บทที่ 4
ขวัญชีวารู้สึกตัวขึ้นในเช้าวันใหม่เมื่อแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าลอดผ่านบางสิ่งบางอย่างเข้ามากระทบใบหน้าของเธอเข้าอย่างจัง หญิงสาวรู้สึกปวดหนักไปทั่วทั้งตัวในทันทีที่ฟื้นคืนสติขึ้นมาได้ ดวงตาของเธอหนักอึ้งอีกทั้งยังรู้สึกจุกเสียดบริเวณท้องน้อยที่ถูกจอแดนและพวกทำร้ายอย่างรุนแรง แม้จะเจ็บปวดทุกครั้งที่ขยับตัวแต่หญิงสาวก็ยังอดทนพยายามที่จะฝืนตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างหนักให้จงได้
และเมื่อเธอเริ่มขยับเคลื่อนไหวใครอีกคนที่กำลังนอนอยู่ข้างๆ กันก็เริ่มที่จะรู้สึกตัวตามไปด้วยตามสัญชาตญาณ
“จะรีบตื่นไปไหนครับ ยังเช้าอยู่เลย...” คนที่กำลังฝืนพยายามจะลืมตาอยู่ถึงกลับสะดุ้งสุดตัวก่อนจะแน่นิ่งหยุดชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงเข้มๆ ของใครบางคนเข้าจากด้านหลัง ดวงตาที่เคยหนักอึ้งจนแทบจะลืมไม่ไหวบัดนี้หลับลืมโพลงขึ้นราวกับเปิดสวิตช์ ไม่ช้าใบหน้าที่กำลังตื่นตระหนกตกใจอย่างหนักก็หันไปมองเจ้าของเสียงที่ว่านั้นอย่างรวดเร็ว
“กรี๊ดด! คุณเป็นใคร แล้วเข้ามาในห้องของฉันได้ยังไงไอ้บ้า!” หญิงสาวหวีดเสียงร้องขึ้นอย่างเอาเป็นเอาตายพร้อมกับหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับใครบางคนที่กำลังนอนเปลือยอกอยู่บนเตียงข้างกายกัน
เธอไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าผู้ชายตรงหน้าคนนี้เป็นใคร และที่แย่ไปมากกว่านั้นคือไม่รู้เลยว่าเมื่อคืนขึ้นเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเธอบ้างหลังจากที่หมดสติไปเพราะถูกจอแดตและพรรคพวกทำร้าย เพราะความหวาดหวั่นต่อสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ทำให้หญิงสาวไม่รีรอที่จะระดมทุบอกเปลือยเปล่าของคนตรงหน้าอย่างรุนแรงพร้อมกับแผดเสียงด่าทอเขาด้วยคำพูดแรงๆ เท่าที่สมองจะนึกออก
“โอ้ย! นี่คุณทำอะไรของคุณ ผมเจ็บนะครับ! โอ้ยนี่!” อลัน เกรย์เวอร์ ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าจะถูกใครสักคนปลุกด้วยการทำร้ายร่างกายเหมือนกับที่เขากำลังโดนอยู่ในตอนนี้
ชายหนุ่มที่กำลังหลับสนิทอยู่ดีๆ กลับต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงกรีดร้องโวยวายของคนข้างกายที่ไม่ยอมฟังอะไรเลยสักอย่างเอาแต่หลับหูหลับตาระดมทุบกันราวกับจะฆ่าให้เขาตายด้วยฝ่ามือน้อยๆ ของตัวเองยังไงยังงั้น
จนสุดท้ายเมื่อความหงุดหงิดบังเกิดเขาจึงรวบเอาแม่ตัวดีเข้าหาตัวอย่างแรงก่อนจะเหวี่ยงเธอล้มลงบนเตียงพร้อมกับกระโดดขึ้นไปคร่อมร่างเล็กเอาไว้อย่างแน่นหนาไม่ยอมปล่อยให้เธอได้ทำร้ายร่างกายของตัวเองไปมากกว่านี้ได้อีก
ผู้หญิงอะไรเห็นตัวเล็กเท่าลูกแมว แต่ไหนเรี่ยวแรงของหล่อนมันถึงได้มหาศาลขนาดนี้ได้! นี่เขาช่วยชีวิตของเธอเอาไว้แท้ๆ ไหงถึงได้ตอบแทนกันแบบนี้ มันน่าจับขึงพืดแล้วข่มขืนให้ยับเสียจริง
“หยุด! ไม่งั้นผมจูบ! และผมไม่รับปากหรอกนะครับว่ามันจะจบเพียงจูบเดียวด้วยหรือเปล่า!” ได้ผลในทันทีเมื่อเขาตวาดขึ้นเสียงดังอีกฝ่ายก็ชะงักค้างไปก่อนจะจ้องมองเขาทั้งน้ำตา รู้สึกหวาดกลัวคนตรงหน้าขึ้นมาจับใจเพราะเดาไม่ได้เลยว่าเขาจะทำอย่างที่ปากพูดมาทั้งหมดจริงๆ รึเปล่า
“คนเลว! คุณทำอะไรฉัน!” ขวัญชีวาร้องถามทั้งน้ำตา เรี่ยวแรงที่แม้แต่จะขยับตัวให้หลุดพ้นไปจากท่อนแขนแข็งแกร่งก็ค่อยๆ เลือนลางเข้าไปทุกที ยิ่งเขากำราบกันด้วยท่าทีดุดันยิ่งทำให้เธอกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมาแรงๆ
“ผมเปล่าทำ! และอีกเรื่องที่คุณต้องรู้เอาไว้คือที่นี่ไม่ใช่ห้องของคุณนะครับคนสวย นี่มันห้องผม และตอนนี้คุณก็ยังอยู่ในบ้านของผม!” อลันพยายามปรับน้ำเสียงให้ดูอ่อนลงกว่าเดิมไปอีกสักนิดเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังสั่นเทาอย่างหนักเพราะหวาดกลัวเขาอยู่ แต่ถึงกระนั้นมันก็น่าจะมาฟาดก้นเสียให้เข็ดอยู่ดี ชายหนุ่มย้อนคิดพร้อมทั้งกวาดสายตามองแผงอกที่เต็มไปด้วยรอยเล็บของแม่ตัวดีใต้ร่างอย่างโมโห แบบนี้มันก็เท่ากับว่าเขาทำคุณได้บาปโดยแท้!
“คะ..คุณว่าอะไรนะคะ” ขวัญชีวาเอ่ยขึ้นแผ่วและไม่รอให้เขาได้ตอบอะไรกลับมาเธอก็กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องอย่างรวดเร็วราวกับจะค้นหาความกระจ่างให้กับตัวเอง และมันก็เป็นจริงอย่างที่เขาว่าไว้ทั้งหมด ในเมื่อตอนนี้เวลานี้เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ในห้องนอนสีขาวที่อัดแน่นไปด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหราซึ่งต่างจากห้องเช่าโกโรโกโสของตัวเองริบลับ
อลันยอมหยุดนิ่งให้เธอสำรวจห้องนองของเขาจนพอใจถึงได้เอ่ยสมทบต่อคำพูดจากที่ค้างคาเอาไว้ต่อไป..
“นี่อย่าบอกนะครับว่าคุณจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมาไม่ได้เลยแม้แต่เรื่องเดียว” ให้ตายสิ! อะไรจะลืมได้รวดเร็วปานนี้ แล้วนี่แม่คุณจะจดจำได้รึเปล่าว่าเมื่อคืนจู่ๆ ก็นึกประหลาดสะดุ้งตื่นขึ้นมาอาละวาดกลางดึกเพราะอาจจะฝันร้าย แต่กลายเป็นเขาที่กระโดดเข้าไปปลอบขวัญแต่กลับถูกถูกหล่อนข่วนหน้าจนเลือดซิบ!
“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอย่างนั้นเหรอคะ..” หญิงสาวทวนคำถามของเขาที่เพิ่งจะได้ยินอย่างช้าๆ ก่อนสมองจะสั่งการให้เธอย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่หากเขาไม่เอ่ยถามมันขึ้นมาบางทีเธออาจจะลืมไปแล้วก็ได้ ภาพความทรงจำครั้งสุดท้ายก่อนที่สติจะดับหายไปนั้น เธอกำลังเดินฝ่าความหนาวเหน็บมุ่งหน้ากลับไปยังที่พักของตัวเองก่อนจะถูกพวกของจอแดนดักเล่นงานระหว่างทางเข้าซะก่อน และถ้าหากเดาไม่ผิด คนตรงหน้าเธอคนนี้ก็คงจะเป็นเขาคนนั้น
เจ้าของรองเท้าหนังสีดำที่เข้ามาช่วยเธอจากคนเลวพวกนั้น
“นี่คุณคือ..”
“ผมชื่ออลัน เกรย์เวอร์ครับ คุณคงจำได้แล้วใช่ไหมว่าผมคือคนที่ช่วยคุณจากพวกนักเลงพวกนั้นไว้เมื่อคืน” คนถูกถามจำต้องรีบพยักหน้ากลับไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่นานก็ต้องผงะขึ้นมาอีกครั้งเมื่อก้มมองเห็นสภาพของตัวเองที่มันไม่ได้อยู่ในชุดเดิมที่เคยสวมเมื่อคืนที่ผ่านมาเข้า แต่ในตอนนี้นั้นเธอกลับสวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโครงเอาไว้แทน ยังไม่ทันที่ริมฝีปากบางสวยจะได้ทันเอ่ยถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นชายหนุ่มปริศนาที่เธอรู้แค่เพียงว่าชื่อของเขาคือ ‘อลัน’ ก็ชิงสารธยายเรื่องทั้งหมดขึ้นมาซะเอง
“คุณช่วยทำใจให้เย็นๆ แล้วฟังสิ่งที่ผมกำลังจะพูดก่อนนะครับ คือว่าอย่างนี้...เมื่อคืนหลังจากที่ผมช่วยคุณจากไอ้พวกสวะสามคนนั้นมาได้ คุณก็มาดันหมดสติไปซะก่อน และผมเองก็ไม่รู้ด้วยว่าจะต้องพาคุณไปส่งที่ไหน อีกอย่างตอนนั้นมันก็ดึกมากแล้วด้วย ผมจึงไม่มีทางเลือกต้องพาคุณกลับมาที่นี่ด้วยกันและช่วยเปลี่ยนชุดให้...” มาถึงตรงนี้เขาหยุดช่วงไปเพราะอยากจะมองดูท่าทีของอีกฝ่าย และเมื่อเห็นเธอมีท่าทีร้อนรน เหมือนอยางที่คิดเอาไว้เขาจึงได้เอ่ยต่อ
”ผมสาบานด้วยเกียรติของผมเลยครับว่าผมแค่เปลี่ยนชุดให้คุณเท่านั้น เพราะถ้าขืนผมปล่อยให้คุณนอนในสภาพแบบนั้นทั้งคืนมันคงจะไม่เป็นผลดีกับตัวคุณแน่ๆ” หญิงสาวนิ่งเงียบไปนานเพราะไม่รู้ว่าควรจะเชื่อคำพูดที่เขาเพิ่งจะเอ่ยออกมาดีหรือไม่ แต่เธอก็พอจะสัมผัสได้อยู่บ้างว่าร่างกายว่าตัวเองยังคงปกติดีทุกอย่าง
สิ่งที่ไม่ปกติก็เห็นจะมีบริเวณท้องน้อยเท่านั้นที่ยังคงรู้สึกปวดอยู่เพราะถูกพวกคนใจร้ายพวกนั้นรุมทำร้าย ส่วนจุดอื่นๆ ก็ยังคงความปกติเอาไว้เช่นเดิมเหมือนอย่างที่เคยเป็น และถ้าหากเขาล่วงเกินเธอมันก็อาจจะต้องมีบางส่วนบนร่างกายที่ปวดร้าวขึ้นมาบ้างแต่เมื่อส่วนนั้นที่ว่ายังคงปกติเธอก็ได้ยิ้มออกมาได้
“ฉันต้องขอขอบคุณ คุณมากนะคะที่ช่วยฉัน ฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะตอบแทนคุณได้บ้าง หรือถ้าหากว่าคุณมีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกได้เลยนะคะ ฉันยินดี” หญิงสาวพูดพร้อมทั้งยิ้มกว้างเมื่อเห็นแน่ชัดแล้วว่าคนตรงหน้านี้เป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู ทว่าอีกฝ่ายกลับลอบยิ้มพร้อมกับเสียงที่ตะโกนก้องอยู่ภายในใจ
