ำ ก็พบว่าคีรีมันต์กำลังนั่งง่วนอยู่กับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กและเอกสารบางอย่างอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวเล็กตรงมุมห้อง เขาเงยหน้าขึ้นมามองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะรวบเอกสารเข้ามารวมกันไว้แล้วปิดคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนก้าวไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อผ้าออกมาชุดหนึ่ง แล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำทันที

พอลับร่างชายหนุ่มหญิงสาวก็รีบจัดแจงหยิบหมอนข้างสองใบ ซึ่งวางอยู่ชิดริมเตียงคนละด้านมาวางชิดกันตรงกึ่งกลางเตียงทันที ก่อนจะยิ้มอย่างพอใจเมื่อสามารถใช้หมอนข้างทำเขตแดนกั้นระหว่างตนเองกับชายหนุ่มเรียบร้อย อย่างน้อยก็ช่วยให้ละอองดาวสบายใจในระดับหนึ่ง ว่าเธอไม่ต้องนอนใกล้ชิดกับคีรีมันต์มากนัก ถึงแม้ว่าจะนอนอยู่บนเตียงเดียวกันก็ตาม โชคดีที่เมื่อตอนกลางวันเธอเอ่ยปากขอหมอนข้างจากป้าติลลา หญิงสูงวัยจึงรีบจัดหามาให้ตามความประสงค์ของเธอทันที

คีรีมันต์แทบจะกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่ได้ เมื่อก้าวออกมาจากห้องน้ำแล้วพบว่าขณะนี้เตียงนอนขนาดคิงไซส์ได้ถูกแบ่งเขตแดนเอาไว้เรียบร้อยแล้วด้วยฝีมือของละอองดาว

“ถ้าผมจะทำอะไรคุณจริงๆ คุณคิดว่าหมอนข้างสองใบนี้จะช่วยอะไรคุณได้เหรอครับ” ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนเตียงทางฝั่งที่เขานอนเมื่อคืนพร้อมทั้งถามหญิงสาวยิ้มๆ

“คุณสัญญาแล้วว่าจะไม่ล่วงเกินฉัน เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องรักษาสัญญาด้วยถ้าคุณเป็นลูกผู้ชาย” ละอองดาวพูดเสียงเรียบพลางมองสบตาเขานิ่ง คีรีมันต์ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงพลางพูดยิ้มๆ

“ผมไม่ชอบใช้กำลังบังคับผู้หญิงอยู่แล้วถ้าอีกฝ่ายไม่เต็มใจ ว่าแต่ใครเป็นคนหาหมอนข้างสองใบนี้มาให้คุณล่ะ” ท้ายประโยคคีรีมันต์ถามหญิงสาว ละอองดาวจึงตอบว่า

“ฉันขอให้ป้าติลลาหามาให้เอง เพราะว่าในห้องนี้ไม่มีหมอนข้างเลยสักใบ”

“ผมไม่ชอบนอนกอดหมอนข้าง” คีรีมันต์พูดเปรยๆ แล้วเขาก็ต้องคลี่ยิ้มที่มุมปาก เมื่อได้ยินคำถามจากละอองดาวตามมาทันทีอย่างที่คาดเอาไว้แล้วล่วงหน้า

“ทำไมคุณถึงไม่ชอบกอดหมอนข้าง”

“ก็เพราะว่าผมชอบนอนกอดผู้หญิงมากกว่าน่ะสิครับ กอดหมอนข้างได้แค่นอนกอดเฉยๆ แต่กอดผู้หญิงทำอย่างอื่นได้ด้วย”

คีรีมันต์ตอบด้วยใบหน้ายิ้มกริ่มนัยน์ตาพราวระยับ เมื่อมองสบกับนัยน์ตาสีน้ำเงินคู่สวยที่กำลังเบิกกว้างเพราะได้ยินประโยคที่มีความหมายลึกซึ้งของเขา ก่อนที่ใบหน้าสวยจะเริ่มกลายเป็นสีระเรื่อพร้อมกับเสียงต่อว่าที่ดังขึ้น

“ทุเรศ! วันๆ คุณคงจะคิดแต่เรื่องบ้าๆ แบบนี้สินะ”

“ผมไม่ได้คิดเรื่องนี้มาเป็นเดือนแล้วนะผมสาบานได้ จนมาเจอคุณนี่แหละผมถึงเริ่มคิด”

คีรีมันต์แกล้งพูดหน้าตาเฉย ขณะที่ละอองดาวถึงกับนัยน์ตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธและอับอาย ก่อนจะโวยวายต่อว่าชายหนุ่มรัวเป็นชุด

“ผู้ชายบ้า! ลามก! ทะลึ่ง! คุณไม่ต้องมาคิดอะไรแบบนี้กับฉันเลยนะ น่ารังเกียจที่สุด!”

“เฮ้อ! ผู้หญิงอื่นไม่เห็นมีใครรังเกียจผมเลย ใครๆ ก็อยากจะอยู่ในอ้อมกอดของผมทั้งนั้น” คีรีมันต์บ่น

“นั้นมันคนอื่นไม่ใช่ฉัน!” ละอองดาวพูดด้วยน้ำเสียงเน้นหนัก พลางมองค้อนชายหนุ่มอย่างหมั่นไส้ ที่เขากล้าพูดบ้าๆ แบบนี้กับเธอ

คีรีมันต์ไม่ได้นึกโกรธเคืองอะไรกับคำพูดของหญิงสาว เพราะกำลังสนุกที่สามารถยั่วเย้าให้เธอโต้เถียงกับเขาได้ อย่างน้อยก็ช่วยให้เธอยอมพูดคุยกับเขามากกว่าเมื่อสมัยที่อยู่อเมริกา ซึ่งละอองดาวพยายามหลีกเลี่ยงไม่ยอมมองหน้าและไม่ยอมพูดคุยกับเขาเลยด้วยซ้ำ

“คุณรู้รึเปล่าว่าผู้ชายทุกคนคิดว่าผู้หญิงน่ารักที่สุดเวลาไหน” คีรีมันต์แกล้งถามด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วละอองดาวก็หลงกลเขาอีกจนได้ เมื่อหญิงสาวย้อนถามชายหนุ่มกลับมา

“ฉันจะไปรู้กับพวกผู้ชายได้ไงล่ะ แล้วมันเวลาไหนกัน”

ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ในลำคอก่อนตอบหน้าตาเฉยว่า

“ก็เวลาที่ผู้หญิงอยู่บนเตียงกับเราสองต่อสองแบบนี้ยังไงล่ะครับ”

หญิงสาวมองเขาแววตาชนิดที่ว่าถ้าเผาไหม้เขาได้จริง คีรีมันต์ก็คงจะกลายเป็นจุณไปแล้วก่อนจะเบ้หน้าแล้วพูดว่า

“คุณนี่ทุเรศสุดขั้วจริงๆ เลย ฉันว่าคงมีแต่ผู้ชายบ้ากามอย่างคุณนั่นแหละที่คิดแบบนั้น แล้วคุณก็ไม่ต้องจัดประเภทฉันไว้ในกลุ่มผู้หญิงน่ารักของคุณเลยนะ เพราะว่าฉันไม่ต้องการ” พูดจบละอองดาวก็ทิ้งตัวลงนอนหลับตาหันหลังให้ชายหนุ่มทันที แต่คีรีมันต์กลับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า

“สำหรับผมคุณน่ารักตลอดเวลานะละอองดาว”

หญิงสาวลืมตาขึ้นทันทีเมื่อฟังประโยคที่พูดด้วยน้ำเสียงสุดแสนอ่อนโยนของเขาจบ พร้อมกับใจที่เริ่มเต้นแรงโดยไม่มีเหตุผล ละอองดาวถอนหายใจเบาๆ ก่อนบอกกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

“คุณเลิกพูดเถอะฉันจะนอนแล้ว”

“ตกลงนอนก็นอนครับคานันยา” คีรีมันต์พูดพลางอมยิ้ม ขณะที่คิดอยู่ในใจว่าวันนี้เธออาจจะยังไม่เชื่อและไม่พร้อมที่จะรับฟังคำพูดของเขา แต่เขาจะไม่เลิกล้มความพยายามโดยเด็ดขาด และจะพยายามทำให้ละอองดาวยอมรับฟังความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอด้วยความเต็มใจให้ได้

“จริงสิคานันซากับคานันยาหมายถึงอะไร ทำไมทุกคนถึงเรียกคุณว่าคานันซาแล้วเรียกฉันว่าคานันยา”

ละอองดาวหันหน้ากลับไปถามชายหนุ่ม เพราะว่าคำพูดที่เขาเรียกเธอท้ายประโยคเมื่อครู่สะดุดหู ทำให้เธอนึกขึ้นได้ว่ากำลังสงสัยเรื่องนี้อยู่พอดี

“ที่ทุกคนเรียกผมว่าคานันซา ก็เพราะว่ามันคือตำแหน่งของหัวหน้าเผ่าคานันครับ” คีรีมันต์ตอบ

“แล้วคานันยาคืออะไร” ละอองดาวถามต่ออย่างรวดเร็วทันที คีรีมันต์เลยหัวเราะออกมาเบาๆ พลางมองสบตาหญิงสาวอย่างมีความหมายก่อนตอบ

“คานันยาก็คือตำแหน่งภรรยาของหัวหน้าเผ่าคานันยังไงล่ะครับ”

“อะไรนะ! ทำไมคุณต้องไปสั่งให้ทุกคนเรียกฉันแบบนั้นด้วย ฉันยังไม่ได้แต่งงานกับคุณซะหน่อยแล้วฉันก็ยังไม่ได้มีอะไรกับคุณด้วย คุณไปบอกให้ทุกคนเรียกฉันใหม่เลยนะ”

ละอองดาวผุดลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง พลางโวยวายด้วยใบหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเป็นภรรยาของคีรีมันต์ โดยไม่รู้เรื่องและไม่เต็มใจเลยสักนิดด้วยตำแหน่งคานันยา

คีรีมันต์มองดูสีหน้าและท่าทางหัวเสียของหญิงสาวด้วยความรู้สึกขบขันปนเอ็นดู เขาส่ายหน้ายิ้มๆ พลางขยับลุกขึ้นนั่งบ้างก่อนจะพูดว่า

“ผมไม่ได้สั่งให้ทุกคนเรียกคุณว่าคานันยาแต่พวกเขาเรียกกันเอง เพราะว่าเมื่อคืนเรานอนอยู่ในห้องเดียวกันแล้วก็เตียงเดียวกันทั้งคืน คุณคิดว่าทุกคนจะเชื่อเหรอว่าผู้ชายอย่างผมจะไม่มีอะไรกับคุณ ถ้าอย่างนั้นก็เสียชื่อนายคีรีมันต์แย่สิครับคุณผู้หญิง แล้วที่ทุกคนเรียกคุณว่าคานันยาก็เพราะว่าทุกคนรัก ยกย่อง แล้วก็ให้เกียรติคุณนะละอองดาว”

“ชื่อเสียงฉันย่อยยับป่นปี้กันหมดแล้วคราวนี้ ทำไมฉันต้องโชคร้ายมาเจอกับผู้ชายอย่างคุณอีกนะ”

ละอองดาวบ่นพลางมองเขาด้วยแววตาขุ่นเคือง แต่คีรีมันต์กลับยิ้มและมองสบตาหญิงสาวด้วยแววตาอ่อนโยน พร้อมทั้งพูดว่า

“อาจจะเป็นเพราะสวรรค์ลิขิตก็ได้ ถึงทำให้คุณมาที่ศิขรัฐ แล้วก็ทำให้เราได้พบกันอีกครั้ง คุณเห็นด้วยรึเปล่าครับละอองดาว” ท้ายประโยคชายหนุ่มถามหญิงสาวและยังคงสบตาเธอนิ่ง ละอองดาวรู้สึกว่านัยน์ตาสีดำสนิทราวกับรัตติกาลแต่คมหวานซึ้งที่กำลังจ้องมองเธออยู่ ราวกับมีมนตร์สะกดตรึงให้เธอนั่งนิ่งอยู่กับที่พร้อมกับใจที่เต้นแรงขึ้นเรือยๆ

“ว่ายังไง คุณเห็นด้วยกับผมมั้ยครับ” คีรีมันต์ถามเสียงนุ่ม พลางเริ่มขยับเข้ามาใกล้หญิงสาวมากขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นหอมละมุนที่โชยมาจากร่างระหงทำให้ชายหนุ่มเริ่มลืมตัว นัยน์ตาคู่คมมองดูชุดนอนผ้ายืดที่หญิงสาวสวมใส่อยู่ด้วยความรู้สึกขัดตาและขัดใจ เพราะถ้าหากเธอสวมชุดนอนของชนเผ่าคานันแบบเมื่อคืนวาน เขาคงจะมีโอกาสได้เห็นไหล่เนียนกลมกลึง และผิวขาวนวลเนียนน่าสัมผัสบริเวณเนินอกที่เห็นรำไรของเธอมากกว่านี้อีกสักนิด

“ไม่เห็นด้วย เพราะฉันคิดว่านรกลิขิตให้ฉันมาเจอกับคุณมากกว่า รีบถอยออกไปห่างๆ จากฉันเลยไม่ต้องคิดจะมาฉวยโอกาสกับฉันเหมือนเมื่อคืนวานอีกนะ ปิดไฟแล้วก็ต่างคนต่างนอน”

ละอองดาวพูดเสียงแข็ง พร้อมทั้งยกมือขึ้นดันแผ่นอกกว้างของชายหนุ่มให้เขากลับเข้าไปอยู่ในเขตแดนของเขา ก่อนที่จะได้เข้าใกล้จนถึงตัวเธอ แล้วทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้ชายหนุ่มทันที

คีรีมันต์ถอนหายใจเบาๆ อย่างสุดแสนเสียดาย เมื่อครู่เขาอุตส่าห์มีโอกาสเข้าใกล้หญิงสาวได้แล้ว อีกเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นเขาก็จะได้หอมแก้มนวลเนียนสักฟอด หรือไม่ก็จูบก่อนนอนสักครั้งแบบเมื่อคืนวาน แค่นี้เขาก็คงจะชื่นใจจนนอนหลับฝันดีไปทั้งคืนแล้ว ชายหนุ่มมองแผ่นหลังของหญิงสาวยิ้มๆ ก่อนจะแกล้งถามด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ ว่า

“ใจร้ายจังคุณจะไม่กู๊ดไนท์คิสผมหน่อยเหรอครับคานันยา”

“ไม่! ฉันไม่อยากจูบผู้ชายที่จูบกับผู้หญิงมาเป็นร้อยอย่างคุณหรอก ฉันรังเกียจ”

ละอองดาวพูดเสียงแข็ง คีรีมันต์เลยได้แต่เอื้อมมือไปปิดสวิชท์ไฟ แล้วทิ้งตัวลงนอนพลางพูดกับคนที่นอนหันหลังให้เขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ผมไม่สามารถกลับไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขอดีตที่ผ่านมาของผมได้ แต่ผมสามารถเปลี่ยนแปลงปัจจุบันได้ คุณไม่คิดจะให้โอกาสผมบ้างเหรอละอองดาว”

เงียบ...ไม่มีเสียงตอบจากละอองดาว แต่คีรีมันต์มั่นใจว่าหญิงสาวยังไม่หลับและได้ยินทุกคำพูดของเขา เพียงแต่เธอไม่ยอมตอบโต้ ชายหนุ่มจึงพูดต่อไปอีกว่า

“ฝันดีนะครับ ฝันถึงผมบ้างก็ได้ถ้าหากในฝันของคุณมีผมอยู่ ผมจะดีใจมากเลย”

จากนั้นคีรีมันต์ก็หลับตาลง เพียงครู่เดียวลมหายใจของเขาก็สม่ำเสมอบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวหลับสนิทแล้ว ขณะที่ละอองดาวลืมตาขึ้นในความมืด คิดทบทวนถึงประโยคที่เขาพูดขอโอกาสกับเธอเมื่อสักครู่ หญิงสาวถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางย้ำเตือนตัวเองอยู่ในใจ ว่าเธอจะต้องไม่หลงไปกับคำหวานของคีรีมันต์ ไม่อย่างนั้นเธอก็คงจะต้องลงเอยกับเขาเหมือนอย่างผู้หญิงคนอื่นๆ

ถึงขณะนี้ละอองดาวจะรู้สึกดีกับเขาขึ้นมาบ้างเล็กน้อย เพราะเห็นว่าคีรีมันต์รักษาสัญญาไม่ใช้กำลังบังคับล่วงเกินเธอทั้งที่เขามีโอกาสและทำได้ก็ตาม แต่เธอจะต้องไม่ปล่อยให้เขาเข้ามาใกล้ชิดกับเธอได้ง่ายๆ เพราะถึงอย่างไรคีรีมันต์ก็ยังเป็นผู้ชายที่อันตราย มีพฤติกรรมน่ารังเกียจ และไม่น่าไว้ใจสำหรับเธออยู่ดี

“ยังไงฉันก็ไม่มีวันลืมพฤติกรรมของคุณได้หรอก หลังจากที่ฉันไปจากที่นี่เราก็จะไม่ได้พบกันอีกแล้ว” หญิงสาวพึมพำพูดราวกับตอกย้ำกับตัวเองก่อนจะผล็อยหลับไปในที่สุด

เมื่อละอองดาวรู้สึกตัวตื่นขึ้นในตอนเช้า พอลืมตาขึ้นหญิงสาวก็ถึงกับผงะ เพราะเห็นใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของคีรีมันต์ก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากเขาและเธอนอนตะแคงข้างหันหน้ามาหากันพอดี แต่ยังโชคดีที่มีหมอนข้างกั้นกลางเอาไว้จึงทำให้ไม่ได้นอนอยู่ใกล้ชิดติดกันมากจนเกินไป

หญิงสาวรีบขยับตัวออกห่างจากชายหนุ่มทันที พลางผุดลุกขึ้นนั่งแล้วทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งแสงเงินแสงทองเริ่มจับขอบฟ้าแล้ว ละอองดาวคิดว่าขณะนี้น่าจะเป็นเวลาประมาณเกือบเจ็ดโมงเช้า ก่อนที่หญิงสาวจะหันกลับมามองชายหนุ่มคนที่ยังคงนอนหลับใหลอยู่ด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นว่าเขายังคงนอนหลับสนิทอยู่อย่างเพลิดเพลิน ไม่เหมือนเมื่อวานที่ติลลาบอกว่าเขาตื่นแต่เช้า

ละอองดาวมองดูใบหน้าของคนที่กำลังหลับใหลอยู่ พลางยอมรับกับตัวเองอยู่ในใจว่า คีรีมันต์เป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มมากจริงๆ เมื่อเธอได้มาเห็นเขาอย่างใกล้ชิดแบบนี้ เพราะปกติเธอแทบจะไม่เคยมองหน้าเขาใกล้ๆ แบบพิจารณาเต็มตาเลยสักครั้ง คีรีมันต์มีผิวที่ขาวจัด ขณะที่คิ้วเข้มหนาได้รูป นัยน์ตาสีดำสนิทคมหวานซึ้ง แพขนตาสีดำของเขาก็ยาวงอนอย่างกับผู้หญิง จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากได้รูปสวย แล้วหญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อคิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ที่ผู้หญิงจำนวนมากจะหลงใหลได้ปลื้มไปกับความหล่อเหลาของเขา จนยอมโอนอ่อนผ่อนตามเขาทุกอย่าง

“ละอองดาว” เสียงทุ้มนุ่มที่เรียกชื่อเธอออกมาเบาๆ ทำให้ละอองดาวชะงักก่อนจะขยับเข้าไปใกล้เขาอีกนิดเพื่อฟังว่าเขากำลังจะพูดอะไรต่อไป หากแต่คีรีมันต์ก็เอาแต่เรียกชื่อเธออย่างเดียว

“ละอองดาว”

“เค้าเรียกชื่อเราทำไมล่ะเนี่ย” หญิงสาวพึมพำพลางพยายามก้มหน้าลงไปฟังใกล้ๆ เมื่อเห็นคีรีมันต์พึมพำอะไรบางอย่างขมุบขมิบแต่เธอก็ฟังไม่ได้สรรพ

แล้วจู่ๆ นัยน์ตาสีดำสนิทคมหวานก็ลืมขึ้นมาสบกับนัยน์ตาสีน้ำเงินสดที่กำลังก้มลงมองเขาในระยะใกล้ด้วยความสงสัยและประหลาดใจอยู่ ทำเอาละอองดาวต้องรีบขยับออกห่างจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ

“นี่คุณกำลังคิดจะลักหลับผมอยู่รึเปล่าคุณผู้หญิง ถ้าจะมอร์นิ่งคิสขอตอนผมรู้สึกตัวแบบนี้ดีกว่านะ มันได้อารมณ์กว่ากันเยอะเลยนะครับ” คีรีมันต์พูดด้วยนัยน์ตาพราวระยับ พลางขยับลุกขึ้นนั่งมองใบหน้าสวยหวานที่กำลังเริ่มเป็นสีระเรื่อเพราะคำพูดของเขา ก่อนที่เจ้าตัวจะโวยวายว่า

“มอร์นิ่งคิสบ้าบออะไรของคุณ! แล้วนี่คุณคิดได้ยังไงว่าฉันจะไปลักหลับคุณ พูดจาน่าเกลียดที่สุดเลย อีตาบ้า!”

“ผมจะไปรู้กับคุณได้ยังไงล่ะ ก็ผมลืมตาขึ้นมาเห็นหน้าคุณอยู่ใกล้หน้าผมขนาดนั้น ผมก็นึกว่าคุณจะมอร์นิ่งคิสผมน่ะสิ” คีรีมันต์พูดอย่างขบขัน

“ฉันไม่พิศวาสคุณขนาดนั้นหรอก ฉันได้ยินคุณละเมอเรียกชื่อฉัน ฉันก็เลยจะเข้าไปฟังใกล้ๆ ว่าคุณกำลังด่าอะไรฉันอยู่รึเปล่าก็เท่านั้นแหละ” ละอองดาวพูดพร้อมทั้งมองค้อนชายหนุ่มอย่างหมั่นไส้

คีรีมันต์อมยิ้มอย่างขบขันความจริงเขารู้สึกตัวตื่นตั้งแต่ตอนที่หญิงสาวขยับลุกขึ้นนั่งแล้ว แต่เขาแกล้งนอนหลับต่อแล้วก็แกล้งละเมอเรียกชื่อเธอเพื่อที่จะดูว่าละอองดาวจะมีปฏิกิริยายังไง

“ผมไม่มีทางละเมอด่าคุณหรอกครับ ถ้าละเมอบอกรักคุณก็ว่าไปอย่าง” คีรีมันต์พูดพลางมองสบตาหญิงสาวด้วยแววตาหวานๆ ละอองดาวมองค้อนเขาด้วยความหมั่นไส้อีกครั้งก่อนจะพูดว่า

“เลี่ยนแต่เช้าเลยนะคุณ ไม่ต้องคิดจะมาจีบฉันเลยไม่ได้สำเร็จหรอก”

“คุณรู้ได้ยังไงว่าจะไม่สำเร็จ ในเมื่อคุณไม่เคยให้โอกาสผมจีบคุณเลยสักครั้ง” คีรีมันต์ถาม ละอองดาวปรายตามองอีกฝ่ายก่อนจะตอบว่า

“คุณเป็นผู้ชายคนสุดท้ายในโลกที่จะจีบฉันสำเร็จ”

“เป็นคนแรกและคนเดียวด้วยครับคานันยา มอร์นิ่งคิสนะครับ” คีรีมันต์พูดพร้อมๆ กับที่ยื่นหน้าเข้ามาจูบเธออย่างนุ่มนวล แผ่วเบาและรวดเร็วโดยที่ละอองดาวไม่ทันได้ระวังตัว ก่อนจะรีบถอนริมฝีปากออกไปแล้วถอยห่างจากหญิงสาวอย่างรวดเร็วพอกัน

“อ๊าย! นี่คุณคิดจะฉวยโอกาสกับฉันตลอดเวลาเลยรึไงผู้ชายบ้า!” ละอองดาวร้องโวยวายด้วยใบหน้าแดงก่ำ พลางยกหลังมือขึ้นเช็ดริมฝีปากตัวเองไปมาและมองเขาด้วยแววตาขุ่นเคือง

คีรีมันต์หัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวก่อนจะพูดว่า

“ถ้าผมไม่คิดสิแปลก แล้วก็อย่าพยายามใช้มือของคุณลบรอยจูบของผมเลยละอองดาว เพราะว่ามันไม่มีทางลบได้หรอกครับ รอยจูบมันต้องลบด้วยรอยจูบเท่านั้น เพราะฉะนั้นคุณต้องจูบผมถึงจะลบรอยจูบของผมได้”

“บ้า! วิธีลบรอยจูบบ้าบออะไรของคุณ ฉันมีแต่เสียเปรียบกับเสียเปรียบ ถ้าขืนฉันทำแบบนั้นก็โง่เต็มทนแล้ว ผู้ชายบ้า! คุณสัญญาว่าจะไม่ล่วงเกินฉัน แต่คุณก็ฉวยโอกาสกับฉันตลอดเวลาเลย” ละอองดาวต่อว่าชายหนุ่มด้วยดวงตาวาวโรจน์ราวกับทะเลเพลิง คีรีมันต์มองหญิงสาวยิ้มๆ ก่อนจะพูดว่า

“โธ่! คุณผู้หญิงครับแบบนี้เค้าเรียกว่าการทักทายกันต่างหาก สมัยที่เราเรียนอยู่อเมริกาเค้าทักทายกันแบบนี้ทั้งนั้น”

“ฉันไม่เคยทักทายกับผู้ชายคนไหนแบบนี้” ละอองดาวตะโกนใส่หน้าชายหนุ่มอย่างเหลืออด

“ผมรู้ครับแล้วก็ดีใจมากด้วยที่ผมเป็นผู้ชายคนแรกที่มีโอกาสแบบนี้ และจะดีใจมากกว่านี้ถ้าได้มอร์นิ่งคิสคุณทุกเช้าเวลาตื่น แล้วก็กู๊ดไนท์คิสคุณทุกคืนก่อนนอน” คีรีมันต์บอกกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพอๆกับแววตาที่มองสบกัน ทำเอาละอองดาวถึงกับนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่หญิงสาวจะรู้สึกตัวแล้วหยิบหมอนข้างขึ้นปาใส่เขา พร้อมทั้งพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า

“ฝันไปเถอะ คนบ้า!”

“คานันยาใจร้ายจังขอชื่นใจแค่นิดหน่อยก็ไม่ได้ ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ ว่าแต่คุณอยากจะไปอาบน้ำพร้อมกับผมมั้ยครับผมช่วยอาบให้คุณได้นะ” ท้ายประโยคคีรีมันต์แกล้งชวนหญิงสาวหน้าตาเฉย ทำเอาละอองดาวแทบอยากจะร้องกรี๊ดกับคำพูดกวนประสาทของเขา

“คุณจะไปไหนก็ไปเลยนะก่อนที่ฉันจะฆ่าคุณ” ละอองดาวพูดเสียงขุ่นตาขวาง

ขณะที่คีรีมันต์หัวเราะเบาๆ อย่างขบขัน ก่อนก้าวลงจากเตียงเดินผิวปากอย่างสบายอารมณ์ไปเปิดตู้หยิบเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ โดยมีหญิงสาวนั่งมองค้อนตามหลังเขาด้วยความหมั่นไส้จนเหลือจะกล่าว

คีรีมันต์ฮัมเพลงอย่างมีความสุขในระหว่างที่กำลังอาบน้ำอยู่ แค่ได้ตื่นขึ้นมาเห็นหน้าละอองดาวในตอนเช้า ได้ต่อล้อต่อเถียงกับเธอ ได้เห็นเธอเวลาที่นอนหลับ ได้นอนหลับอยู่บนเตียงเดียวกับเธอและในห้องเดียวกับเธอในตอนกลางคืน ถึงแม้จะไม่มีอะไรมากกว่านั้นแต่ชายหนุ่มก็สุขใจมากแล้ว และคงจะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าหากว่าหญิงสาวยินยอมให้เขานอนโอบกอดเธอในยามค่ำคืน แล้วมอบความรักให้เธอทั้งตัวและหัวใจ ก่อนจะหลับใหลไปด้วยกันทุกค่ำคืน

“ติลลาเดี๋ยวช่วยเตรียมอาหารเที่ยงใส่ตะกร้าให้ผมกับคานันยาของติลลาหน่อยนะครับ”

คีรีมันต์พูดขึ้นในระหว่างที่กำลังนั่งรับประทานอาหารมื้อเช้ากันอยู่ที่โต๊ะอาหาร ทำให้ละอองดาวต้องเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาด้วยความประหลาดใจทันที ขณะที่ติลลาสบตากับจีวายิ้มๆ ก่อนจะพยักหน้ารับคำเบาๆ แล้วหญิงสูงวัยก็เดินหายเข้าไปในห้องครัวพร้อมกับเด็กสาว

“คุณจะพาฉันไปไหน แล้ววันนี้คุณไม่ต้องไปทำงานรึไง” ละอองดาวถามขึ้นเมื่อลับร่างของติลลากับจีวา

“ผมก็กำลังจะไปทำงานไงครับ แล้วก็จะพาคุณไปปิกนิกด้วย” ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ ละอองดาวขมวดคิ้วโก่งเรียวกับคำตอบของเขา ก่อนจะถามด้วยความสงสัย

“คุณจะไปทำงานที่ไหน แล้วจะพาฉันไปปิกนิกได้ยังไงกัน”

“ทานข้าวให้เสร็จสิครับเดี๋ยวคุณก็รู้เองแหละว่าผมจะพาคุณไปที่ไหน แต่ผมรับรองว่าคุณต้องชอบแน่ๆ”

คีรีมันต์บอกหญิงสาวด้วยใบหน้ายิ้มพราย แต่ละอองดาวมองหน้าเขาอย่างไม่ไว้ใจนักพลางพูด

“หวังว่าคุณคงไม่ได้กำลังวางแผนคิดจะพาฉันไปทำมิดีมิร้ายนะ”

“ทำร้ายคุณน่ะผมไม่ทำหรอกแต่ทำดีผมทำแน่” คีรีมันต์พูดยิ้มๆ พลางขยิบตาให้หญิงสาว ขณะที่ละอองดาวมองค้อนเขาพลางบ่นพึมพำเบาๆ เป็นภาษาไทย

“ผู้ชายอันตราย ไว้ใจไม่ได้”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel