อ้อมกอดแห่งขุนเขา กรุ่นไอรักใต้ดวงดาว

131.0K · จบแล้ว
แก้วแสงจันทร์
24
บท
46.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“ไคล์...ฉันรักคุณค่ะ มายดาร์ลิ้ง” เสียงสาวสวยผมสีทองกระซิบบอกกับชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มที่กำลังจูบและโอบกอดหล่อนเอาไว้ในวงแขนอย่างแนบแน่น จนร่างสองร่างแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่บนเตียงกว้างใหญ่ด้วยนัยน์ตาหวานซึ้ง “ขอบคุณที่รักผมครับเฮเลน” คีรีมันต์กระซิบบอกกับหญิงสาวในอ้อมกอดด้วยนัยน์ตาหวานซึ้ง พอๆ กับรอยยิ้มละลายใจชวนหลงใหล พลางเริ่มปลดกระดุมเสื้อของหญิงสาวออกทีละเม็ด โดยที่ริมฝีปากได้รูปสวยของเขายังคงคลอเคลียอยู่กับริมฝีปากอวบอิ่มของเจ้าหล่อนตลอดเวลา ทุกอย่างกำลังจะดำเนินไปตามทางที่ชายหนุ่มคิดว่ามันควรจะเป็น ถ้าหากว่าประตูห้องนอนของเขาจะไม่ถูกผลักเข้ามาโดยพลการ “ได้ข่าวว่าพี่ชายสุดที่รักป่วย น้องสาวสุดสวยก็เลยแวะมาเยี่ยม โอ๊ะ!” หญิงสาวร่างบางซึ่งก้าวผ่านประตูห้องเข้ามาพร้อมๆ กับเสียงใสอย่างร่าเริง มีอันต้องชะงักค้างคำพูดก่อนจะจบประโยค แล้วอุทานออกมาเบาๆ พลางเบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องกำลังอยู่บนเตียงกับหญิงสาวสวยในสภาพที่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยนัก คีรีมันต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างขัดใจ ในขณะที่หญิงสาวสวยในอ้อมกอดของเขารีบตะปบเสื้อผ้ามาปกปิดร่างกายตนเองอย่างรวดเร็ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไอย์รายาญาติผู้น้องของเขาทำแบบนี้ ชายหนุ่มจึงหันขวับกลับมาทางประตูห้องนอนพลางส่งเสียงดุอีกฝ่ายอย่างหัวเสียว่า “ไอย์รายา พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่า...” คีรีมันต์ชะงักค้างคำพูดทั้งหมดที่เตรียมจะต่อว่าญาติผู้น้องกลืนหายลงไปในลำคอทันที เมื่อหันมาเห็นเต็มตาว่าตรงประตูห้องนอนของเขาไม่ได้มีไอย์รายายืนอยู่ตามลำพัง เพราะทางด้านหลังญาติผู้น้องของเขายังมีร่างระหงของหญิงสาวสวยอีกคนยืนอยู่ด้วย และขณะนี้นัยน์ตาของเธอซึ่งจ้องมองมาที่เขากำลังฉายแววรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด

นิยายรักโรแมนติกพระเอกเก่งแต่งงานสายฟ้าแลบประธานดีไซเนอร์เศรษฐีโรแมนติกนางเอกเก่ง

1 คำทำนายของเผ่าไมยา

“หญิงสาวชาวต่างชาติผู้มีเรือนร่างสูงระหง ซึ่งมีผิวพรรณขาวนวลเนียนละมุนละไม ใบหน้างดงามอ่อนหวาน สีนัยน์ตาราวกับท้องทะเลลึก ที่จะมาเยือนศิขรัฐในคืนวันที่ดวงดาวมากมายร่วงหล่นจากฟากฟ้า หากชายใดได้นางมาเคียงคู่ จะส่งเสริมให้บุคคลผู้นั้นยิ่งใหญ่ในดินแดนแห่งขุนเขา”

ชายหนุ่มร่างสูงผิวคร้ามแดดใบหน้าคมดุนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเช่นเดียวกับเรือนผมเว้นช่วงเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อไปอีกว่า

“นี่คือคำทำนายของแม่เฒ่าอาวาตีแห่งเผ่าไมยาครับ”

“เหลวไหล ไร้สาระที่สุดเลยฮาซาล”

เสียงชายหนุ่มซึ่งมีผิวขาวจัด ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากได้รูปสวย คิ้วเข้มหนารับกับนัยน์ตาสีดำสนิทราวกับรัตติกาล เช่นเดียวสีของเรือนผมที่ยาวระต้นคอ ซึ่งกำลังนั่งไขว้ห้างเอนตัวพิงพนักเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่อยู่พูดขึ้นพลางส่ายหน้าอย่างระอาใจ

ในขณะที่ชายหนุ่มอีกคนซึ่งมีผิวขาวจัดพอกัน ใบหน้าคมสันอ่อนโยน นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเช่นเดียวกับสีเรือนผมของเขาซึ่งยาวระต้นคอ หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างขบขัน ก่อนจะพูดขึ้นว่า

“นายไม่เชื่อคำทำนายล่ะสิคีรีมันต์”

“นี่มันยุคอินเทอร์เน็ตแล้วนะรามิล เราไม่ควรงมงายกับคำทำนายของแม่เฒ่าอายุร้อยกว่าปี ซึ่งไม่แน่ว่าตอนนี้แกอาจจะจำแม้แต่อายุของตัวเองก็ยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ” คีรีมันต์พูด

“ลุงเข้าใจว่าหลานเป็นคนหัวสมัยใหม่ไม่เชื่อถือเรื่องคำทำนาย แต่แม่เฒ่าอาวาตีแห่งเผ่าไมยาก็มีอายุยืนยาวมาจนถึงหนึ่งร้อยยี่สิบปีแล้วนะคีรีมันต์ ชนเผ่าไมยาต่างให้ความเคารพนับถือ และเชื่อว่าแม่เฒ่ามีเวทมนตร์คาถา สามารถหยั่งรู้อดีตและอนาคตได้จริง แล้วลุงก็เชื่อว่าตอนนี้หัวหน้าเผ่าอีกสามเผ่าก็ต้องเชื่อในคำทำนายนี้เหมือนกัน และแน่นอนว่าทุกคนก็ต้องกำลังควานหาตัวหญิงสาวตามคำทำนายอยู่ เพราะอย่างน้อยถ้าใครได้ตัวหญิงสาวคนนี้ไป ก็จะได้รับความเชื่อถือในการลงมติเลือกให้เป็นผู้ปกครองศิขรัฐคนต่อไปอย่างแน่นอน นี่คือเหตุผลที่เราจะไม่สนใจในเรื่องคำทำนายไม่ได้ อย่างน้อยๆ หลานก็คงไม่อยากให้อำนาจทั้งหมดในศิขรัฐต้องตกไปอยู่ในมือของกาซิมนานถึงห้าปีหรอก ใช่ไหมคีรีมันต์”

ยาราลบุรุษวัยกลางคนท่าทางภูมิฐาน ผู้ดำรงตำแหน่งเป็นประมุขของประเทศศิขรัฐในปัจจุบัน ซึ่งมีศักดิ์เป็นบิดาของรามิลพูดยืดยาว ก่อนจะจบประโยคด้วยคำถามที่ชายหนุ่มซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกชายของ “คิรินทร์” เพื่อนสนิทผู้ล่วงลับไปแล้วของเขา

“ผมไม่มีวันยอมให้เฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างกาซิมขึ้นมาปกครองศิขรัฐอย่างเด็ดขาด ท่านลุงต่างหากที่เหมาะสมจะปกครองศิขรัฐต่อไป แล้วผู้หญิงในคำทำนายก็ต้องเป็นของท่านลุงด้วย ถ้าหากว่าเธอจะช่วยให้ท่านลุงได้ขึ้นปกครองศิขรัฐต่อไป” คีรีมันต์ตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังและหนักแน่น ยาราลพยักหน้าพลางยิ้มก่อนพูด

“ขอบใจมากหลานรัก”

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ต้องวางแผนเพื่อหาตัวผู้หญิงตามคำทำนายให้พบก่อนใคร แล้วก็เอาตัวเธอมาให้ได้ ก่อนที่จะมีใครได้ตัวเธอไป ฟังจากคำทำนายที่ว่าเธอจะมาเยือนศิขรัฐในคืนวันที่ดวงดาวมากมายร่วงหล่นจากฟากฟ้า ถ้าให้ฉันเดาฉันคิดว่ามันน่าจะตรงกับคืนที่จะมีปรากฏการณ์ฝนดาวตกในอีกสิบวันข้างหน้านะ หรือนายว่าไงคีรีมันต์” รามิลพูดยืดยาวก่อนจะหันมาถามคีรีมันต์ในตอนท้ายประโยค ชายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างเนือยๆ ก่อนจะตอบแกมประชดเพื่อนรักว่า

“อืม นายว่าไงฉันก็ว่างั้นแหละ ฉันไม่ได้แม่นยำแล้วก็เก่งเรื่องดาราศาสตร์เหมือนนายนี่ ไอ้คุณดอกเตอร์รามิล”

แล้วคำพูดของเขาก็เรียกเสียงหัวเราะจากอีกสามคนที่อยู่ภายในห้องได้ทันที ก่อนที่รามิลจะหันไปพูดกับผู้เป็นบิดาของเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างล้อเลียนว่า

“หลังจากที่ท่านพ่อเป็นโสดมานานหลายปี ผมก็จะมีแม่เลี้ยงเป็นสาวสวยชาวต่างชาติแล้วนะครับ”

“แล้วฉันต้องแสดงความยินดีกับนายล่วงหน้า ที่นายกำลังจะมีแม่คนที่สองด้วยรึเปล่ารามิล” คีรีมันต์ถามเพื่อนรักอย่างกวนๆ เลยถูกรามิลย้อนถามกลับมาว่า

“แล้วเมื่อไหร่คานันซาแห่งคีรีมันตราจะหาคานันยาให้ชาวคานันซะทีล่ะ จริงไหมฮาซาล” ท้ายประโยครามิลหันไปถามฮาซาล ซึ่งนอกจากเขาจะมีฐานะเป็นคนสนิทของคีรีมันต์แล้ว ฮาซาลก็ยังมีฐานะเป็นเพื่อนสนิทของคีรีมันต์และรามิลมาตั้งแต่เด็กด้วย ฮาซาลพยักหน้ารับยิ้มๆ ก่อนตอบ

“จริงครับคุณรามิล ท่านแม่ของผมก็บ่นอยู่เหมือนกันว่าปีนี้คานันซาก็อายุสามสิบแล้ว ยังไม่ยอมแต่งงานเสียที ชาวคานันทุกคนต่างก็เฝ้ารอ ว่าหญิงสาวคนไหนในศิขรัฐจะโชคดีได้รับตำแหน่งคานันยากันทั้งนั้น”

“นายนี่พูดมากจริงๆ เลยนะฮาซาล พวกนายสองคนก็อายุเท่าๆ กับฉัน แล้วพวกนายก็ยังไม่ได้แต่งงานเหมือนกันอย่าลืมสิ รามิล ฮาซาล” คีรีมันต์ว่าเพื่อนรักทั้งสองอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนที่ยาราลจะถามขึ้นว่า

“แล้วเมื่อไหร่หลานจะแต่งงานล่ะ ลุงเห็นสาวๆในศิขรัฐอยากจะเป็นคานันยาของคานันซาคีรีมันต์กันทั้งนั้น”

“ผมยังไม่พบคนที่ถูกใจเลยครับท่านลุง”

คีรีมันต์ตอบบุรุษผู้สูงวัย แต่รามิลกลับมองสบตากับเขาด้วยแววตาประหลาดพร้อมทั้งพูดยิ้มๆ ว่า

“หรือไม่นายก็อาจจะเคยพบแล้ว แต่สาวเจ้าไม่เล่นด้วย ใช่รึเปล่าคีรีมันต์”

“นายกวนประสาทฉันอีกแล้วนะรามิล ว่างๆ คงต้องให้ไอย์รายาอบรมนายซะหน่อยแล้ว”

คีรีมันต์แกล้งข่มขู่เพื่อนรักต่อหน้าบิดาอีกฝ่ายหน้าตาเฉย ก่อนจะขยับลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับยาราลว่า

“วันนี้ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับท่านลุง ส่วนเรื่องผู้หญิงในคำทำนายขอผมไปคิดก่อนว่าจะจัดการยังไง แล้วผมจะโทรมานัดหมายกับรามิลอีกทีนะครับ”

เมื่อยาราลพยักหน้ารับยิ้มๆ คีรีมันต์จึงหันไปยกมือให้รามิลเป็นเชิงร่ำลา ก่อนจะก้าวนำฮาซาลออกไปจากห้อง

“คานันซาจะช่วยตามหาผู้หญิงในคำทำนายมาให้ท่านยาราลจริงหรือครับ”

ฮาซาลถามขึ้นทันทีเมื่อทั้งสองหนุ่มอยู่บนรถตามลำพังแล้ว โดยคนตั้งคำถามนั่งประจำอยู่ในตำแหน่งคนขับ ส่วนคนถูกถามกำลังนั่งเอนกายพิงพนักเบาะรถด้านหลังอยู่อย่างสบายอารมณ์ คีรีมันต์เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจก่อนจะย้อนถามกลับไปว่า

“ทำไมนายถึงถามฉันอย่างนั้นล่ะฮาซาล”

“ผมก็แค่สงสัยว่าคานันซาไม่สนใจผู้หญิงในคำทำนายบ้างหรือครับ ฟังจากคำทำนายแล้วถ้าเธอมีตัวตนจริงๆ คงจะเป็นผู้หญิงที่สวยมากทีเดียว แล้วคานันซาไม่อยากขึ้นปกครองศิขรัฐบ้างหรือครับ ทั้งที่คานันซาก็มีสิทธิ์โดยชอบธรรม”

ฮาซาลพูดยิ้มๆ พลางเริ่มออกรถ ในขณะที่คีรีมันต์ส่ายหน้าทันทีก่อนตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า

“ไม่ล่ะฮาซาล ฉันคิดว่าฉันหาผู้หญิงสวยในศิขรัฐได้มากมายหลายคนอยู่แล้ว แล้วก็...ฉันแค่อยากจะดูแลคนของเราที่คีรีมันตราให้ดีที่สุดตามที่ท่านพ่อสั่งเสียเอาไว้เท่านั้น ฉันไม่อยากจะแบกรับภาระต้องดูแลรับผิดชอบผู้คนทั้งศิขรัฐ ให้ท่านลุงยาราลปกครองศิขรัฐต่อไปนั่นแหละดีแล้ว เพราะห้าปีที่ผ่านมาท่านลุงก็ทำหน้าที่ได้ดีมากอยู่แล้ว

ฉันขอแค่เป็นแค่ผู้สนับสนุนแล้วก็คอยช่วยเหลือท่านลุงจะดีกว่า ถ้าหากว่าสิ้นท่านลุงแล้วฉันก็จะสนับสนุนรามิลต่อไป เพราะฉะนั้นนายไม่ต้องคิดเรื่องสิทธิ์ของฉันในการขึ้นปกครองศิขรัฐอีก เข้าใจรึเปล่าฮาซาล”

“เข้าใจครับคานันซา ผมก็แค่ลองถามดูเท่านั้น เผื่อว่าคานันซาจะเปลี่ยนใจ” ฮาซาลพูดจบก็หัวเราะในลำคอเบาๆ คีรีมันต์มองสบตาอีกฝ่ายผ่านกระจกมองหลังพลางส่ายหน้าแล้วพูดอย่างระอาใจว่า

“นายกับรามิลนี่มันกวนประสาทพอกันจริงๆ นะฮาซาล”

“ผมจะคิดว่านั่นคือคำชมนะครับคานันซา” ฮาซาลพูดยิ้มๆ ก่อนจะถามต่อไปอีกว่า

“จะแวะไปที่บริษัทหรือจะแวะไปเยี่ยมเยียนคุณผู้หญิงคนไหนในศิขรัฐดีครับคานันซา”

“กลับคีรีมันตราดีกว่าฉันคิดถึงติลลา แล้วก็คิดถึงอาหารฝีมือแม่นายด้วย ถึงบ้านแล้วปลุกฉันด้วย” พูดจบคีรีมันต์ก็หลับตาลงทันทีเป็นการบอกว่าเขาต้องการจบบทสนทนาลงเพียงเท่านี้

ฮาซาลมองดูนายหนุ่มของตนเองผ่านทางกระจกมองหลัง ด้วยแววตาชื่นชมและจงรักภักดี เขากับคีรีมันต์เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก หลังจากที่คานันยากีรีณามารดาของคีรีมันต์ซึ่งมีร่างกายอ่อนแอได้ล้มป่วยและเสียชีวิตลงในตอนที่คีรีมันต์มีอายุได้เพียงห้าขวบเศษ คานันซาคิรินทร์บิดาของคีรีมันต์ก็มอบหมายให้ติลลามารดาของเขาดูแลเลี้ยงดูคีรีมันต์มานับตั้งแต่บัดนั้น

คีรีมันต์กับฮาซาลถูกเลี้ยงดูให้เติบโตมาด้วยกัน รวมทั้งรามิลลูกชายของยาราลซึ่งเป็นเพื่อนรักของคานันซาคิรินทร์ทั้งสามคนจึงสนิทสนมกันมาก ก่อนจะถูกส่งไปเรียนต่อมัธยมปลายด้วยกันที่ประเทศอเมริกา ซึ่งทั้งสามหนุ่มป๊อบปูลาร์มากในหมู่สาวๆ เพราะความที่เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี

โดยเฉพาะคีรีมันต์กับรามิลเพราะนอกจากทั้งสองคนจะหน้าตาหล่อเหลาสะดุดตาแล้ว ยังมีฐานะเป็นถึงลูกชายของหัวหน้าเผ่าสองเผ่าซึ่งกุมอำนาจภายในศิขรัฐประเทศที่ร่ำรวยมั่งคั่งเพราะทรัพยากรแร่ธาตุอันมีค่ามหาศาลคือทองคำ ดังนั้นทั้งสองหนุ่มจึงเป็นที่หมายปองของหญิงสาวจำนวนมาก

แต่รามิลนั้นไม่สนใจจะยุ่งเกี่ยวกับหญิงสาวคนใดเพราะเขารักอยู่กับไอย์รายาญาติผู้น้องของคีรีมันต์อยู่แล้ว ขณะที่คีรีมันต์เปลี่ยนผู้หญิงควงไม่ซ้ำหน้าและมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหญิงสาวทุกคนที่เขาคบหาด้วย มาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายจนกระทั่งถึงระดับมหาวิทยาลัยเขาก็ยังคงเนื้อหอมไม่สร่างซา

จนกระทั่งเรียนปริญญาเอกเทอมสุดท้ายคีรีมันต์ก็ต้องถูกเรียกตัวกลับมาศิขรัฐด่วน เนื่องจากคานันซาคิรินทร์ซึ่งล้มป่วยลงด้วยโรคไตมานานมีอาการทรุดหนักมาก เมื่อคีรีมันต์เดินทางกลับมาถึงบ้านได้เพียงอาทิตย์เดียวบิดาของเขาก็เสียชีวิตลง

ดังนั้นคีรีมันต์จึงต้องรับตำแหน่งคานันซาต่อจากผู้เป็นบิดาเพื่อดูแลชนเผ่าคานันและเทือกเขาคีรีมันตราที่อุดมไปด้วยแร่ทองคำ อีกทั้งเหมืองแร่ทองคำกิจการและทรัพย์สินทุกอย่างของผู้เป็นบิดา คีรีมันต์ไม่ได้กลับไปเรียนปริญญาเอกต่อจนจบและปิดตำนานหนุ่มเพลย์บอยในอเมริกา แต่เปลี่ยนมาเปิดตำนานหนุ่มเพลย์บอยคนใหม่ในศิขรัฐแทน เพราะตอนนี้ไม่ว่าสาวๆ คนไหนในศิขรัฐต่างก็กล่าวขานถึงแต่คานันซาคีรีมันต์แห่งเทือกเขาคีรีมันตรา ว่าเป็นหนุ่มรูปหล่อ ชวนค้นหาและน่าหลงใหลมากที่สุดในขณะนี้

ฮาซาลเหลือบมองเจ้านายของเขาทางกระจกมองหลังอีกครั้งแล้วอมยิ้ม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหลับสนิท เขารู้ดีว่าถึงแม้คีรีมันต์จะทำตัวเป็นหนุ่มเจ้าสำราญและเจ้าชู้กับผู้หญิงมากมายขนาดไหน แต่เมื่อถึงเวลาอันสมควร คีรีมันต์จะต้องเลือกผู้หญิงที่เหมาะสมและคู่ควรมาเป็นคานันยาของตนเองและของชาวคานันทุกคนอย่างแน่นอน

จากนั้นฮาซาลก็เลี้ยวรถออกจากเขตตัวเมืองศิขรัฐ แล้วขับไปตามเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่เทือกเขาคีรีมันตรา ซึ่งเป็นอาณาจักรส่วนตัวของชายหนุ่มคนที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่ทางเบาะหลังรถทันที

“ฉันดีใจจังเลยดาว ที่เธอยอมแวะเที่ยวที่ศิขรัฐก่อนกลับประเทศไทย”

หญิงสาวร่างบางผิวพรรณขาวจัด ใบหน้าสวยคม นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มและเรือนผมยาวสลวยสีเดียวกัน ซึ่งสวมชุดกระโปรงติดกันสั้นพอดีเข่าสีเหลืองนวลตา หันมาพูดกับหญิงสาวร่างระหงในชุดเสื้อเชิ้ตเข้ารูปสีขาวปล่อยชายเสื้อยาวแล้วสวมทับด้วยเสื้อกั๊กยีนตัวสั้นขนาดพอดีกับเอว สวมกางเกงยีนขายาวเข้ารูปสีเข้มกับรองเท้าบู๊ทหนังหุ้มข้อสีน้ำตาลอ่อน ที่มีผิวพรรณขาวนวลเนียนลออตาอย่างผิวของคนเอเชียทั่วไป

หากแต่โครงสร้างที่ประกอบอยู่บนใบหน้าเรียวยาวรูปไข่สวยหวาน อันได้แก่คิ้วโก่งเรียว นัยน์ตาสีน้ำเงินสด จมูกโด่งรั้นเชิดนิดๆ รับกับริมฝีปากเรียวบางสีชมพูระเรื่อตามธรรมชาติบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าตัวได้รับการผสมผสานความงามอย่างลงตัวมาจากทั้งทางฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก ซึ่งนั่งอยู่เคียงคู่กันตามลำพังภายในห้องผู้โดยสารระดับวีไอพีของสายการบินประจำประเทศศิขรัฐด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“จ้า ฉันก็อยากจะเห็นเหมือนกัน ว่าศิขรัฐจะสวยเหมือนอย่างที่เธอโฆษณาชวนเชื่อเอาไว้รึเปล่าไอย์”

ละอองดาวเงยหน้าขึ้นจากหนังสือแมกกาซีนที่ดูอยู่ขึ้นพูดกับเพื่อนรักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ตอนแรกหญิงสาวตั้งใจว่าจะเดินทางกลับเมืองไทยทันทีที่รับปริญญาโทเสร็จเรียบร้อย แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนใจโทรศัพท์ไปขออนุญาตบิดามารดาอยู่ท่องเที่ยวกับไอย์รายาต่ออีกเดือนหนึ่งจึงจะเดินทางกลับบ้าน

หลังจากที่ทั้งสองสาวเที่ยวอยู่ในอเมริกาได้หนึ่งอาทิตย์ ไอย์รายาก็ชวนเธอมาเที่ยวประเทศศิขรัฐ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเพื่อนรัก ความจริงละอองดาวตั้งใจจะเดินทางกลับเมืองไทยเลย เพราะอยากไปทำเซอร์ไพร์สบิดามารดาด้วยการเดินทางกลับบ้านก่อนกำหนดเวลาที่บอกกับท่านทั้งสองเอาไว้

แต่เพราะความที่สนิทสนมกับไอย์รายามาตั้งแต่ตอนที่เธอมาเรียนปริญญาโทที่อเมริกาใหม่ๆ เมื่อถูกเพื่อนรักชักชวนแกมขอร้องอยู่หลายวันจนหญิงสาวรู้สึกเกรงใจอีกฝ่าย ละอองดาวจึงยอมตอบตกลงจะแวะเที่ยวที่ประเทศบ้านเกิดของเพื่อนรักก่อนห้าวันแล้วจึงจะเดินทางกลับเมืองไทย ซึ่งก็ยังสามารถทำเซอร์ไพร์สบิดามารดาได้อยู่ดี

“อีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมงเธอก็จะได้เห็นว่าฉันไม่ได้แค่โฆษณาชวนเชื่อ แต่ศิขรัฐมีบรรยากาศสงบ สวยงาม โรแมนติก เพราะถูกห้อมล้อมเอาไว้ด้วยเทือกเขาสูงชันจริงๆ”

ไอย์รายาพูดอย่างภาคภูมิใจในประเทศบ้านเกิดของตนเอง ในขณะที่ละอองดาวหัวเราะเบาๆ อย่างขบขันในท่าทางของเพื่อนสาว ไอย์รายาเป็นเพื่อนที่ดี น่ารักและมีน้ำใจกับเธอเสมอ ตอนแรกที่ทั้งสองได้รู้จักกันก็เพราะว่ามาเช่าห้องพักอยู่ติดกัน

เมื่อพูดคุยกันถูกคอเนื่องจากเธอและไอย์รายามาเรียนต่อปริญญาโทในมหาวิทยาลัยเดียวกันและเรียนอยู่สาขาเดียวกัน ซึ่งก็คือสาขาการออกแบบเครื่องประดับ จึงทำให้ทั้งคู่สนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดทั้งสองสาวก็ตัดสินใจมาเช่าบ้านพักหลังเล็กๆ อยู่ด้วยกัน และกลายเป็นเพื่อนรักกันไปโดยปริยาย ละอองดาวขอเรียกไอย์รายาว่า “ไอย์” เพียงคำเดียว เพราะว่าชื่อของอีกฝ่ายยาวและเรียกยาก เนื่องจากชาวศิขรัฐไม่มีชื่อเล่น ส่วนไอย์รายาก็เรียกเธอว่า “ดาว” ซึ่งเป็นชื่อเล่นของเธออยู่แล้ว แต่บางครั้งบางคราวเพื่อนรักก็จะเรียกเธออย่างล้อๆ ด้วยภาษาอังกฤษว่า “Star” ตามความหมายจากชื่อเล่นของเธอ

การอยู่ร่วมกับไอย์รายานานถึงสองปี ทำให้ละอองดาวสามารถฟังและพูดภาษาศิขรัฐเข้าใจพอสมควร เพราะไอย์รายาพยายามเผยแพร่วัฒนธรรมของตนเองกับเธอเป็นประจำ ในขณะที่พยายามจะเรียนรู้ภาษาไทยจากเธอด้วยเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าละอองดาวจะสามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่าอีกฝ่ายเพราะไอย์รายาบอกว่าภาษาไทยเข้าใจยากและออกเสียงยากสำหรับตนเอง

“จริงสิไอย์ เธอไม่ได้โทรบอกคู่หมั้นของเธอว่าจะกลับถึงศิขรัฐวันนี้ใช่ไหม” ละอองดาวถามขึ้นเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ไอย์รายาพยักหน้าก่อนจะตอบว่า

“จ้ะ ก็ฉันสัญญากับเธอแล้วนี่ดาว แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะปิดพี่รามิลได้นานแค่ไหนนะเพราะว่าเราอยู่ในศิขรัฐ ยังไงพี่รามิลก็ต้องรู้อยู่ดีว่าฉันกลับมาแล้ว เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น”

“ยังไงก็ขอให้คุณรามิลรู้ช้าที่สุดก็แล้วกัน”

ละอองดาวบอกเพื่อนรักพลางคิดต่ออยู่ภายในใจว่าขอให้คู่หมั้นหนุ่มของไอย์รายารู้ว่าเธอมาศิขรัฐในวันที่เธอจะเดินทางกลับเมืองไทยเลยจะยิ่งเป็นการดีที่สุด เพราะหญิงสาวเกรงว่าถ้าหากรามิลรู้ว่าเธอมาศิขรัฐจะมีใครอีกคนพลอยรู้ไปด้วยซึ่งเป็นคนที่เธอไม่ปรารถนาจะพบเจอมากที่สุด

“ทำไมเราสามคนจะต้องมาทำอะไรงี่เง่า อย่างเช่นการคอยเฝ้าดูผู้หญิงชาวต่างชาติทุกคนที่จะเดินทางมาศิขรัฐในวันนี้ตั้งแต่เช้ามืด เพราะคำทำนายของแม่เฒ่าเผ่าไมยาด้วยนะ ไร้สาระชะมัดเลย”

คีรีมันต์บ่นพลางละสายตาจากหน้าต่างกระจกห้องพักผู้โดยสารวีไอพีของสนามบินศิขรัฐที่สามารถมองลงไปเห็นทุกจุดภายในบริเวณสนามบินได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะช่องประตูผู้โดยสารขาเข้า ก่อนจะหมุนตัวแล้วก้าวยาวๆ กลับมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟายาวบุนวมตัวใหญ่อย่างสุดแสนเบื่อหน่าย

ในขณะที่รามิลหัวเราะเบาๆ กับท่าทางของเขา ก่อนจะก้าวตามมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ คีรีมันต์แล้วแกล้งพูดยั่วเย้าเขาว่า

“ก็นายเป็นคนคิดแผนนี้เองไม่ใช่เหรอ ที่บอกว่าพวกเราจะต้องมาคอยเฝ้าดูผู้หญิงตามคำทำนายถ้าเจอตัวเธอจริงๆ เราจะได้รีบชิงตัวเธอไปก่อนที่จะถูกคนอื่นตัดหน้า แล้วนายจะบอกว่าแผนนี้งี่เง่าได้ยังไงกันคีรีมันต์”

“ไอ้บ้ารามิล! นี่นายกำลังหลอกด่าว่าฉันงี่เง่าใช่มั้ย” คีรีมันต์ถามเพื่อนรักตาขุ่นเสียงเขียว แต่อีกฝ่ายยังคงยิ้มเยือนพลางพูดว่า

“ฉันเปล่าว่านายนะนายพูดเองเออเองทั้งนั้น จริงมั้ยฮาซาล” ท้ายประโยครามิลหันไปถามฮาซาลอย่างหาพวก อีกฝ่ายเลยพยักหน้ารับยิ้มๆ คีรีมันต์ปรายตามองเพื่อนรักทั้งสองอย่างขุ่นเคืองก่อนจะบ่นสองหนุ่มว่า

“ฉันเบื่อหน้าพวกนายสองคนที่สุดเลย เพราะพวกนายมันชอบรวมหัวกันกวนประสาทฉัน”

“เออๆ หน้าตาพวกฉันสองคนคงจะไม่น่ามองเท่าหน้าตาพวกสาวๆ ของนายหรอก” รามิลพูดยิ้มๆ

“แน่นอนสาวๆ พวกนั้นนอกจากน่ามองแล้ว ยังน่ากอดน่าจูบ นุ่มนิ่มหอมกรุ่นไปทั้งตัวอีกด้วย” คีรีมันต์พูดพลางยิ้มนัยน์ตาคู่คมพราวระยับอย่างเจ้าชู้ ขณะที่รามิลส่ายหน้ายิ้มๆ พลางพูดว่า

“ไอ้คานันซาจอมเพลย์บอย”

ส่วนฮาซาลเพียงแต่หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปทอดสายตามองผ่านหน้าต่างกระจกลงไปที่ช่องประตูผู้โดยสารขาเข้าอีกครั้ง เพียงครู่เดียวเขาก็ขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะอุทานออกมาเบาๆ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแกมประหลาดใจว่า

“เอ๊ะ! นั่นคุณไอย์รายานี่ครับ แล้วผู้หญิงชาวต่างชาติคนนั้นที่เดินออกมาพร้อมๆ กับคุณไอย์รายา ผู้หญิงคนนั้นลักษณะตรงตามคำทำนายของแม่เฒ่าเผ่าไมยาเลยครับ”

“ฮะ! ไอย์รายางั้นเหรอ” รามิลอุทานพลางถาม

“อะไรนะ! มีผู้หญิงตามคำทำนายด้วยเหรอ” คีรีมันต์พูดอย่างเหลือเชื่อ ทั้งสองหนุ่มลุกพรวดขึ้นจากโซฟาก้าวยาวๆ กลับมายืนตรงหน้าต่างกระจกข้างฮาซาลแล้วมองลงไปข้างล่างทันที แล้วทั้งคีรีมันต์กับรามิลก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ

“เฮ้! นั่นเธอมากับไอย์รายาได้ยังไงกัน” รามิลหันมาถามคีรีมันต์ ซึ่งชายหนุ่มก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างงุนงงก่อนจะตอบว่า

“ไม่รู้สิ แต่เหลือเชื่อเป็นบ้าเลย”

“แปลกจังแฮะทำไมไอย์รายาไม่โทรมาบอกฉันว่าจะกลับมาถึงศิขรัฐวันนี้ ฉันว่าเรารีบลงไปข้างล่างกันดีกว่าจะได้ไปถามไอย์รายา” รามิลพูดถึงคู่หมั้นสาวด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะชักชวนให้คีรีมันต์ลงไปข้างล่าง แต่ชายหนุ่มจับบ่าเพื่อนรักเอาไว้พร้อมทั้งพูดว่า

“เดี๋ยวก่อนรามิลเมื่อกี้นายบอกว่าแปลกใช่ไหมที่ไอย์รายาไม่โทรมาบอกว่าจะกลับมาถึงศิขรัฐวันนี้ ฉันก็ว่าแปลกนี่ไม่ใช่นิสัยของน้องสาวฉัน เพราะทุกครั้งที่ไอย์รายาจะกลับมาบ้านพวกเราจะต้องรู้ล่วงหน้าเสมอ”

“นายหมายความว่ายังไง” รามิลถามพลางขมวดคิ้ว

“ก็หมายความว่าคราวนี้ไอย์รายาไม่อยากให้ฉันกับนายรู้ว่าจะกลับมาบ้านไง” คีรีมันต์ตอบ

“ไอย์รายาจะทำแบบนั้นเพื่ออะไร”

“ก็เพื่อคนที่มากับน้องสาวฉันไง” คีรีมันต์บอกเพื่อนรักยิ้มๆ ขณะที่สายตาคู่คมจับอยู่ที่ร่างระหงของหญิงสาวสวยซึ่งกำลังก้าวเดินอยู่เคียงข้างกับญาติผู้น้องของเขาไม่วางตา ก่อนจะพูดต่อไปอีกว่า

“ในเมื่อไอย์รายาไม่อยากให้เรารู้ว่ากลับมาบ้านเราก็ยังจะไม่รู้ จนกว่าจะถึงเวลาที่สมควร ส่วนนายฮาซาล

นายลงไปควบคุมคนของเราให้คอยดูแลความปลอดภัยของไอย์รายากับเพื่อนจนกว่าทั้งสองคนจะเดินทางไปถึงบ้าน ระวังอย่าให้ไอย์รายารู้ตัวหรือว่าเห็นนายล่ะ” ตอนท้ายประโยคคีรีมันต์หันมาพูดกับฮาซาลยืดยาว

“ครับคานันซา” ฮาซาลรับคำก่อนจะรีบก้าวออกไปจากห้องเพื่อปฏิบัติงานตามคำสั่งของคีรีมันต์ทันที ถึงแม้ว่าเขาออกจะประหลาดใจกับคำพูดและท่าทางแปลกๆ ของสองหนุ่มเพื่อนสนิทซึ่งมีฐานะสูงศักดิ์กว่า เมื่อทั้งสองได้เห็นหญิงสาวสวยชาวต่างชาติที่มากับไอย์รายาก็ตาม

สัญชาตญาณบอกฮาซาลว่าน่าจะมีเรื่องอะไรบางอย่างเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ที่เขายังไม่รู้ เพราะหลังจากเรียนจบปริญญาตรีฮาซาลก็ขอกลับมาช่วยงานคานันซาคิรินทร์บิดาของคีรีมันต์ทันที ในขณะที่คีรีมันต์กับรามิลยังคงเรียนต่อปริญญาโทและเอก

ดังนั้นฮาซาลจึงไม่รู้ว่าหญิงสาวสวยชาวต่างชาติคนนี้มีความสัมพันธ์กับคีรีมันต์อย่างไร แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ฮาซาลจะต้องกังวลเพราะเมื่อคีรีมันต์อยากบอกเมื่อไหร่เขาก็จะได้รู้เอง

“นายกำลังคิดจะทำอะไรคีรีมันต์” รามิลถามขึ้นด้วยแววตาสงสัยเมื่อลับร่างของฮาซาลแล้ว คีรีมันต์คลี่ยิ้มที่มุมปากด้วยแววตาพราวระยับก่อนจะตอบว่า

“ฉันก็กำลังจะวางแผนดูแลผู้หญิงในคำทำนายอย่างดีที่สุดน่ะสิเพื่อนรัก ให้ตายเถอะรามิลฉันฝากนายไปบอกท่านลุงด้วยนะว่าไม่ว่าเธอจะใช่หรือไม่ใช่ผู้หญิงในคำทำนายก็ตาม แต่ฉันก็คงจะยกเธอให้ท่านลุงหรือใครไม่ได้ทั้งนั้น”

“ท่านพ่อของฉันก็คงไม่อยากจะแย่งผู้หญิงกับหลานชายสุดที่รักหรอกน่า แล้วฉันก็ไม่อยากจะได้ผู้หญิงที่เพื่อนรักหมายตาเอาไว้นานหลายปีแล้วมาเป็นแม่เลี้ยงด้วย”

รามิลพูดอย่างขบขันเมื่อเห็นแววตาของคีรีมันต์ที่จับจ้องอยู่ที่ร่างสูงระหงของหญิงสาวสวยซึ่งกำลังเดินเคียงคู่อยู่กับคู่หมั้นของเขาไม่วางตาราวกับพบนางในฝันก็ไม่ปาน คีรีมันต์หัวเราะเบาๆ อย่างพอใจก่อนจะพูดว่า

“ขอบใจนายมากเพื่อนรัก ที่เข้าใจฉัน”

“คราวนี้นายอย่าให้พลาดอีกล่ะไม่งั้นเสียชื่อคานันซารูปหล่อแห่งคีรีมันตราแน่” รามิลพูดยิ้มๆ

“คราวนี้ฉันจะพยายาม” คีรีมันต์บอกรามิลด้วยแววตาหมายมาด จากนั้นทั้งสองหนุ่มก็พากันหัวเราะเสียงดังลั่นทันที