CHAPTER 6 ไปให้ไกลจากเขา
คิรินทร์หยุดปลายปากกากลางอากาศเมื่อมุมสายตาเห็นซองสีครีมถูกวางแนบเอกสารรายงานประจำวัน เขาดึงมันขึ้นมาดูอย่างไม่ใส่ใจ แต่ทันทีที่อ่านตัวอักษรบนหน้าซอง ดวงตาคมของเขาก็แข็งทื่อ
ใบหน้าของเขาเคร่งเครียดทันที ความรู้สึกบางอย่างแล่นวาบขึ้นในอกอย่างควบคุมไม่อยู่ เขากดปุ่มโทรศัพท์ภายในทันที
“ครับท่านประธาน”
“ไปตามไข่มุกมาพบฉันเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงท่านประธานเย็นเฉียบและกดต่ำจนคนฟังกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
“เอ่อ น้องมุกไม่ได้มาทำงานสามวันแล้วครับ และเธอยื่นใบลาออกเรียบร้อยแล้ว ผมไม่เข้าใจว่ามีปัญหาอะไรถึงได้ดูรีบขนาดนั้น” ศิวกรนิ่งไปเล็กน้อยก่อนตอบเสียงเบา
ห้องทำงานเงียบกริบอยู่หนึ่งวินาทีก่อนเสียงปากกาถูกปาใส่โต๊ะดัง
เพล้ง!
“ลาออกเป็นเด็กสามขวบหรือไง! อยากจะออกก็ออกเหรอ!” เขาขบกรามแน่นอย่างเดือดดาล มือของเขากำซองเอกสารแน่นจนมันยับย่นไปหมด ดวงตาคมที่เคยนิ่งเฉยแฝงด้วยความหงุดหงิดผิดปกติ และตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจ
“ท่านประธานครับ”
“ฉันไม่อนุมัติ! ถ้าพรุ่งนี้ฉันไม่เห็นหน้าเตรียมตัวหาเงินมาจ่ายค่าปรับได้เลย”
“แต่น้องมุกปิดเครื่องโทรศัพท์ผมติดต่อไม่ได้เหมือนกันครับ” ลูกน้องก็จนปัญญาแล้วเหมือนกัน
ชายหนุ่มเงียบและกดวางสายทันที หญิงสาวมีปัญหาอะไรทำไมถึงไม่บอกเขา ทำงานกับเขามาตั้งสามปีไม่เคยมีปัญหาอะไร เขาลุกขึ้นคว้าสูทพาดแขนอย่างแรงจนไม้แขวนกระแทกตู้ดัง
ซอยแคบๆ เงียบสงบไข่มุกยืนอยู่หน้าหอพักเก่าๆ ที่เธออาศัยมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ผนังสีเก่ามีร่องรอยร้าวเล็กๆ แต่กลับอบอุ่นในสายตาเธอ เพราะที่นี่เป็นเหมือนบ้านหลังเล็กๆ ของเธอ
“หนูมุกจะไปจริงๆ เหรอ ป้าใจหาย” ป้าเจ้าของหอพักยืนมองไข่มุกด้วยสายตาเป็นห่วง
“มุกมีปัญหานิดหน่อยค่ะ เรื่องส่วนตัวนิดหน่อย” ไข่มุกยิ้มบางๆ แม้ใจจะปวดไปทั้งอก
“หน้าที่การงานก็เรียบร้อยดีนะ” ป้าพยักหน้า ทำหน้าตาเศร้าใจ
“มุกคิดดีแล้วค่ะ” เธอก้มหน้าพลางพยายามเก็บความรู้สึก
“ไข่มุก” เสียงเรียกชื่อดังชัดเจนเธอสะดุ้ง เธอเงยหน้ามองไปยังถนนแคบๆ อย่างตกใจ ใจเต้นแรงจนแทบจะหยุดเมื่อเห็นท่านประธานหยุดอยู่ตรงหน้า
“แฟนเหรอหนูมุกหล่อเชียว”
“ไม่ใช่ค่ะ” เธอรีบปฏิเสธทันที
“ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ” คิรินทร์จ้องหญิงสาวไม่วางตา
“มุกขอตัวก่อนนะคะป้า” เธอเดินนำเขาออกมาจากบริเวณหอพัก จนมาถึงสวนสาธารณะหน้าซอยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับเขา
“คุณคิรินทร์มีอะไรเหรอคะ ขอโทษที่เรียกแบบนี้เพราะคุณไม่ใช่เจ้านายของมุกแล้ว”
“คุณเป็นเด็กหรือไง ไม่อยากทำงานก็ลาออกแล้วหายไปเลย แล้วงานล่ะใครจะรับผิดชอบทำแบบนี้บริษัทเสียหายผมฟ้องคุณได้เลยน่ะ” คิรินทร์ยืนกอดอกจ้องหน้าหญิงสาวด้วยสายตาคมกริบ
“...” เธอกัดริมฝีปากแน่นไม่มีคำตอบ
“เงียบทำไมหรือผมให้เงินเดือนคุณน้อยไป แต่คุณฉลาดน้อยไปหน่อยนะไปทำงานที่อื่นเขาจะให้เงินเดือนเยอะกว่าผมไหม”
“ถ้าคุณจะฟ้องก็แล้วแต่คุณค่ะ” น้ำเสียงเธอสั่นเล็กน้อย แต่เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวที่พยายามสร้างกำแพงให้ตัวเอง
“คุณมีอะไรทำไมไม่บอก หรือใครทำอะไรคุณบอกผมมาสิ” น้ำเสียงเขาแม้ฟังดูเรียบๆ แต่กลับเต็มไปด้วยแรงกดดัน
“มุกไม่ได้มีปัญหาอะไรกับงานค่ะ ที่ผ่านขอบคุณมากที่ให้โอกาสเด็กจบใหม่เข้าทำงาน”
“คุณอยากเรียกเงินเดือนเพิ่มใช่ไหมถึงได้เรียกร้องความสนใจแบบนี้ บริษัทขาดคุณไปก็ไม่เป็นอะไรหรอก” เขาเลิกคิ้วสูง น้ำเสียงแฝงความหงุดหงิด
“พูดจบแล้วใช่ไหมคะมุกขอตัวก่อน” เธอพยายามไม่ให้เขาเห็นน้ำตาที่แทบจะคลออยู่
คิรินทร์หมุนตัวตามไข่มุกทันทีเมื่อเธอพยายามก้าวถอยออกไปเพียงไม่กี่ก้าวมือของเขาก็คว้าข้อมือเธอไว้แน่นแรงจับไม่รุนแรงเกินไป แต่ก็แน่นพอให้เธอหยุดชะงัก
“คุณกำลังใจร้อนผมจะไม่เร่งรัดเอาคำตอบ ถ้าคุณสบายใจขึ้นก็กลับมาทำงานที่ผ่านมาผมจะไม่พูดถึงมันอีก” เขาจ้องเธออยู่นานหัวใจเขาเริ่มเต้นแรงผิดปกติ
“มุกขอตัวก่อน” ลาก่อนเธอเอ่ยประโยคนี้ในใจนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้เจอหน้าเขา
เขายืนอยู่กลางห้องทำงาน มือกำแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้น สายตาคมกริบเหมือนกำลังสแกนหาคนที่หายไป เขาให้เวลาอีกฝ่ายครบหนึ่งสัปดาห์แต่ก็ยังไม่ยอมกลับมาทำงาน
“ตามไข่มุกมาที่นี่ผมต้องคุยกับเธอ!” เขาส่งคำสั่งเสียงเข้ม
ครึ่งชั่วโมงต่อมาลูกน้องรีบวิ่งมารายงาน พวกเราต่างสงสัยว่าท่านประธานดูเป็นห่วงอดีตผู้ช่วยเลขาจัง ที่ผ่านมาชอบต่อว่าหญิงสาวไม่พัก
“ท่านประธานครับ คุณไข่มุกย้ายออกจากห้องพักแล้วครับ”
คำพูดนั้นเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจคิรินทร์ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเข้มขรึมจนเกือบขาวซีด มือที่กำแน่นสะท้านไปทั้งแขน ความหงุดหงิดและความโกรธทะลักขึ้นจนเกือบสูญสติ
“ย้ายออก? เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกโทรศัพท์ปิดเครื่องหนี” เสียงเขาดังก้องไปทั่วห้อง ทำให้พนักงานทุกคนที่กำลังนั่งประชุมเงียบสนิท ไม่มีใครกล้ามองหน้า เขาทุกคนต่างทราบดีว่าถ้าโดนเขาโกรธผลลัพธ์จะไม่ดีแน่
“ออกไปให้หมด!” เสียงคำสั่งดังขึ้นอย่างเด็ดขาด
พนักงานทุกคนรีบทำตามทันที ก้าวขาออกจากห้องด้วยความระมัดระวัง เพราะทุกคนรู้ดีว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะต้องเจอกับพายุแห่งความโกรธ
“ท่านประธาน” เดวิดไม่เคยเห็นเจ้านายเป็นแบบนี้มาก่อน
“ออกไป”
“ครับ”
เมื่อประตูปิดลงความเงียบเข้าปกคลุมห้อง เหลือเพียงคิรินทร์กับความคิดเดือดพล่านในใจ ทุกอย่างปะทุรวมกันจนเขาแทบจะระเบิดออกมา
เขานั่งอยู่มุมมืดของไนต์คลับแก้ววิสกี้ในมือสะท้อนแสงนีออนระยิบระยับ เขามองไปยังเหล่าฝูงชนพลางพึมพำคนเดียว
“มึงเป็นอะไรอกหักจากลิต้าหรือไง?” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นข้างหู
เขาหันไปมองแอรีส เพื่อนสนิทที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ
“แอรีสกลับมาตอนไหนวะ” น้ำเสียงแฝงความประหลาดใจ
“สามวันได้” แอรีสพยักหน้าก่อนหย่อนตัวลงข้างๆ คิรินทร์ดื่มหนักขนาดนี้หน้าจะมีเรื่องหนักใจไม่น้อย
“ลิต้ายอมถอนหมั้นแล้วนะ ทำไมต้องมานั่งเศร้าแบบนี้วะ”
“ผู้ช่วยลาออกไป” เขาพูดสั้นๆ เสียงเรียบ แต่ดวงตาเข้มเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
“แล้วไงล่ะ?” แอรีสเลิกคิ้ว มองเพื่อนด้วยความสงสัย
“เธอย้ายออกไปแล้วติดต่อไม่ได้อีก” คำตอบฟังดูนิ่ง แต่ความจริงความหงุดหงิดและความว่างเปล่ากำลังไหลวนอยู่ในอก
“มึงชอบผู้ช่วยตัวเองเหรอ?” แอรีสไม่รอช้า เจาะตรงประเด็นทันทีน้ำเสียงเขาหนักแน่น แต่แฝงความยียวน
“ไม่ชอบ! แค่ไม่ชิน” เขาตอบเสียงเข้มทันที
แม้ปากจะพูดปฏิเสธ แต่แววตาและมือที่กำแก้วแน่นกลับบอกอะไรบางอย่างที่เขาไม่กล้าเผชิญ
“แล้วมานั่งอกหักทำไมวะ?” แอรีสถามตรงๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย
คิรินทร์เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนเพียงแวบหนึ่งสายตาคมกริบกลับเปลี่ยนเป็นเหนื่อยล้า
“นั่นดิแค่ผู้หญิงคนเดียวไม่มีเธอโลกใบนี้คงไม่ถล่มลงมาหรอก” เขาพูดเสียงแผ่ว
คำพูดของเขาเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ลึกๆ แอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายคลายความเกร็ง แต่ในหัวใจกลับอัดแน่นด้วยความหงุดหงิดและความคิดถึง
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเดวิดกับศิวกรต้องเข้ามาแบกเขากลับห้อง เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองเห็นเจ้านายเมามายขนาดนี้ แววตาเศร้านั้นกลับสื่อถึงอะไรบางอย่างที่ทั้งสองไม่เคยเห็นมาก่อน
“ดูแลมันด้วย” แอรีสเดินมาส่งเพื่อนขึ้นรถที่ลานจอดวีไอพี เขายืนกอดอกนึกอยากเห็นผู้ช่วยของคิรินทร์แล้วสิ มีดีอะไรถึงทำให้เป็นถึงขนาดนี้
“ครับคุณแอรีส” เดวิดตอบรับอย่างเกรงใจ
“ไอ้บื้อชอบเขาแต่ไม่ยอมรับใจตัวเองเลยสักนิด” แววตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยใจ
เขาเห็นเพื่อนรักตัวเองกำลังพังไปกับความรู้สึกที่ไม่อาจยอมรับ และก็รู้ว่าคนตรงหน้าจะต้องเจ็บปวดอีกไม่น้อยกว่าจะยอมใจเปิดรับความจริง
“เมื่อสองเดือนก่อนคุณคินเผลอไปนอนกับใครก็ไม่รู้ ให้พวกผมตามหาผู้หญิงคนนั้น”
“มันหน้ามืดตามัวขนาดเลยเหรอ เกิดไปทำเขาท้องขึ้นมาจะทำยังไง” แอรีสเลิกคิ้ว มองเดวิดอย่างไม่อยากเชื่อ
“พวกผมพยายามตามหาแล้วครับกล้องเห็นแค่ด้านหลัง” เดวิดถอนหายใจพวกกลัวเรื่องเดียว กลัวว่าเจ้านายจะถูกแบล็กเมล์
