บทที่ ๗
ระหว่างที่ทุกคนนั่งดื่มกันพูดคุยสนุกสนานกัน ซึ่งแน่นอนว่านพจิราก็ผสมโรงด้วยเหมือนทุกครั้ง หากแต่จะมีเพียงอินทุอรคนเดียวที่คอยรอบสังเกตของเพื่อนรักอยู่
ทุกการกระทำมันเหมือนเดิมแต่มันแอบซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ มีหรือเพื่อนสนิทอย่างหล่อนจะดูไม่ออก แต่ไม่รู้เท่านั้นเองว่าอะไรคือสิ่งที่เพื่อนรักเก็บซ่อนเอาไว้
“ฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ”
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันสนุกสนาน นพจิราก็ขอตัวขึ้นมากลางคัน
“ให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหม” อินทุอรถามขึ้น
“ไม่ต้องหรอกวันนี้คนยังไม่เยอะ อีกอย่าวันนี้ฉันไม่เมา ไปคนเดียวได้”
คนขอตัวบอกพลางหัวเราะ
ปกติแล้วเวลามาเที่ยวกินดื่มแบบนี้ หญิงสาวมักเต็มที่ไม่มีกั๊ก จะไวน์ เหล้า เบียร์ สู้ไม่เคยถอย อย่างมากก็มีเพื่อนคุยเป็นโถชักโครกเวลากลับถึงห้อง ทว่าอาการเช่นนั้นก็มีให้เห็นน้อยมาก จะว่าเธอคอแข็งว่าได้
“เออ รีบไปรีบมาแล้วกัน ไม่ใช่มัวแต่ไปเดินอ่อยผู้อยู่”
“ก็ไม่แน่ ถ้าฉันหายไปนาน ๆ ก็ไปตามหาเอาแถว ๆ ห้องน้ำแล้วกัน”
พูดจบร่างเล็กก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินปลีกตัวไปยังห้องน้ำของไนต์คลับทันที
นพจิราหายไปพักใหญ่จนอินทุอรรู้สึกผิดสังเกต สายตาก็พยายามมองทางไปห้องน้ำด้วย
“ทำไมยายฟ้ามันไปนานจังวะเจ๊”
เธอรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา คนก็ยังไม่เยอะไม่น่าจะไปนานแบบนี้
“เออ นั่นสิเมาท์จนลืมไปเลยว่ายายฟ้าไม่อยู่”
“งั้นเดี๋ยวอินไปดูนางก่อน”
“อืม ดี ๆ ไปดูสินางแอบไปสอยผู้ที่โต๊ะไหนเผื่องานดีจะได้ตามไปสมทบ”
ชาช่างบอกพลางหัวเราะไปด้วย
ที่ชาช่าพูดถือเป็นเรื่องปกติเพราะทุกครั้งที่มาเที่ยวกันแบบนี้ พวกเธอมักได้เบอร์หนุ่ม ๆ ติดมือกลับไปด้วยเกือบทุกครั้ง โดยเฉพาะนพจิรา แต่ทุกครั้งก็จะจบแค่การพูดคุยกันเฉพาะคืนนั้น ไม่มีการสานต่อใด ๆ หรือแม้แต่จะไปต่อกันที่ไหนก็ไม่เคย
เห็นทีจะมีเพียงศิวัฒน์คนเดียวที่เธอยอมไปต่อจนเกินเลยในคืนนั้น
“ยายฟ้า!”
อินทุอรร้องเรียกชื่อเพื่อนรักเสียงหลงเลยทีเดียว เมื่อเห็นหญิงสาวนั่งดมยาอยู่ที่โซฟาภายในบริเวณห้องน้ำ โดยมีหญิงสูงวัยซึ่งประจำดูแลความเรียบร้อยนั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วย
“เกิดอะไรขึ้นคะป้า”
เธอรีบเข้าไปนั่งข้าง ๆ เพื่อนรัก พร้อมกับถามที่มาที่ไปกับหญิงสูงวัยทันที
“คุณเขาอาเจียนสอง-สามรอบ แล้วก็มานั่งตรงนี้ ป้าเห็นอาการไม่ค่อยดีเลยหายาดมให้ แต่คุณเขาบอกว่ามียาในกระเป๋า ป้าเลยถือวิสาสะหยิบยาในกระเป๋าให้คุณเขาค่ะ นี่ค่ะกระเป๋ายา ป้าว่าคุณเขาน่าจะไม่สบายนะคะ”
คุณป้าลำดับเหตุการณ์ พร้อมกับหยิบกระเป๋าใบเล็กที่เอาออกจากกระเป๋าสะพายส่งให้อินทุอร ก่อนค้อมศีรษะให้เป็นการขอโทษ ด้วยกลัวความผิดด้วยเพราะไม่รู้หรอกว่าพื้นฐานลูกค้าที่มาเที่ยว ณ สถานที่แห่งนี้เป็นอย่างไร ดีแสนดีก็เจอมาแล้ว ร้ายสุดติ่งก็มีมาหมด
“ขอบคุณป้ามาก ๆ เลยนะคะ ที่ช่วยดูแลเพื่อนหนูให้”
หญิงสาวบอกพลางรับกระเป๋าใบเล็กที่หญิงสูงวัยส่งให้เมื่อครู่
“ด้วยความยินดีค่ะ ป้าขอตัวก่อนนะคะ”
อินทุอรได้แต่พยักหน้ารับ แล้วก็หันมาให้ความสนใจเพื่อนรักที่ยังคงนั่งอ่อนแรงดมยาอยู่
“แกไม่สบายเหรอฟ้า”
“เมื่อกี้เดินผ่านผู้หญิงคนหนึ่ง กลิ่นน้ำหอมแรงมากเลยเวียนหัวนิดหน่อย”
นอกจากจะไม่ดื่มเหล้า แล้วยังจะเวียนหัวกับกลิ่นน้ำหอมอีก มันน่าแปลกไหมล่ะ น้ำหอมเป็นอีกหนึ่งอย่างที่นพจิราโปรดและขาดไม่ได้ เพราะมันคือความเป็นตัวตนของเธอเลยทีเดียว แต่วันนี้มาบอกว่าเวียนหัว
“เวียนหัวกับกลิ่นน้ำหอมเนี่ยนะ” น้ำเสียงฟังดูก็รู้ว่าคนถามไม่เชื่อ
“ใส่เยอะไปมั้ง”
“ปกติแกไม่เยอะเลย ใส่อย่างกับอาบนี่น้อยเหรอ แต่ฉันว่าแกมันแปลก ๆ นะ สองเดือนให้หลังมานี่แกก็ไม่ค่อยออกไปแฮ๊งค์เอ๊าท์กับพวกฉัน ชวนก็บอกเหนื่อยเพลียปวดหัวเป็นอะไรของแก”
อินทุอรเริ่มไม่เก็บความสงสัยเอาไว้กับอีกต่อไป
“ไม่มีอะไร ก็แค่เบื่อ ๆ เครียด ๆ กับงาน”
“แกไม่เคยเป็นแบบนี้ยายฟ้า ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนแกก็ไปกับพวกฉัน เพราะแกบอกตลอดว่ามันการผ่อนคลายที่ดีที่สุดสำหรับแก”
นพจิราได้แต่มองหน้าเพื่อนรักอย่างใช้ความคิด
“อิน...”
หญิงสาวเอ่ยเพียงแค่นั้นแล้วก็หยุดไป
ฝ่ายเจ้าของชื่อได้แต่จ้องหน้าเจ้าของน้ำเสียงอ่อย ๆ ไม่ดังเต็มเสียงเหมือนที่เคยได้ยิน รอฟังว่าเพื่อนรักจะพูดอะไรต่อ
“ฉัน ๆ ... ฉัน ... ท้อง”
“อะไรนะ!”
เสียงสูงดังลั่น จนคุณป้าที่พูดคุยด้วยเมื่อครู่ต้องหันมามองต้นเสียงด้วยความตกใจ เวลานี้แววตาของเธอนั้นตกใจกับสิ่งที่ได้ยินชัดเจน
“เบา ๆ สิ”
“นี่แกอย่าบอกนะว่าแกท้องกับคุณศิวัฒน์”
ถึงแม้ว่าพวกเธอจะเป็นผู้หญิงที่รักในการกิน ดื่ม เที่ยว สนุกสนานไปเรื่อย แต่ก็ไม่ใช่คนปล่อยเนื้อปล่อยตัว
ส่วนเรื่องที่นพจิรายินยอมพร้อมใจไปกับศิวัฒน์นั้นบรรดาเพื่อนก็ยังคงค้างคาใจอยู่ว่าเพราะอะไรทำไมเธอยอมขึ้นเตียงไปกับเขาได้
“นี่แกคิดว่าฉันเที่ยวกับคนอื่นรึไง”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันแค่สงสัยก็แค่ครั้งเดียวติดได้ไงวะ”
“แกรู้ได้ยังว่าครั้งเดียว คืนเดียวแต่หลายครั้งก็ได้ปะวะ”
คนที่นั่งหมดแรงจากการอาเจียน บอกพลางหัวเราะ เหมือนเรื่องที่กำลังพูดถึงเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
“ยังจะมาทำพูดเล่นอีกนะแก แล้วนี่แกจะเอายังไงต่อไป แกจะไม่บอกคุณศิวัฒน์เขาจริง ๆ เหรอวะ”
อินทุอรฟังเพื่อนรักแล้วอดต่อว่าให้ไม่ได้
“ไม่จำเป็นต้องบอก ถึงบอกไปก็เท่านั้นปะวะ แกก็รู้อยู่ว่าเขาเจ้าชู้นอนกับผู้หญิงมากี่คน อีกอย่างวันนั้นฉันก็เป็นฝ่ายเข้าหาเองด้วย ขืนไปร้องห่มร้องไห้ให้เขามารับผิดชอบมีหวังฉันได้โดนเขี่ยออกมาสิไม่ว่า”
นพจิราให้เหตุผล มันก็จริงอย่างที่เธอพูดนั่นแหละ เพราะไม่มีใครรู้ได้เลยว่าคาสโนว่าหนุ่มผู้นั้นรู้สึกนึกคิดอะไร ถึงแม้ว่าเธอโพรไฟล์จะเริดเป็นถึงลูกสาวมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของไทยและแถบเอเชียอย่างท่านเจ้าสัวอนันต์ก็เถอะ หากแต่ศิวัฒน์เองก็ไม่ได้ด้อยไปจากเธอเลย
หากเทียบกันด้วยฐานะแล้วถึงเขาจะไม่ได้มีเท่าท่านเจ้าสัวอนันต์ แต่ก็จัดว่าอยู่ในกลุ่มเศรษฐีหน้าใหม่ในปัจจุบัน
ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกหากเขาจะมองว่าเธอก็คือผู้หญิงคนหนึ่งที่ผ่านมาให้เชยชม แล้วก็ผ่านไปเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ จะต่างกันก็ตรงที่มีความสุขด้วยกันแล้วก็จากกัน ไม่จำเป็นต้องวางเงินบนหัวเตียงเหมือนคนอื่น ๆ
“แกจะปล่อยเอาไว้แบบนี้เหรอยายฟ้า”
น้ำเสียงคนถามค่อนข้างซีเรียสอย่างชัดเจน เพราะอดนึกไม่ได้ว่าตัวเองก็มีส่วนผิดที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ รู้ทั้งรู้ว่านิสัยเพื่อนรักเป็นประเภทเสียหน้าไม่ได้อยู่แล้ว ยังจะบ้าบิ่นไปท้าทายให้ทำเรื่องอะไรแบบนี้อีก
“อย่าคิดมากเลยอิน”
ฟังจากน้ำเสียงแล้วเธอเดาได้ทันทีว่าคนที่นั่งข้าง ๆ กำลังรู้สึกอะไร
“ไม่ให้คิดมากได้ไงวะ ฉันเป็นคนทำให้แกต้องมาเจอกับเรื่องอะไรแบบนี้”
“บ้ารึไง... ฉันมันพวกบ้าบิ่นเองแกก็รู้ อย่าคิดมากฉันเป็นคนท้องยังไม่ซีเรียสอะไรเลย เดี๋ยวอีกสักสองสามเดือนฉันก็บินหนีไปคลอดลูกที่ฝรั่งเศส รอลูกโตค่อยกลับมาเมืองไทยอีกที ดูดีจะตายคุณแม่เลี้ยงเดียวลูกโตเป็นหนุ่มเป็นสาว แถมคุณแม่ยังสวยปิ๊งอยู่แบบฉัน”
หญิงสาวบอกพลางหัวเราะเสียงใส มันเป็นการหัวเราะที่ไม่ได้เสแสร้ง หรือกลบเกลื่อนอะไร อินทุอรสัมผัสได้ว่าเธอคิดแบบนั้นและไม่ได้วิตกกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นจริง ๆ
