อุ้มรักองค์ชายรอง

107.0K · จบแล้ว
เทียนเหอ
88
บท
9.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

‘เหม่ยฟาง’ โฉมงามแห่งแดนใต้จำต้องฝืนดวงชะตาไร้คู่ รับหน้าที่อุ้มรักให้ ‘หวังจื่อเทียน’ เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของพี่สาวและบ้านต้าหวัง ทว่าเสน่ห์อันเหลือล้นมิอาจล่อลวงองค์ชายผู้ทรงศีลให้เพลี่ยงพล้ำได้ แผนการหยอกเย้าปลุกปั่นองค์ชายรองจึงเริ่มขึ้น โดยมีหัวใจเป็นเดิมพัน! “ข้าเคยได้ยินมาว่า ห้ามร่วมรักขณะตั้งครรภ์มิใช่หรือ” เหม่ยฟางเอ่ยคำถามที่ทำเอาคนฟังทำแทบจะเสียกิริยา สำลักเสียงหัวเราะของตนเอง นางมองหน้าหวังจื่อเทียนด้วยไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงหัวเราะได้นานขนาดนี้ นางทวนคำพูดของตนเองอีกครั้งและไม่พบว่ามีคำไหนน่าขันพอที่จะทำให้หัวเราะได้ “เจ้าจะตั้งครรภ์ได้อย่างไรเหม่ยฟาง เราเพิ่งร่วมรักกันไปเพียงคืนเดียวเท่านั้น” องค์ชายรองฝืนตัวเองให้หยุดหัวเราะกับความใจผิดอย่างมหันต์ในครั้งนี้ เขารู้สึกราวว่าตนเองกำลังจะกลายเป็นคนไร้สติ ก่อนหน้านี้เขาผิดหวังจนแทบไม่อาจควบคุมตนเองได้ แต่ยามนี้กลับต้องหลั่งน้ำตาอย่างขบขับเพราะความไร้เดียงสาของนาง “เช่นนั้นเราต้องทำแบบเมื่อคืนอีกใช่หรือไม่” เหม่ยฟางเอ่ยถามอย่างคนไร้ประสบการณ์ นึกโกรธตนเองที่ไม่เคยศึกษาเรื่องประเภทนี้มาก่อน ทว่าโชคดีที่หวังจื่อเทียนมีประสบการณ์เรื่องนี้อยู่บ้าง นางจึงสอบถามเอาข้อมูลจากเขาโดยไม่ต้องเสียเวลาค้นคว้าอีก “ใช่แล้ว เราต้องร่วมรักกันทุกคืนวันจึงจะได้ผล” องค์ชายรองได้ยินคำพูดของตนเองก็ก่อให้เกิดอารมณ์ปั่นป่วน พลางนึกขอบคุณเหม่ยฟางที่ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น นางมิอาจเปิดเผยความรู้สึกของตน แต่ทว่าก็มิอาจซ่อนมันไว้ได้เช่นกัน หวังจื่อเทียนพอใจกับความคิดนี้และเลือกปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติ “ข้ามิได้รักท่าน แล้วจะเรียกว่าร่วมรักได้อย่างไรกัน” เหม่ยฟางถามเขาโดยไม่ยอมสบตา ทว่าใบหูนั้นแดงจัดราวกับลูกไม้ป่าประเภทหนึ่ง หวังจื่อเทียนพยายามนึกหาคำที่มีความหมายใกล้เคียงอย่างระมัดระวัง แต่กลับพบว่าตนไม่กล้าเอ่ยคำเหล่านั้นให้นางฟัง “คำที่มีความหมายใกล้เคียงก็มีอยู่บ้าง ทว่าค่อนข้างหยาบคายไม่เสนาะหู คำว่าร่วมรักนั้นเหมาะสมดีแล้ว เพราะถึงเจ้าไม่ได้รักข้า แต่ข้าไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกับเจ้าเสียหน่อย” องค์ชายรองหว่านเสน่ห์โดยไม่รู้ตัว เหม่ยฟางเองฉลาดมากพอที่จะตีความหมายที่ซ่อนอยู่ จึงทำได้แค่เพียงหลบสายตาซ่อนความอายอยู่เช่นนั้น “เช่นนั้นเราร่วมรักกันคืนนี้ดีหรือไม่”

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณนิยายรักแม่ทัพฮ่องเต้อุ้มบุญจีนโบราณนิยายย้อนยุคผู้ชายอบอุ่นฟินๆ

บทที่ 1

เสียงวิ่งสวบสาบผ่านพงหญ้าบนภูเขาสูงดังขึ้น ราวกับว่ามีใครคนหนึ่งกำลังหนีตายจากอะไรสักอย่าง ความรีบร้อนทำให้ร่างที่นอนทอดกายพักผ่อนถึงกับต้องลุกขึ้นยืน ชะเง้อมองหาแหล่งที่มาของเสียงรบกวนนั้น เขาหงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วที่ถูกบังคับให้เดินทางมายังเมืองเล็กๆ แห่งนี้

องค์ชายหวังจื่อเทียน ลอบหนีออกจากกระโจมที่ประทับแต่เพียงลำพังเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว การเดินทางที่ผ่านมาค่อนข้างยากลำบากและปราศจากความสะดวกสบาย นางกำนัลเพียงสองคนไม่สามารถทำอะไรให้เขาได้ทันใจนัก แม้จะใช้เวลาเพียงแค่สิบวัน ทว่านั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาขุ่นเคืองใจได้อย่างมาก ด้วยรอบตัวนั้นมีเพียงป่าเขาและแม่น้ำลำธาร แตกต่างจากเมืองหลวงที่ต้องจากมาเมื่อหลายวันก่อนโดยสิ้นเชิง

ชายหนุ่มอยู่ในวัยฉกรรจ์ ด้วยความสูงที่มากกว่ามาตรฐานอยู่เกือบศอกและอกที่ผายกว้าง ทำให้หวังจื่อเทียนดูน่าเกรงขามเกินกว่าวัยเพียงยี่สิบปีของเขา ในที่สุดดวงตาเรียวยาวน่าค้นหาก็พบต้นตอของเสียงกวนใจ เพียงเสี้ยววินาทีวงแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็คว้าเอาตัวปัญหาที่ทำให้ทุ่งหญ้าแตกตื่นมาอยู่ในอ้อมกอดได้ไม่ยากนัก

เนื้อตัวนุ่มนิ่มจริงเชียว...

“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ เจ้าตัวร้าย!”

เจ้าของร่างเล็กที่สูงไม่เกินไปกว่าอกของเขาทั้งดิ้นและตะโกนเสียงดัง ทำเอาหวังจื่อเทียนถึงกับอ้าปากค้าง เนื่องด้วยไม่เคยมีผู้ใดเอ่ยวาจาหยาบคายต่อหน้าเขาเช่นนี้มาก่อน ในใจอยากจะจัดการลงโทษสั่งเฆี่ยนตีเสียให้เด็ดขาด

แต่เมื่อเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มก็จำต้องใจอ่อนอย่างช่วยไม่ได้ หนุ่มน้อยเจ้าของดวงตากลมโตหวานซึ้งกำลังจ้องมองชายแปลกหน้าอย่างตื่นตระหนก

“เลิกมองข้าได้แล้วเจ้าทหารทึ่ม ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้!”

เหม่ยฟาง เจ้าของดวงตาคู่สวยอย่างน่าประหลาดยังคงโวยวายไม่เลิก ร่างเล็กพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดหอมกรุ่นของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า หัวใจของนางเต้นแรงราวกับตีกลองศึก จิตใต้สำนึกระลึกถึงคำสอนของท่านเสนาบดีแห่ง บ้านต้าหวัง ชายชราคงจะตำหนิยกใหญ่ หากทราบว่าคุณหนูเล็กกำลังตกอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษเพศ

“ข้าปล่อยเจ้าก็ได้ สกปรกเลอะเทอะเช่นนี้ใครจะอยากถูกเนื้อต้องตัว ที่ต้องคว้าไว้ก็เพราะกลัวจะหกล้มเป็นอะไรไปก็เท่านั้น ทว่าล้มไปก็คงไม่เป็นไร เพราะเด็กผู้ชายเจ็บตัวร้องไห้เพียงแค่พริบตาเดียวก็เพียงพอแล้ว ไม่ได้อ่อนแอเฉกเช่นเด็กผู้หญิง”

องค์ชายรองปล่อยตัวเหม่ยฟางด้วยความเต็มใจ เพราะคนตรงหน้าก็ไม่ได้ตัวเบาสักเท่าไหร่นัก อาจเป็นเพราะชุดเทอะทะที่สวมใส่อยู่ทำให้ร่างผอมบางนั้นมีน้ำหนักมากกว่าปกติ ใบหน้าแดงก่ำของเด็กหนุ่มทำให้เขารู้สึกขบขันปนเอ็นดู

“ขอบใจท่านมาก หากเป็นยามปกติคงจะได้มีเวลาตอบแทนที่ท่านช่วยเหลือมิให้ข้าหกล้ม แต่ตอนนี้คงต้องขอตัวไปส่งข่าวให้คุณหนูทราบก่อน ว่าขบวนของฝ่าบาทใกล้จะมาถึงแล้ว คุณหนูจะได้เตรียมตัวให้ทันการ”

เหม่ยฟางพยายามปัดฝุ่นและเศษใบไม้ออกจากเสื้อผ้าของนาง องค์ชายรูปงามมองอยู่ถึงกับทนไม่ไหว ต้องใช้ผ้าผืนเล็กปัดแก้มมอมแมมของคนตรงหน้าอย่างนึกเอ็นดู

“ดูสิ เปรอะเปื้อนไปหมดแล้ว บ้านต้าหวังเลี้ยงดูคนรับใช้เช่นนี้เป็นที่น่าขบขันนัก” องค์ชายรองยังคงบ่นพลางถอนหายใจ เขาดื้อดึงหนีออกมาจากที่ประทับชั่วคราวหลังจากทราบถึงเป้าหมายของการเดินทาง

ถึงแม้เหล่าทหารจะทัดทานอย่างไรก็ไม่สนใจฟัง เมื่อตาคู่เรียวสวยมองเห็นผ้าผืนนั้นดูสกปรกซอมซ่อ จึงตัดสินใจยัดมันเข้าไปในมือของเด็กหนุ่ม ในใจลืมเสียสิ้นว่าเพิ่งจะได้รับพระราชทานมาจากพระบิดา

“นี่ท่านรับผ้ากลับไปเลยนะ ข้ารับไว้มิได้จริงๆ หากนำกลับไปที่บ้านต้าหวัง ต้องถูกลงโทษหนักเป็นแน่”

เหม่ยฟางกล่าวเสียงสั่น เพราะนางกำลังรับของจากชายแปลกหน้า หนุ่มร่างสูงจากเมืองหลวงคงไม่ทราบว่านางเป็นใคร หรือมีฐานะอะไรในบ้านต้าหวัง

“รับไว้เถิด ข้ามีอีกเยอะ มิเช่นนั้นก็จงโยนทิ้งไปเสีย หรือจะเอาไปทำลายที่ไหนก็ตามแต่ ส่วนข้าคงต้องไปก่อน เพราะขบวนเสด็จน่าจะใกล้ถึงบ้านต้าหวังแล้ว เจ้าเองก็ควรรีบกลับไปแจ้งให้คุณหนูทราบเช่นกัน”

องค์ชายยักคิ้วชอบใจเมื่อเห็นเด็กหนุ่มมีสีหน้าค่อนข้างกระอักกระอ่วน ไม่บ่อยนักที่เขาจะรู้สึกผ่อนคลายจนเผลอตัวเผยรอยยิ้มเช่นนี้