บทที่ 1 ทะเลาะวิวาท
โรงเรียนชายล้วนชื่อดังกลางกรุงเทพมหานคร
กลางสนามหญ้าของโรงเรียนเอกชนชื่อดังที่มีแต่ลูกท่านหลานเธอและลูกมหาเศรษฐีและเศรษฐีหน้าเก่าหน้าใหม่ทั้งหลายส่งลูกหลานของตัวเองเข้าเรียนเพื่อยกระดับฐานะขอลูกหลานให้ได้อยู่ในสังคมไฮโซจึงมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกแบ่งกลุ่มตามสังคมที่พ่อแม่สร้างให้ลูกของตัวเองเพื่อให้อยู่เหนือกว่าคนอื่น
“เฮ้ย นั่นมันไอ้กาฝากนี้หว่าใครให้มันมาร่วมทีมวะ” หนุ่มหน้าตาดีวัยสิบเจ็ดปีถามเพื่อนเมื่อเขาเปลี่ยนเครื่องแต่งกายแล้วลงมาเตะซ้อมเตะบอลกับเพื่อนเพื่อแข่งขันกับทีมบีของโรงเรียนที่ซ้อมบอลสนามใกล้กัน
“ไม่รู้สิวะ มึงอย่าไปสนใจเลยไอ้ป้อมยังไงมันก็อยู่คนละทีมที่แน่ๆเราจะแพ้ไม่ได้” เท่ห์ตอบเพื่อนเพราะในโรงเรียนชายจะมีการแข่งขันฟุตบอลกระชับสัมพันธ์เป็นประเพณีประจำทุกปี
“กูไม่ได้สนใจแต่กูเกลียดมัน” พิรัชย์ตอบเพื่อนมองไปยังคนที่เขาเกลียด
“งั้นเราต้องรีบซ้อมจะได้เอาชนะพวกมัน”
สองหนุ่มกำลังแตกเนื้อหนุ่มคุยกันแล้วเดินไปหาเพื่อนในทีมที่เตรียมตัวซ้อมบอลหลังเลิกเรียนทุกวันเพราะใกล้จะถึงวันแข่งขันฟุตบอลประจำปีของโรงเรียนสำหรับนักเรียนมัธยมปีที่ห้าและหก
“มึงของมาด้วยมั้ยไอ้ป้อม”
“เอามาสิวะ เอ้าเอาไป” พิรัชย์ยื่นกล่องดินสอปากกาให้เพื่อนซึ่งด้านในเป็นบุหรี่
“มึงเจ๋งว่ะไอ้ป้อมแล้วมึงหลบอาจารย์มาได้ยังไงวะ”
“กูมีวิธีก็แล้วกัน ยังไงพวกมึงก็หลบหน่อยนะเดี๋ยวโดนจับได้ก็จบเห่กันพอดี”
จากนั้นหนุ่มๆในทีมก็พากันไปห้องน้ำชายเพื่อแอบสูบบุหรี่ที่พิรัชย์แอบเอาเข้ามาในโรงเรียนเมื่อสูบบุหรี่เสร็จก็พากันกลับไปซ้อมฟุตบอล
นักฟุตบอลทีมบี
“เฮ้เสือนั่นญาติของแกนี่” ชเยศบอกเพื่อนเมื่อเห็นญาติผู้น้องของเพื่อนเดินมาที่สนามก่อนจะพากันไปห้องน้ำและพวกเขารู้ว่าพวกนั้นแอบไปสูบบุหรี่
“อย่าไปยุ่งกับเขาเลยบ๊อบ ไปซ้อมบอลดีกว่า” ชยางกูรบอกเพื่อนแล้วเดินไปหาเพื่อนและเพื่อนรุ่นพี่ร่วมทีมที่มาซ้อมบอลกันด้วยความสนุกไม่ได้หวังจะชนะแต่เพื่อมิตรภาพของนักเรียนในโรงเรียน
ทั้งทีมเอทีมบีก็ซ้อมเตะฟุตบอลคนละสนามแต่สนามอยู่ติดกันและลูกบอลก็ข้ามไปหากันบ้างแต่ไม่มีใครว่าต่างฝ่ายก็เล่นในเขตของตัวเองจนกระทั่งชยางกูรเตะข้ามฝั่งไปถูก อนันยศเข้าเต็มๆหลัง
“เฮ้ยไอ้เสือ” กรินเรียกรุ่นน้องเสียงดังเมื่อเห็นฟุตบอลลอยข้าไปโดนหลังรุ่นน้องทีมของ
ชยางกูรรู้ว่าเตะบอลไปถูกเพื่อนก็วิ่งไปหาอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นอนันยศล้มลงบนสนามทำให้ทุกคนหยุดการเล่นแล้วไปดูเพื่อนที่โดนลูกบอลฝีเท้าของชยางกูรเข้ากลางหลัง
“เป็นยังไงบ้างอนันยศ ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ชยางกูรประคองอนันยศลุกขึ้นเพราะเขาวิ่งไปถึงก่อนใคร
“ไม่ต้องมายุ่งกับกู” อนันยศตวาดเสียงดังสะบัดมือของชยางกูรออกไม่ให้มันแตะต้องตัวเขา
“มึงแกล้งเพื่อนกูเหรอไอ้เสือ” พิรัชย์ผลักชยางกูรที่นั่งยองๆล้มลงไปด้วยความไม่พอใจ
“นี่ไอ้ป้อมพูดกันดีๆสิวะ ไอ้เสือมันไม่ได้แกล้ง” กรินรุ่นพี่มอหกพูดกับรุ่นน้องซึ่งเป็นญาติของชยางกูรและไม่ถูกกันแต่มาเรียนโรงเรียนเดียวกัน
“พี่กรินเป็นเพื่อนมันก็เข้าข้างมันสิ” พิรัชย์ตอบรุ่นพี่ด้วยความไม่พอใจที่เข้าข้างไอ้กาฝาก
“ไม่ได้เข้าข้าง ก็เห็นกันอยู่ว่าไอ้เสือมันไม่ได้ตั้งใจถ้าตั้งใจมันคงเล็งที่หัวแล้วแหละ ขอโทษกันซะจะได้จบ” กรินบอกรุ่นน้องทั้งสอง
“ขอโทษนะอนันยศ”
“เออ..” อนันยศรับคำของโทษแต่ในใจคุกกรุ่นด้วยความโกรธเขาจะต้องเอาคืนไอ้เสือแน่นอน
“ดีมากน้อง พวกเราเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องเรียนโรงเรียนเดียวกันรักกันไว้เถิด แยกย้ายกันไปซ้อมบอลได้แล้ว” ธานีพูดขึ้นทำให้รุ่นน้องทั้งหลายแตกฮือเพราะเกรงใจรุ่นพี่ทั้งสอง
หลักจากนั้นทีมเอก็ตั้งใจก่อกวนทีมบีเตะบอลข้ามฝั่งมาบ่อยจนเพื่อนร่วมทีมบีไม่พอใจเพราะรู้ว่านี่มันจงใจหาเรื่องกันแต่ก็อดทนเพราะไม่อยากมีเรื่องจึงซ้อมกันไปเรื่อยจนกว่าจะหมดเวลา
“ตกลงพวกมึงจะเอายังไงวะ” ชาลีคว้างบอลใส่พิรัชย์เพราะมันจงใจเตะบอลใส่พวกเขาก่อนจนนับไม่ถ้วนจนเขาทนไม่ไหว
“ใจเย็นสิวะชาลี” ชยางกูรเดินมาหาเพื่อนจับไหล่ชาลีไว้
“กูเย็นไม่ไหวแล้วว่ะเสือ แม่ง ไอ้เท่ห์กับไอ้ป้อมมันจงใจเตะบอลใส่พวกเรานะ”
“กูไม่ได้ตั้งใจ การเตะบอลก็มีพลาดบ้างสิวะจริงมั้ยไอ้เท่ห์ ไอ้กาฝาก” พิรัชย์ตอบอย่างกวนและคำสุดท้ายไม่ได้พูดออกเสียงแต่รู้ว่ามันว่าให้ชยางกูร
“พอได้แล้ว วันนี้ไม่ต้องซ้อมแยกย้ายกันกลับบ้านไป” กรินบอกรุ่นน้องทั้งสองฝ่ายที่ฮึ่มห่ำใส่กัน
“ได้ยังไงพี่กริน เด็กของพี่มาหาเรื่องทีมของผมก่อนนะครับ” สัตยาท้วงขึ้นเมื่อรุ่นพี่บอกให้แยกย้ายกันกลับ
“แล้วมึงจะเอายังไงไอ้ปอร์” กรินถามรุ่นน้องเพราะเขาเป็นรุ่นพี่และยังเป็นประธานนักเรียนไม่อยากให้ทั้งสองฝ่ายมีปัญหาหากฝ่ายปกครองรู้ก็จะโดนทัณฑ์บนกัน
“ไห้ไอ้พวกนี้มันขอโทษพวกผมสิเพราะมันมาหาเรื่องก่อน” สัตยาตอบรุ่นพี่แล้วมองทีมบีอย่างเยาะเย้ย
“มันจะมากไปแล้วนะไอ้ปอร์ พวกมึงสิต้องมาขอโทษพวกกูที่เตะบอลใส่เป็นสิบๆครั้งถ้าคิดไม่ได้มึงไปเลี้ยงควายโน่น” อานนพูดเสียงดังด้วยความไม่พอใจตั้งแต่ที่มันว่าเพื่อนของเขาแล้ว
“ไอ้เรย์.. พลั้วะๆๆ..” อนันยศโกรธอานนที่ว่าเขาเป็นควายก็ส่งกำปั้นออกไปปะทะหน้าของอานนทันที
“เฮ้ยไอ้เท่ห์หยุดนะ” ชยางกูรเดินไปห้ามอนัยศแล้วผลักออกไปให้ห่างจากเพื่อน
“ไอ้กาฝาก” พิรัชย์ไม่พอใจตั้งแต่แรกแล้วจึงปรี่เข้าไปฟาดกำปั้นเข้าใส่กรามชยางกูรที่ไม่ทันตั้งตัวเพราะมัวแต่ห้ามเพื่อนทั้งสองถึงกับหน้าหัน
และชยางกูรก็ไม่ยอมถูกต่อยฟรีเขาหันมาก็เห็นกำปั้นของพิรัชย์ลอยมาใกล้ใบหน้าอีกครั้งจึงรับมือไว้แล้วสวนกลับด้วยกำปั้นไปอย่างแรงไม่ออมมือเพราะพิรัชย์ลงมือก่อน
“พลั้วะๆๆ/ตุ้บตั้บๆๆ..”
จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ซัดกันชุลมุลวุ่นวายแม้กรินกับธานีจะห้ามก็เอาไม่มีใครฟังเขาจึงเรียกเจ้าหน้าที่รปภ.มาช่วยแต่ไม่มีใครหยุดจนกระทั่งอาจารย์ฝ่ายปกครองมาถึงเป่านกหวีดเสียงดังลั่นทำให้ทุกคนชะงักแต่ก็ยับเยินกันทุกคน
“มันเกิดอะไรขึ้น” อาจารย์ฝ่ายปกครองพูดเสียงดังลั่นมองนักเรียนทุกคนที่เลือดกลบปากหน้าแหกกันยับเยินจึงเดินดูแต่ละคนไม่มีใครอาการหนักมากถึงกับหามส่งโรงพยาบาล
“คือมีปัญหาเรื่องเตะบอลครับอาจารย์” กรินตอบอาจารย์เพราะเขาไม่ได้ลงมือกับรุ่นน้อง
“ทำไมนายไม่ห้าม”
“ผมห้ามแล้วครับอาจารย์ แต่เพื่อนๆน้องๆตั้งสี่สิบห้าสิบคนผมกับธานีจะห้ามได้ยังไงครับ” กรินตอบอาจารย์ว่าเขาห้ามแล้วแต่ไม่มีใครฟัง
“นายกรินนายธานีจดชื่อทุกคนมาให้อาจารย์แล้วพาทุกคนไปหาหมอแล้วพรุ่งนี้ให้ผู้ปกครองของทุกคนมาประชุมพร้อมกันเวลาสิบนาฬิกา อย่าให้อาจารย์ต้องออกจดหมายเรียนผู้ปกครองนะ” อาจารย์ฝ่ายปกครองพูดจบก็รอประธานนนักเรียกกับรองประธานจดชื่อนักรียนทุกคนมาส่งให้เขาก่อนจให้ทุกคนไปหาหมอและเอาใบรับรองแพทย์มาให้ในวันพรุ่งนี้เพื่อไต่สวนทีเดียวต่อหน้าผู้ปกครอง อาจารย์ประจำชั้นและผู้อำนวยการโรงเรียน
“ไปหาหมอกันก่อนนะเสือ” ชเยศบอกเพื่อนที่ไม่ได้เจ็บอะไรมากมายแต่พิรัชย์เลือดกลบปากคิ้วแตกแก้มบวมโย้
“ไปรถบ้านกูนะป่านนี้ลุงก้อนมารอแล้วล่ะ ที่เหลือไปแท็กซี่นะแล้วไปโรงพยาบาลของพ่อกูนะจะได้ไม่เจอพวกนั้น” อานนพูดขึ้นแล้วทุกคนก็พยักหน้าแล้วเดินตามกันออกไปขึ้นรถหน้าโรงเรียนเพื่อไปโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ยังเขม่นกันอยู่ก่อนจะขึ้นรถไปหาหมอ
