10/4
“ขึ้นมาบนตัวฉันสิสาวน้อย”
“อารัณจะ...”
“ไม่กล้าหรือ?” เขาพูดแทรก
ทำไมจะต้องไม่กล้าล่ะ พลับพลึงถามตัวเองแล้วย้ำบอกกับตัวเองว่าสัมผัสระหว่างสามีและภรรยาไม่ใช่เรื่องแปลก เธอขึ้นไปนั่งคร่อมบนตัวของสามีโดยตั้งใจให้ความแข็งกร้าวอยู่ใต้กลีบกายอ่อนนุ่มพอดิบพอดี แต่ดรัณคัดค้าน
“ไม่ใช่ยาหยี เลื่อนตัวขึ้นมาก่อน ยังไม่ใช่เวลานั้น”
สีหน้าแปลกใจเกิดขึ้นพร้อมกับความลังเลในดวงตา ดรัณจึงตัดสินแทนสอดแขนรองใต้ต้นขาแล้วรั้งสะโพกสาวให้เลื่อนมาตรงหน้า
“อารัณ!!! พลับ...” เธอกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ ถึงจะเป็นภรรยา ถึงจะเห็นทุกอย่างและสัมผัสอย่างแนบชิดสนิทสนมมาแค่ไหน แต่ถ้าจะให้เธอทำแบบนี้แล้วล่ะก็ เธอคงเหมือนโสเภณีคนหนึ่ง “อ๊าย!!!” แต่คำทัดทานหายไปพร้อมกับเสียงหวีดร้องครวญครางกระเส่า
ดรัณดื่มด่ำกุหลาบสาวเนิ่นนานราวกับคนไม่เคยอิ่มเอม จนภรรยาสาวสั่นสะท้านสิ้นเรี่ยวแรงจะพยุงตัวไว้ได้ จำต้องยึดพนักหัวเตียงเป็นหลัก นานเสียจนร่างของเธอเกร็งกระตุกเยือก
หลังจากนั้นสามีของเธอจะดึงเธอไปทำอะไรต่อเธอก็ไร้สติสัมปชัญญะจะสั่งงาน ได้แต่ทำตามแรงรั้งกึ่งบังคับไม่ว่าจะลุก นั่ง นอน หรือคุกเข่า เธอก็ทำตามราวกับหุ่นยนต์ แต่เป็นหุ่นยนต์แสนสวยที่มีเสียงครางเซ็กซี่ที่สุดในโลก
กว่าห้องนอนจะคลายความระอุร้อน ร่างสาวที่ขยับโยกอยู่เหนือร่างหนุ่มก็ฟุบฮวบลงอย่างหมดแรง แทนที่จะเป็นเขาอย่างตั้งใจ
พลับพลึงตื่นขึ้นในตอนสายด้วยความเมื่อยขบ ขยับไปทางไหนร่างกายก็พากันประท้วงรวดร้าวไปหมด คนมีเซ็กซ์จะเป็นแบบเธอทุกเช้าหรือเปล่านะ หรือเพราะมันมากเกินไปร่างกายเลยไม่ไหว หรือเธออ่อนแอเกินกว่าจะรับไหว
แค่...3 รอบ เท่านั้นเอง
เธอถอนใจยาวก่อนจะวาดมือไปด้านข้าง รอยยับย่นของผ้าปูที่นอนและยังอุ่นๆ ทำให้รู้ว่าสามีของเธอเพิ่งจะลุกไปไม่นาน ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้นที่ตื่นสาย คนตื่นเช้าแต่ไก่โห่เป็นประจำอย่างเขาก็ตื่นสาย แหงล่ะไม่สายบ้างให้รู้ไป
เสียงประตูห้องข้างๆ ทำให้เธอรีบหลับตาปี๋ ทำเหมือนยังไม่ตื่นจากการนอนหลับสบาย ได้ยินเสียงประตูห้องเปิดก่อนจะปิดลงอีกครั้ง เธอนอนฟังเสียงฝีเท้าที่ดังห่างออกไปเรื่อยๆ
อารัณไปแล้ว!!!
พลับพลึงนอนนิ่งอยู่แบบนั้นจนกระทั่งได้ยินเสียงม้าร้อง เธอจึงลุกขึ้นแง้มม่านสีขาวมองไปเบื้องล่าง เจ้าพายุกำลังรอเจ้านายของมันอยู่ อึดใจเดียวก็เห็นร่างสูงก้าวเร็วๆ ขึ้นขี่เจ้าพายุ อดชื่นชมในใจไม่ได้ว่าสามีของเธอมาดดีเหลือเกิน
เขาไปแล้ว เขาควบม้าไปแล้ว เป็นเวลาของเธอแล้วสินะ
หญิงสาวบิดตัวไปมาอย่างเมื่อยขบ สงสัยว่าอารัณกินอะไรถึงมีแรงเยอะ ทำการบ้านหลายรอบ แต่ละรอบก็นานแสนนานแล้วยังจะมีแรงออกไปทำงานต่ออีก ส่วนเธอนี่สิหมอบราบคาบแก้วคาอกไม่รู้เรื่องรู้ราวเลย
เธอเห็นดวงอาทิตย์ลอยขึ้นไปเกือบกลางหัว ตากลมก็เบิกกว้างมองดูนาฬิกาบนชั้นหัวเตียง เวลาใกล้เที่ยงจวนเจียนจะได้เวลาหนีเที่ยวแล้วสินะ
พลับพลึงรีบเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเหมือนปกติ เธอวางแผนจะกลับไปบ้านที่ไร่โน้นแล้วขออนุญาตทุกคนไปงานแต่งงานเพื่อนสนิท คนที่นั่นต้องอนุญาตแน่อยู่แล้ว และเธอก็จะเปลี่ยนชุดที่นั่นหรือไม่ก็หอบชุดไปเปลี่ยน ให้ยัยกิ๊กแวะปั๊มที่ไหนสักแห่งเพื่อเปลี่ยนชุดก็ได้
แผนการเรียงลำดับขั้นอยู่ในหัวเสร็จสรรพ!
“อ้าวยัยพลับ ทำไมวันนี้มาหาย่าได้”
คุณย่าเป็นคนแรกที่เธอเจอ พลับพลึงยิ้มแป้นเข้าไปหอมแก้มของคุณย่าทั้งซ้ายและขวาอย่างออดอ้อน
“พลับจะขออนุญาตคุณย่าค่ะ”
“ขอย่า? ทำไมไม่ไปขอพ่อเลี้ยง พลับห่างอกพ่อแม่มาแล้วนะ คนแรกที่ควรคิดถึงเวลาสำคัญๆ แบบนี้ก็คือสามีของพลับ”
“หืม...ก็อารัณไม่ให้นี่คะ”
“อ้าว...ถ้างั้นย่าก็อนุญาตไม่ได้น่ะสิลูก” คุณย่าบอกยิ้มๆ
“คุณย่าขา พลับแค่ขออนุญาตไปงานแต่งเพื่อนเท่านั้นเอง พลับไปกับยัยกิ๊ก ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอกค่ะ แต่อารัณน่ะ ไม่รู้เป็นอะไร คุณย่าก็เห็นอารัณไม่เหมือนเดิม” เธอยกดรัณขึ้นมากล่าวอ้างเสียเลย
“แต่เรื่องห้ามไม่ห้ามนี่ย่าว่าไม่เกี่ยวกับเหมือนเดิมหรือไม่หรอกนะ พลับอย่าเอามาอ้างกับย่า ถ้าย่าอนุญาตย่ามิโดนพ่อเลี้ยงถอนหงอกให้เรอะ”
“ไม่หรอกค่ะ แต่ถ้าคุณย่าไม่อนุญาตน่ะสิคะ พลับแย่แน่ เพื่อนพลับจะต้องเสียใจที่พลับไม่ไปร่วมแสดงความยินดี ตอนพลับแต่งก็ไม่ได้บอกเขาทีนึงแล้ว”
“เราอยากไปก็ยกเหตุผลร้อยแปดมาอ้างย่า ถึงย่าจะห้ามพลับก็ต้องไปใช่ไหม แล้วถ้าพ่อเลี้ยงรู้เข้าจะทำยังไง”
ระหว่างนั้นสาวใช้คนหนึ่งก็ถือโทรศัพท์บ้านแบบไร้สายมาให้คุณย่า พลับพลึงมองคุณย่าที่กำลังคุยโทรศัพท์ คุณย่าพูดเบามากแถมยังหันหน้าหนีไปทางอื่น เธอจึงไม่เสียมารยาทเข้าไปฟังใกล้ๆ เรื่องที่คุณย่าพูดก็คงไม่เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย
“ตกลงย่าอนุญาตให้พลับไปได้แล้วนะ” อยู่ๆ คุณย่าก็บอกหลังจากวางสาย
“จริงหรือคะ ดีใจจัง พลับรักคุณย่าที่สุดเลยค่ะ” ร่างบางของหลานสาวถลาเข้าไปกอดคุณย่าเต็มรัก ความดีใจทำให้เธอไม่ทันถามไถ่ถึงสาเหตุ
