บทที่ 1 ขอทุน
“นะลินนะไมร่าจะช่วยลินเอง เชื่อไมร่าสิว่าพี่เมสันจะต้องให้ ทุนลินไปเรียนต่อปริญญาตรีที่อเมริกา อีกเดือนเดียวไมร่าก็จะต้องกลับอมเริกาแล้ว ถ้าลินไปเรียนต่อที่นั่นเราก็จะได้เจอกันเหมือนเดิมไง” ไมร่า มิคาอิล เดวาลอฟ เด็กสาวชาวอเมริกันวัย 18 ปีที่เป็นนักเรียนทุนแลกเปลี่ยนกำลังโน้มน้าวไพลิน เพื่อนสาวชาวไทยให้ยอมไปเรียนต่อปริญญาตรีที่อเมริกาด้วยกัน โดยเสนอว่าจะคุยกับพี่ชายของเธอให้เพื่อนสาวสำหรับการสนับสนุนทุนการศึกษา เพราะรู้ว่าฐานะทางบ้านของไพลินไม่ได้ร่ำรวยพอที่จะสนับสนุนให้เพื่อนสาวของเธอไปเรียนต่อที่อเมริกาได้
ตั้งแต่ที่ไมร่ามาเป็นนักเรียนทุนแลกเปลี่ยนที่โรงเรียนของไพลินถ้าไม่นับเวลากลางคืนที่ไมร่าต้องพักอาศัยบ้านอาจารย์เพ็ญชาติซึ่งเป็นโฮสต์ของเธอแล้ว ไพลินถือว่าเป็นทุกอย่างสำหรับไมล่าในการช่วยเหลือด้านการใช้ชีวิตและการเรียนระหว่างอยู่ที่ประเทศไทย ไมร่าเป็นลูกเศรษฐีอเมริกันที่อยากมาหาประสบการณ์การเรียนและวัฒนธรรมที่ไทยโดยเลือกที่จะสอบทุนมามากกว่าใช้ทุนส่วนตัว เพราะอยากแสดงให้พี่ชายเห็นว่าเธอมีความสามารถพอ
“ค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อย ๆ นะไมร่า ไหนจะค่าเดินเรื่องต่าง ๆ อีก ลินไม่มีเงินขนาดนั้น อีกอย่างไม่รู้ว่าลินจะทำเรื่องผ่านหรือเปล่าและต่อให้ผ่านลินก็รู้สึกไม่ดีอยู่ดี อีกอย่างลินก็ไม่เคยรู้จักพี่ชายของไมล่าด้วย มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่พี่ชายไมร่าจะมาเสียเงินเพื่อส่งลินเรียน” น้ำเสียงและท่าทางของไพลินบ่งบอกว่าไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดและข้อเสนอที่เพื่อนสาวชาวอเมริกันที่เสนอให้เธอ
“นั่นไม่ใช่ปัญหาเลยนะลิน การส่งเสียให้คนมีการศึกษามันจะสักเท่าไหร่เชียว พี่เมสันจ่ายให้คู่ควงตัวเองคืนละเป็นล้าน แค่จ่ายค่าเล่าเรียนให้ลินแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกลินอย่ากังวลไปเลย ขอแค่ลินตกลงแค่นั้นเรื่องอื่นไมร่าจัดการเอง” ไมร่ายังคงยืนกรานในข้อเสนอของเธอ
“ลินขอไปปรึกษาพี่สาวของลินก่อนได้หรือเปล่า แล้วลินจะให้คำตอบกับไมร่าอีกที” เมื่อทนต่อคำรบเร้าของไมร่าไม่ไหวไพลินจึงตอบเพื่อนแบบแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะยังไงเธอก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่พี่ชายของไมร่าจะยอมให้ทุนตามที่น้องสาวบอก
“ได้ พรุ่งนี้ไมร่าจะมาเอาคำตอบนะ เพราะถ้าหากลินและที่บ้านตกลงไมร่าจะได้รีบติดต่อไปหาพี่เมสัน ถ้าทุกอย่างโอเคไมร่าจะได้อยู่ช่วยลินเดินเรื่องเอกสารถ้าโชคดีก็อาจจะได้เดินทางไปอเมริกาพร้อม ๆ กันเลย โอเคนะลิน” ท่าทางดีใจของไมร่าแม้ว่าไพลินจะยังไม่ได้ตอบตกลงอะไรทำให้ไพลินอดยิ้มน้อย ๆ ออกมาไม่ได้และรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อนสาวชาวต่างชาติคนนี้เป็นอย่างมากที่ต้องการช่วยเธอ ไพลินไม่ปฏิเสธว่าหากเธอมีโอกาสไปเรียนต่างประเทศมันจะทำให้เธอมีโอกาสได้งานที่ดีทำในอนาคตและหาเงินมาช่วยพี่สาวและพี่เขยซึ่งเปรียบเหมือนญาติที่เธอมีเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเพื่อตอบแทนที่พี่สาวไม่เคยทอดทิ้งเธอเลยตั้งแต่พ่อแม่เสียไปไม่ว่าจะสุขจะทุกข์หรือกระทั่งมีครอบครัวแล้วพี่สาวของไพลินก็ยังดูแลน้องสาวอยู่เสมอ
“ลินขอบคุณไมร่ามากนะ ที่อยากช่วยลิน” ความรู้สึกจากใจกลั่นออกมาเป็นคำพูดบอกกับมิตรที่พึ่งรู้จักได้ไม่ถึงปีดี แต่กลับยื่นข้อเสนอที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้รับจากที่ไหน การสอบชิงทุนสมัยนี้ว่ายากแล้ว การชิงทุนแบบเต็มนั้นยากกว่า แต่ไมร่ากลับเสนอทุนเต็มแบบไม่ต้องไปแข่งขันกับใครให้เธอ ไพลินจึงรู้สึกตื้นตันแบบบอกไม่ถูก
“เรื่องเล็กน้อย” ไมร่ายักคิ้วตอบตามฉบับของเด็กฝรั่งที่มีความมั่นใจสูง
---------------------------------------------------
เมื่อแยกจากไมร่าหลังเลิกเรียนไพลินก็กลับมาบ้านด้วยความรู้สึกมากมายที่เต็มหัวไปหมด ลึก ๆ เธอก็อยากไปเรียนต่อที่อเมริกาเพื่ออนาคต โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาง่าย ๆ แต่ก็ไม่กล้าหวังว่าพี่ชายไมร่าจะตอบตกลงเหมือนที่น้องสาวมั่นใจ อีกใจหนึ่งก็กังวลว่าถ้าหากต้องไปเรียนเมืองนอกจริง ๆ คนที่ไม่เคยไกลบ้านอย่างเธอจะใช้ชีวิตยังไงในต่างแดน แม้จะมีไมร่าคอยให้คำแนะนำแต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้เรียนที่เดียวกันหรือเปล่า อีกอย่างไมร่าก็ต้องพักอยู่บ้านของตัวเอง แล้วเธอจะใช้ชีวิตต่างแดนโดยไร้พี่เลี้ยงยังไง
“อ้าวลินกลับมาแล้วเหรอ มาช่วยกันทำกับข้าวมา วันนี้พี่จะทำคะน้าหมูกรอบของโปรดลินด้วยนะ” เสียงทักของพี่สาวดังขึ้นเมื่อเห็นคนเป็นน้องเดินเข้าบ้าน
“พี่ธวัชยังไม่กลับเหรอคะ” สีหน้าแปลกใจถามคนเป็นพี่ ปกติพลอยและธวัชจะออกบ้านและเข้าบ้านพร้อมกันเพราะที่ทำงานไปทางเดียวกันแต่วันนี้กลับเห็นเพียงพี่สาวเธออยู่บ้านคนเดียว
“ธวัชมีประชุมต่อหลังเลิกงาน พี่ขี้เกียจรอเลยนั่งรถเมล์กลับ ดีที่ในตู้เย็นมีกับข้าวแล้วไม่งั้นเราสองคนได้กินมาม่าแน่” สองพี่น้องหัวเราะพร้อมกันก่อนจะช่วยกันทำอาหารเย็นพร้อมคุยสัพเพเหระกันตามปกติจนกระทั่งช่วงที่กำลังกินข้าวท่าทางของไพลินนั้นดูเหมือนคนมีเรื่องให้คิดจนพี่สาวสังเกตได้และถามขึ้นมา
“พี่ว่าวันนี้ลินแปลก ๆ นะมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าเดี๋ยวต้องสอบเข้ามหาลัยแล้วนี่อย่าหักโหมมาก พี่รู้ว่าลินเป็นเด็กดีตั้งใจเรียนแต่สุขภาพก็สำคัญนะ เรียนที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ คนคุณภาพวัดกันที่ผลงานไม่ใช่สถานศึกษา” คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนบอกเพื่อให้คนเป็นน้องคลายกังวลเพราะคิดว่าน้องสาวกำลังคิดมากเรื่องสอบเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ไพลินตั้งใจที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐให้ได้
“ลินไม่ได้กังวลเรื่องนั้นหรอกค่ะ ถ้าหากเราทำดีที่สุดแล้วมันไม่เป็นดังหวังเราก็แค่ยอมรับความจริงก็เท่านั้น ลินแค่มีเรื่องอยากจะปรึกษาพี่พลอยแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี” ใบหน้าหวานก้มมองลงบนจานข้าวที่ตนเองกำลังเขี่ยไปมาในขณะที่พูด
“มีอะไรก็พูดมาเถอะ ถ้าต้องการพูดกับพี่ไม่พูดวันนี้ก็ต้องพูดวันอื่นอยู่ดี” พลอยมองหน้าน้องสาวเริ่มจริงจังขึ้นเพราะไม่บ่อยนักที่ไพลินจะแสดงความกังวลออกมาจนอาหารจานโปรดดูกร่อยไปถนัดตา
“ถ้าลินจะไปเรียนต่อที่อเมริกาพี่พลอยจะว่ายังไงคะ” ในที่สุดไพลินก็พูดออกมาหลังจากถอนหายใจไปเฮือกใหญ่
“ลินว่าไงนะ!” ท่าทางไม่เชื่อหูในสิ่งที่ได้ยินทำให้พลอยต้องหันไปถามน้องสาวย้ำอีกครั้ง
“พอดีเพื่อนที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาจากอเมริกาชวนลินไปเรียนต่อปริญญาที่โน่น ถ้าลินตกลงเขาจะขอทุนจากพี่ชายเขาให้ค่ะ” น้ำเสียงที่ไม่มั่นคงเท่าไหร่ขยายความให้พี่สาวฟัง พลอยมองหน้าน้องสาวนิ่งอยู่นานเพราะรู้สึกใจหายหากว่าไพลินจะไปอยู่ไกลขนาดนั้น จริงอยู่ว่าสิ่งที่น้องสาวบอกถือว่าเป็นอนาคตของไพลินและโอกาสแบบนี้น้องสาวของเธอก็คงไม่ได้เจอบ่อยนัก แต่ด้วยความที่ไม่เคยแยกกันอยู่จึงทำให้พลอยปรับความรู้สึกไม่ทันถ้าหากว่าไพลินต้องไปจริง ๆ
“แล้วลินอยากไปหรือเปล่าล่ะ”
“ลินไม่แน่ใจว่าตอนนี้ลินควรตัดสินใจยังไง จริง ๆ การได้ไปเรียนต่างประเทศเป็นสิ่งที่ลินใฝ่ฝันมานานมากถึงขนาดเคยหาข้อมูลด้านทุนต่าง ๆ แต่เดี๋ยวนี้ทุนเต็มหายากมาก ยังไงเราก็ต้องมีเงินตนเองสมทบซึ่งเราไม่มีลินเลยเลิกที่จะหาข้อมูล แต่อยู่ ๆ ไมร่าก็มาเสนอให้ลินไปเรียนที่โน่นด้วยทุนพี่ชายของเธอแต่ลินก็กลัว กลัวว่าถ้าลินตกลงแล้วพี่ชายไมร่าไม่ตกลงลินก็คงเสียใจ แต่หากว่าเขาโอเค ลินก็กังวลการใช้ชีวิตในต่างแดนว่าจะเป็นยังไงอีก” ความกังวลฉายชัดบนใบหน้าหวานและถูกถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดให้คนเป็นพี่ฟังจนหมด พลอยฟังน้องสาวอย่างเข้าใจในความรู้สึกดี
“ถ้ามันจะเป็นอนาคตที่ดีของลินพี่ก็พร้อมสนับสนุน พี่อยากให้น้องสาวคนเดียวของพี่มีอนาคตที่ดี แม้ว่าการที่ลินไม่อยู่จะทำให้พี่เหงาและคิดถึงอยู่มากก็ตาม แต่มันก็คงแค่ไม่กี่ปีเองเดี๋ยวลินก็เรียนจบ ลำพังพี่คงไม่มีปัญญาส่งลินให้ได้มีอนาคตที่ดีแบบนี้ได้ น้องสาวพี่เป็นคนเก่ง ขนาดไม่มีโอกาสเรียนภาษาที่ไหนลินยังขวนขวายเองจนพูดอังกฤษได้เก่งกว่าคนที่มีโอกาสได้เรียนเสริมเสียอีก พี่ภูมิใจในตัวลินนะ” เสียงที่เจือไปด้วยกลิ่นไอของน้ำตาบอกพลางยกมือขึ้นลูบหัวน้องสาวอย่างเบามือ ไพลินสุดจะกลั้นน้ำตาเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่สาวพูด
“แค่พี่พลอยไม่ทิ้งลินตั้งแต่ไม่มีพ่อกับแม่ แค่นี้ลินก็ดีใจมากแล้ว แค่ทุกวันนี้พี่พลอยส่งลินให้ได้เรียน ลินก็ไม่รู้จะตอบแทนพี่พลอยยังไงแล้วล่ะค่ะ ลินสัญญาว่าถ้าหากลินมีโอกาสได้ไปเรียนต่อที่อเมริกาลินจะพยายามหาโอกาสให้ตัวเองได้งานที่ดีทำเพื่อช่วยแบ่งเบาพี่พลอยนะคะ” สองพี่น้องกอดกันร้องไห้หนัก อาหารมื้อเย็นแสนอร่อยเลยกลายเป็นมื้อแห่งน้ำตาของสองพี่น้องไปโดยปริยาย นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ไพลินและพี่สาวกอดกันร้องไห้จนน้ำตาเริ่มเหือดแห้งก่อนจะผละออกจากกัน
“แล้วเขาจะให้คำตอบลินเมื่อไหร่” เมื่อน้ำตาสงบพลอยจึงถามน้องสาว
“พรุ่งนี้ลินจะไปให้คำตอบไมร่าค่ะแล้วไมร่าจะคุยกับพี่ชายของเธอ คงได้คำตอบในวันสองวันนี้”
“แล้วพี่ชายของไมร่าเพื่อนของลินที่ว่านี้ชื่ออะไรลินรู้ไหม อย่างน้อยเราก็ควรจะรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของคนที่เราจะขอทุนเขานะ ถึงแม้น้องสาวเขาจะเป็นคนจัดการให้ก็เถอะ”
“เขาชื่อมิสเตอร์เมสัน มิคาอิล เดวาลอฟ ค่ะ”
