EP3
เป็นคำชมของแม่ที่ตัวพ่อเลี้ยงหนุ่มอย่างคีรีไม่ได้ปลื้มปิติเลยสักนิด เขานั่งขบกรามแน่นขบอารมณ์คุกรุ่นที่สุ่มอยู่ในอกไม่ให้ประทุออกมา
เจ็บใจเหลือเกินที่เขาไม่อาจปฏิเสธคนเป็นแม่ได้เลยสักครั้ง เขาพ่ายให้กับผู้หญิงที่ชื่อว่ารตีเสมอ
"งั้นแม่ขอตัวไปโทรหาแม่หนูเพียงจันทรฺ์ก่อนนะ" คุณหญิงรตีพูดพลางหัวเราะคิกคักเดินออกไปพร้อมกับผู้เป็นสามี
ปล่อยทิ้งให้พ่อเลี้ยงคีรีนั่งไม่สบอารมณ์อยู่ตรงนี้เพียงลำพัง
'เพียงจันทร์'
เขาจะจดจำชื่อนี้ไปจนวันตาย
อีกฟากหนึ่ง
"หนูไม่แต่ง" ฉันตะโกนปฏิเสธพ่อกับแม่เสียงดังลั่นเมื่อท่านมาบังคับให้ฉันแต่งงานกับเศรษฐีใหญ่เจ้าของไร่ชาที่มีนามว่า คีรี เพื่อปลดหนี้ให้กับครอบครัวที่พ่อกับแม่ฉันไปกู้ยืมแม่พ่อเลี้ยงมาส่งฉันเรียนจนจบมหา'ลัย
"ทำเพื่อพ่อกับแม่สักครั้งไม่ได้เลยหรือไง ทุกวันนี้ที่ครอบครัวเราเป็นหนี้ก้อนโตไม่มีปัญญาหามาคืนเขาก็เพราะใคร ไม่ใช่เพราะเราเหรอเพียงจันทร์" พ่อฉันที่เงียบอยู่นานโพล่งขึ้นมาเล่นเอาซะฉันถึงกับชะงักไปเลยทันทีกับคำพูดของพ่อ รู้สึกโหวง ๆ ในใจขึ้นมาแปลก ๆ ความรู้สึกผิดก่อเกิดขึ้นมาภายในจิตใจกระทันหันพลางคิดว่าถ้าฉันไม่ดันทุรังเรียนต่อมหา'ลัยทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าฐานะของตัวเองเป็นเช่นไร ป่านนี้ครอบครัวเราจะเป็นหนี้ก้อนโตแบบวันนี้ไหม
"มีหนทางให้เราใช้หนี้คืนเขาได้ เราควรคว้าไว้ไม่ดีกว่าเหรอ อีกอย่างพ่อกับแม่ก็แก่เต็มทีไม่รู้ว่าจะทำงานได้อีกนานแค่ไหน ถ้าเราหมดหนี้ไปคราวนี้พ่อกับแม่ก็จะสบายมากขึ้นนะเพียงจันทร์" แม่ฉันเอ่ยหว่านล้อมฉันอีกคน ฉันมองหน้าพ่อกับแม่สลับกันไปมาด้วยความรู้สึกที่มันหลากหลาก ตอนนี้ความคิดของฉันมันตีวุ่นกันไปหมดจนไม่รู้ว่าฉันควรจะตัดสินใจยังไง
อยากหมดหนี้ก็อยาก
อยากให้พ่อกับแม่สบายก็อยาก
แต่จะให้ไปฉันแต่งงาน ไปอุ้มลูกให้คนอื่นเขา อันนี้ฉันว่าฉันไม่ไหว มีหนทางมากมายให้ฉันหาเงินมาใช้หนี้คืนเขาได้
"เราเป็นหนี้เขาอยู่เท่าไหร่เหรอจ๊ะแม่" ฉันแสร้งถามออกไปเพราะถ้าเกิดว่าหนี้สินที่แม่ไปยืมเขามามันไม่เยอะเท่าไหร่ฉันคิดว่าฉันจะไปทำงานอยู่ประเทศเกาหลีหาเงินมาจ่ายหนี้เอา
"สามล้านไม่รวมกับที่ดินที่แม่เอาไปจำนอง" แต่คำตอบที่ได้รับจากแม่ทำเอาฉันล้มทั้งยืน แสงสว่างที่เคยมีก็ค่อย ๆ ดับลงจนมลายหายไป "ถ้าลูกไม่ยอมแต่งงาน คุณหญิงเขามีข้อเสนอให้นะ"
"ข้อเสนออะไรเหรอจ๊ะ" ฉันถามอย่างคนลนลานต้องการจะรู้คำตอบให้ได้เสียเดี๋ยวนั้น
"ถ้าเราไม่ยอมรับข้อเสนอก็ให้หาเงินมาคืนท่านภายในเวลาหนึ่งเดือน แต่ถ้าเราหาไม่ได้และไม่ยอมรับข้อเสนอก็เตรียมย้ายไปอยู่ที่อื่น"
คุณหญิงรตีที่ฉันรักทำไมถึงได้ใจร้ายใจดำกับฉันถึงเพียงนี้กัน
เงินสามล้านไม่รวมที่ดินที่เอาไปจำนองกับเวลาหนึ่งเดือนฉันไม่มีปัญญามากพอที่จะหามาคืนหรอกนะ ให้เวลาฉันสิบปีฉันก็คิดว่าฉันไม่มีปัญญา
"โว้ยยย" ฉันร้องออกมาอย่างคนคิดไม่ตกเหตุอันใดเหล่าฉันถึงได้ไร้ทางออกขนาดนี้กัน
แล้วทางออกเดียวที่จะทำให้ครอบครัวฉันมีที่ซุกหัวนอนต่อไปนั่นก็คือ
"หนูยอมแต่งก็ได้"
