ชนเผ่าถูกโจมตี
ชนเผ่าถูกโจมตี
กระโจมไม้ห้าสิบกว่าหลังถูกรื้อถอน พี่หมีสั่งให้นำทั้งหมดมากองกันไว้ตามจุดต่างๆ ถ้ำของว่านลุ่ยก็ถูกใช้เป็นที่อพยพ เด็กสตรีและคนชราถูกพามาหลบซ่อนด้านใน พร้อมทั้งนำเนื้อตากแห้งจำนวนมาก ขนมากักตุนเอาไว้เป็นเสบียง
คุณหนูใหญ่เห็นระบบสั่งการของพี่หมีถึงกับต้องลอบชูนิ้วให้ บนชะง่อนหิน นางทอดสายตามองลงไปด้านล่าง พี่หมีถึงกับใช้กระโจมของทุกคนมาเป็นขวากหนามขวางมิให้ฝ่ายตรงข้ามขึ้นเนินมาได้ง่ายๆ
ว่านลุ่ยมาจากแดนอารยะย่อมมองชัยภูมิออก ถ้ำของนางตั้งอยู่บนโนนสูง ซ้ายขวาเป็นผาสูงชัน หากปีนขึ้นมามิใช่จะทำไม่ได้ แต่รับรองว่าไม่ง่ายดายอย่างแน่นอน
คิดไม่ถึงว่าพี่หมีก็ดูออก เค้าถอยร่นนักรบในเผ่ามาเฝ้าทางขึ้นไว้ จากนั้นสุ่มกระโจมไม้เป็นกองๆสูงใหญ่ พร้อมที่จะจุดไฟเผายามข้าศึกบุกจู่โจม
ขณะที่ทุกคนหลบเข้าถ้ำ ว่านลุ่ยกับใช้เวลายืนชมบุรุษของตนอยู่ตรงชะง่อนหิน จากจุดที่นางอยู่ถึงบริเวณด้านล่างระยะทางราวๆร้อยกว่าวา ดังนั้นสายตาจึงมองได้ชัดว่าผู้ใดเป็นผู้ใด
หญิงสาวคาดการทั้งหมดได้แล้ว นางไม่รอช้าที่จะวิ่งไปหาพี่หมี เค้ายืนสั่งการอยู่ตรงนั้น ไม่ไกลจากชะง่อนหินที่ทั้งสองมักจะเสพสมกันตอนรุ่งเช้าของทุกวัน
ในมือของว่านลุ่ยเป็นถังไม้ใบหนึ่ง ภายในบรรจุไว้ด้วยดินสีแดง นางผสมทั้งหมดเข้ากับน้ำจนเหลว ปาดป้ายไปตามเนื้อตัวพี่หมีจนทั่ว จากนั้นทำท่าบ้าใบ้ให้ทุกคนนำไปทาถูกัน
พี่หมีคราแรกยังแปลกใจที่เห็นนางตัวเล็กวิ่งลงมา แต่พอนางเริ่มลงมือทาดินสีแดงให้ เค้าก็นึกไปว่านี่คงเป็นพิธีกรรมอะไรบางอย่างของนาง เพราะชนชาวเผ่าก็ชอบพรางตัวด้วยดินโคลนสีต่างๆอยู่แล้ว จึงไม่นึกสงสัยอะไร
พริบตาเดียวบุรุษชนเผ่าอูก้ากลายเป็นตัวประหลาดสีแดง พี่หมีไล่ให้ตัวเมียของตนกลับเข้าถ้ำไป จากนั้นแฝงตัวรออยู่ในที่ซ่อน มั่นใจว่าอย่างไรพวกคุโมโม่ต้องบุกเข้ามาวันนี้แน่ๆ
แล้วก็จริงดังคาด!
ตะวันยังมิทันลับฟ้า เสียงฝีเท้าแผ่วเบาก็ดังสวบสาบอยู่ที่ชายป่าด้านหนึ่ง หัวหน้าเผ่าคุโมโม่ไม่มีเหตุผลที่จะซุ่มโจมตี เค้าเพียงคิดใช้กำลังที่เหนือกว่าฝ่าเข้าไป ดังนั้นจึงไม่รอให้มืด หวังอาศัยแสงจากดวงอาทิตย์ บุกเข้ายึดชนเผ่าให้ได้ก่อนแสงสว่างจะหมดลง
นี่เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง ภายหลังคนหัวเสือต้องนึกเสียใจ เพราะเค้าเห็นแนวกองไม้ที่สุมอยู่ก็เข้าใจว่าเจ้าหมีดำตายแล้ว พวกที่เหลือจึงตั้งแนวป้องกันฐานที่มั่นสุดท้ายไว้ ซึ่งก็คือถ้ำที่อยู่บนโนนสูงด้านบนนั่นเอง
ถ้ำแห่งนี้เมื่อก่อนเป็นของชาวเผ่ากินคนเผ่าหนึ่ง ในบริเวณทั้งหมด ดินแดนน้ำตกหัวกะโหลดอุดมสมบูรณ์ที่สุด ทั้งยังเหมาะก่อตั้งชนเผ่ามาก ดังนั้นจึงมีการสู้รบแย่งชิงอยู่เป็นประจำ
ชนเผ่าคุโมโม่มีอาวุธเด็ดคือลูกดอก พวกเค้าเป่าได้ไกลและแม่นมาก แต่ตอนนี้ทางขึ้นเนินกับกลายเป็นที่โล่งกว้าง หากจะบุกเข้าไปก็ต้องเปิดเผยตัวตน ไม่มีที่ให้ซ่อนซุ่มโจมตีได้ จึงจำต้องเปลี่ยนมาใช้หอกและกระบองแทน
นี่เป็นความตั้งใจของพี่หมี กระโจมในหมู่บ้านทั้งหมดพอถูกรื้อถอนออกพื้นดินก็กลายเป็นโล่งเตียน ไม่ว่าศัตรูจะบุกเข้ามายามเช้าหรือยามค่ำ ก็ต้องเผยร่องรอยตนเองอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
คนหัวเสือมองไม่เห็นศัตรูซักคน แต่เค้ามั่นใจว่าเจ้าพวกนั้นต้องหลบอยู่หลังกองไม้ หลายปีที่ผ่านมาเค้าฝันมาตลอดว่าจะยึดครองที่นี่ ดังนั้นจึงตัดสินใจเด็ดขาด สั่งทุกคนให้โถมบุกเข้าไปต่อสู้จนตัวตาย
เสียงเฮโลดังสนั่นหวั่นไหว ว่านลุ่ยที่อยู่บนชะง่อนหินได้ยินก็ไม่รอช้า นางดันรถเข็นคันเล็กของตนออกจากเพิงพักที่สร้างไว้ข้างๆ พี่สาวน้องสาวที่เหลือแม้จะไม่เข้าใจ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายลากจูงอย่างเอาเป็นเอาตาย ทุกคนก็เข้ามาร่วมแรงร่วมใจช่วยกันดันสิ่งของประหลาดออกมา…
***
ด้านล่าง พี่หมีและคนอื่นๆซุ่มอยู่หลังกองไม้ พวกเค้าได้ยินเสียฝีเท้าจำนานมากพุ่งเข้ามาก็ไม่เคลื่อนไหว เนื่องจากวางสิ่งกีดขวางไว้มาก นักรบของคุโมโม่จึงไม่สามารถข้ามมาได้ทีเดียวพร้อมๆกัน
“ฮูวววฮู่วววอูก้าอูก้า!!!” ราวกับนักเลงหัวไม้ถือกระบองหินวิ่งไล่หวด คนหัวเสือยามนี้ทุ่มสุดตัวแล้ว!
หัวหน้าเผ่าคุโมโม่ไม่กลัวตายซักนิด เค้าวิ่งนำหน้านักรบของตนปีนข้ามกองไม้ แล้วก็จริงดังคาด เพราะด้านหลังนั่นเต็มไปด้วยเจ้าพวกอูก้า ที่ตอนนี้ทาโคลนจนกลายเป็นตัวประหลาดสีแดง
เสียงตุบตับเริ่มดังขึ้น พร้อมๆกับเสียงโหยหวน ทั้งสองฝ่ายเริ่มทุบตีกันจนมั่ว แต่ก่อนที่คนหัวเสือจะได้ใจไปมากกว่านี้ เค้าก็ต้องตกใจแทบฉี่ราด เมื่อหมีสีแดงพุ่งออกมาจากกองไม้ข้างๆ หวดกระบองหินใส่นักรบของตนรวดเดียว กระเด็นสิ้นใจไปสามคน!
พี่เสือร่ำร้องในใจว่าบัดซบแล้ว เจ้าหมีดำไฉนยังไม่ตาย ตอนนี้กับกลายเป็นหมีแดง ทั้งยังถือโล่สีดำกระแทกนักรบของตนไปเรื่อย เหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวาจนพวกของตนกระเด็นกระดอน
หากแต่เมื่อขึ้นหลังเสือไหนเลยลงได้ เค้าส่งสัญญาณให้ลูกสมุนที่เหลือบุกฝ่าเข้าไป ตนเองก็เรียกมือดีของเผ่าอีกสิบกว่าคนให้ติดตามมา รุมล้อมเจ้าหมีเอาไว้ ใช้หอกหินช่วยกันทิ่มแทงจากระยะกลาง
พี่หมีต้องต่อสู้ด้วยความยากลำบาก เค้าถูกหอกยาวแทงใส่ทุกทิศทุกทาง แต่ก็ยังใช้โล่ดันจนเข้าประชิดตัวนักรบคุโมโม่ได้หลายคน ทุบกระบองหินเข้าใส่ที่ต้นขา จนพวกศัตรูต้องล้มลงไปเกลือกกลิ้ง ร่ำร้องโหยหวนคนแล้วคนเล่า เป็นตายไม่ยอมให้พวกหัวเสือบุกขึ้นเนินด้านหลังได้ง่ายๆ
***
“ฟิ้ววว!” กระแสลมปริศนาเฉียดผ่านราวกับมีอะไรบางอย่างแหวกอากาศแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้ตัว...
นักรบคุโมโม่ล้มลงคนหนึ่ง แต่ก็หาได้มีใครสนใจไม่ ทุกคนยังคงตั้งหน้าตั้งตาบุกทุบตี โดยไม่ทราบว่าเพียงครู่เดียวสหายที่อยู่ข้างๆก็ล้มลงไปอีกคน!
“ฟิ้ววว!” เสียงแหวกอากาศพุ่งเข้าใส่อีกหลายครั้ง จึงมีใครบางคนเริ่มรู้สึกตัว เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองตามทิศทางเสียง แต่ก็ไม่ทันการ เพราะหอกไม้เล็กๆพุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็ว ปักเข้าใส่กลางอก จมหายเข้าไปในเลือดเนื้อ จนเค้ากระเด็นไปเกือบสองวา
พวกพี่หมีก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เค้าเริ่มเห็นแล้ว จู่ๆนักรบคุโมโม่ก็ล้มลงไปทีละคนสองคน แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เกิดเสียงดัง “ฟิ้ววว!” จากนั้นผู้ที่อยู่ข้างๆคนหัวเสือก็หงายท้องล้มตึงไป
“อูก้าอูก้า อู อู อู”!!!
เสียงคำรามราวกับป่าแตก นักรบคุโมโม่ทราบว่าตนถูกซุ่มโจมตีแล้ว ตอนนี้มีใครบางคนใช้หอกซัด พุ่งเข้าใส่พวกตนจากที่ไกลเมื่อเสียงแหวกอากาศทะยานเข้ามาอีกครั้ง แม้แต่พวกพี่หมีก็ยังต้องหันไปทางเดียวกัน
“ฟิ้ววว!ฉึก!” เสียงทะลวงของหัวศรปักเข้าไปในหนังเนื้อ ว่านลุ่ยยิ่งยิงยิ่งแม่น บนชะง่อนหิน นางยืนอยู่ด้านหลังรถเข็นไม้ มือกำลังควบคุมทิศทางสิ่งของบางอย่างเพื่อเล็งเป้า หากมองจากด้านล่างยังไม่สามารถระบุได้ว่าเจ้าสิ่งนั้นคืออะไร
เสียงเฮโลดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อนักรบเผ่าอูก้าทราบว่าหอกเล็กที่ซัดมาอยู่ทางฝั่งของตน ภายใต้เสียงคำรามพี่หมี ทุกคนบุกเข้าใส่พวกคุโมโม่อย่างไม่คิดชีวิต ต่อสู้ตะลุมบอนโดยมิให้อีกฝ่ายหยุดพักและตั้งตัว!
คนหัวเสือตื่นตระหนกตกใจแล้วจริงๆ เค้าไม่เคยเห็นผู้ไดซัดหอกไม้ได้ไกลขนาดนี้ อดแปลกใจมิได้ว่านอกจากเจ้าหมีดำ ในชนเผ่าอูก้ายังมีนักรบที่ร้ายกาจซุกซ่อนอีกหรือ จำต้องทอดสายตามองขึ้นไปบนโนนสูงด้วยความสิ้นหวัง ส่งสัญญาณล่าถอยให้กับเหล่านักรบของตนเอง…
***
บนชะง่อนหินของว่านลุ่ย หากแม่ทัพซักคนของต้าเว่ยมาพบเห็นนางในตอนนี้ เค้าคงต้องชูนิ้วชมเชยให้ ไม่เสียแรงที่มาจากดินแดนอารยะ กับสร้างหน้าไม้ป้องกันเมืองขนาดใหญ่ได้ ทั้งยังดัดแปลงให้ติดบนรถเข็นไม้ หมุนโจมตีได้รอบทุกทิศทาง!
“ฟิ้ววว!” ทันทีที่เสียงดังขึ้น ก็มีคนป่าล้มลงอีกคน
บนรถเข็น หน้าไม้ขงเบ้งขนาดใหญ่ ว่านลุ่ยติดตั้งกระบอกบรรจุเกาทัณฑ์ยาวได้ถึงหกดอกทุกครั้งที่นางสับคันโยกกลไก เกาทัณฑ์ยาวเกือบวาก็พุ่งออกจากรางไม้ แม้จะโดนศัตรูบ้างไม่โดนบ้าง แต่ด้วยความเร็วของการยิง นางก็ล้มข้าศึกได้สิบกว่าคนในเวลาอันรวดเร็ว
ว่านลุ่ยมิได้โง่เขลา นางทราบแต่แรกว่าชนชาวป่าแถบนี้ไม่รู้จักการใช้ธนู เพราะหากพวกเค้ารู้คงไม่ใช้หอกหินในการล่า ทั้งยังไม่ปรากฏให้พบเห็นเลยซักครั้ง ดังนั้นสรุปได้อย่างเดียวคือพวกเค้าคงไม่ฉลาดมากพอ
อย่าว่าแต่ธนูยังแบ่งออกเป็นหลายชนิด กิจการค้าขายตระกูลนางยังครอบคลุมถึงสิ่งนี้ด้วย นางรู้ถึงความร้ายกาจของมันแค่ไหน การจะสร้างธนูที่ยิงได้รุนแรงซักอัน จึงง่ายดายสำหรับนางมาก
เพียงแต่ว่านลุ่ยมีสิ่งหนึ่งที่ขบคิดไม่เข้าใจ ตอนนี้นางอยู่ในดินแดนอะไรกันแน่ แม้แต่ยุคชุนชิวยังไม่ด้อยพัฒนาขนาดนี้ แล้วไฉนจุดที่นางขึ้นฝั่งแม้แต่อาวุธอย่างธนูผู้คนก็ยังไม่รู้จักใช้ นางเคยคิดคำนานระยะเดินทางหลายรอบ หากจำไม่ผิดตนออกเรือมาได้เดือนกว่า ขณะตกเรือสมควรอยู่ไม่ไกลจากหมูเกาะลังกา ต่อให้พวกเค้าด้อยพัฒนากว่านี้ ยังไงก็ต้องรู้จักถักทอเสื้อผ้า และใช้สอยธนูอย่างแน่นอน
นอกพื้นที่ต่อสู้ ชายป่าแถบหนึ่ง นักรบชนเผ่าอากูห้าคนถูกส่งมาเป็นหน่วยสืบข่าว พวกเค้าวิ่งสุดฝีเท้าทั้งวันทั้งคืน จนกระทั่งไล่ตามพวกคุโมโม่ทัน ขณะเฝ้าสังเกตการต่อสู้ พวกเค้าก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อเห็นคนหัวเสือถูกลูกสมุนแบกวิ่งล่าถอยหนีตาย
ทั้งห้าเห็นหมีสีแดงกับพวกวิ่งไล่นักรบชนเผ่าคุโมโม่อย่างบ้าคลั่ง เนื่องจากอยู่ห่างเกินไปจึงไม่รู้ว่าพื้นที่ต่อสู้มีการซุ่มยิงจากระยะไกล พวกเค้าเพียงคิดไปว่าเจ้าหมีดำยังไม่ตาย ทั้งตอนนี้ยังกลายเป็นหมีแดง ไล่ทุบศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าจนล่าถอย คนที่วิ่งไม่ทันก็ถูกเค้าใช้โล่สีดำฟาด บุกตะลุยไล่หลังพวกนั้นมาติดๆ ไม่ยอมให้คนทั้งหมดได้หยุดพักหายใจ!
***
หลายวันต่อมา
“อูก้าอูก้า อู อู อู” !!!
“กาอู กา กาอู อูก้าอูก้า” !!!
“อู อู ก้าอูก้าอูก้าอู กา กา อู อู อู” !!! “…”
นี่เป็นคำกล่าวของชนชาวป่าทั้งแปดเผ่าโดยรอบ หลายวันมานี้ข่าวการปะทะของเผ่าคุโมโม่กับอูก้าโด่งดังมาก ฟังว่าเจ้าหมีดำถูกลูกดอกพิษกบภูเขาแล้วไม่ตาย ทั้งยังกลายร่างเป็นหมีแดงไล่ทุบหัวหน้าเผ่าคุโมโม่จนบาดเจ็บสาหัส สังหารนักรบอีกฝ่ายด้วยตัวคนเดียวอีกหลายสิบคน เรื่องนี้มีคนของเผ่าอากูเห็นมากับตา!
พอเรื่องราวเข้าหูหัวหน้าเผ่าที่เหลือ ปกติพี่หมีก็น่ากลัวและโด่งดังมากอยู่แล้ว ยามนี้ยังมีผู้ยืนยันหลายเสียง พวกเค้าต้องลอบปาดเหงื่อ คิดในใจว่าหากพวกอูก้าบุกมายึดดินแดนพวกตนจะเอาตัวรอดได้ยังไง “…”
จบเล่ม 1
(โปรดติดตามเล่มต่อไป)
