บท
ตั้งค่า

บทที่ 1

แรนด์เอาเบค่อนวางลงบนกระดาษซับน้ำมัน ล้างกระทะแล้วจึงเอาเนยใส่ลงอย่างที่แม็กกี้สอนไว้ เธอไม่ชอบให้เศษเบค่อนติดอยู่เวลาทําไข่กวน เขามองหาชามสําหรับผสมแป้งแพนเค้ก ขณะที่ยังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่กับตู้เก็บของนั้นเขาก็บอกกับเธอว่า

“วันนี้คุณเอารถไปใช้ก็ได้นะ ผมคงต้องอยู่บ้านทั้งวันรอนายหน้าขายบ้านที่บอกว่าจะมาตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้วไม่ได้มา”

สายตาเขาอ้อยอิ่งอยู่กับเธอเป็นครู่ ครุ่นคิดอยู่ในใจว่าเช้านี้เธอดูสวยไปอีกแบบ โดยเฉพาะเมื่อมีโคลด์ ครีมแต้มไว้ด้วยทั่วใบหน้าแบบนี้ คนที่มีอาชีพทนายความอย่างวาเลนไทน์ทําตัวให้สวยได้ด้วยหรือ...

แต่กระนั้น เขาก็อดสงสัยไม่ได้ ว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่ใต้เสื้อคลุมตัวนี้บ้าง ความคิดดังกล่าวดูจะสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้เขาไม่น้อยเลย และเขาก็รีบเอาภาพของแม็กกี้เข้ามาทดแทนเสีย

“ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ผมคิดว่าจะเดินทางกลับพรุ่งนี้แล้ว จะบินตรงไปเท็กซัสเลย แล้วคุณล่ะ”

“ฉันก็คงต้องเริ่มลงมือทําอะไรสักอย่างวันนี้เหมือนกัน มีโทรศัพท์สําคัญที่จะต้องติดต่อสองสามแห่ง หลังจากนั้นจะไปธนาคารรอแฟ็กซ์ที่เพื่อนบางคนจะส่งมาให้”

“คุณคิดว่าซูซานจะเป็นไงมั่งล่ะ” แรนด์ถามเรียบ ๆ

“ซูซานน่ะสบายอยู่แล้วละ ทําไมจะไม่สบายล่ะ ในเมื่อมีเราช่วยกันจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้แบบนี้ ฉันหมายถึงว่า นี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะที่เราช่วยแก้ปัญหาให้กับเขา และฉันคงจะแปลกใจอย่างยิ่ง ถ้ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย...

“เวลานี้เขาอายุตั้งแต่สี่สิบแปดแล้วนะคะแรนด์ ถึงเวลาที่เขาจะรวบรวมสติทําอะไรให้ตัวเองบ้างแล้ว ฉันน่ะพอจะเข้าใจละว่าทําไมตัวเองถึงต้องมาที่นี่ เพราะฉันเป็นทนายความประจําครอบครัวไงล่ะ

“แต่คุณน่ะสิ คุณต้องจัดการขายบ้าน ต้องจัดการปิดบัญชีที่มีเงินเหลืออยู่เพียงแค่สิบเหรียญ ต้องเอารถที่เก่าจะพังอยู่แล้วไปซ่อม ซื้อเครื่องกระป๋อง แล้วก็ยังต้องแพ็คกระเป๋าให้เขาอีกด้วย ที่มันยิ่งไปกว่านั้นก็คือคุณยังต้องไปติดต่อพ่อค้าของเก่าให้มาตีราคาเฟอร์นิเจอร์ในบ้านนี้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องที่ซูซานสามารถทําได้ด้วยตัวเองทั้งนั้น แล้วก็จงอย่าได้บอกฉันอย่างเด็ดขาดนะคะ ว่าคนที่มีอัจฉริยะทางด้านดนตรีอย่างเขาแล้วจะไม่เหมือนเราทุกคน มันทุเรศเกินไปนะแรนด์”

คําพูดของเธอทําให้แรนด์ยืนตัวแข็งไปทันที เพราะสิ่งที่วาเลนไทน์เอ่ยออกมาเป็นคำพูดนั้น เป็นสิ่งที่เขาครุ่นคิดอยู่ในใจมาโดยตลอด นับแต่วันที่เดินทางมาถึงที่นี่

แต่กระนั้น เขาก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ ที่จะต้องแก้ตัวให้น้องภรรยา

“พุทโธ่ คุณก็เห็นอยู่ ว่าลูกสาวเขาเพิ่งตาย ซึ่งมันก็เป็นเรื่องหนักหนาสาหัสสำหรับคนที่เป็นแม่อยู่แล้ว เรื่องเฟอริสที่เกิดตามมายังกระแทกใจเขาอีกเป็นครั้งที่สอง ไม่มีใครที่จะทำใจให้ยอมรับได้เพียงชั่วข้ามคืนหรอก วาล”

“สําหรับคุณน่ะทําไม่ได้แน่ แต่คุณก็คงไม่วิ่งหนีเหตุการณ์ด้วยเช่นกัน เพราะการวิ่งหนี มันไม่ใช่หนทางในการแก้ปัญหานี่ ที่จริง ๆ แล้วซูซานควรจะอยู่ที่นี่ ต่อสู้เพื่อสิทธิของตัวเองมากกว่า” เธอลุกขึ้นเดินไปรินกาแฟเติมให้ตัวเอง

“ผมเป็นคนอาสามาที่นี่เอง” แรนด์กล่าวแก้

“เพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างง่ายสําหรับเขาไงล่ะ ใคร ๆ ก็ล้วนแต่พยายามให้ความช่วยเหลือเขาทั้งนั้น ซูซานน่ะรู้เรื่องอยู่แก่ใจ เขารู้ว่าถ้ามันมีเรื่องเกิดขึ้นแล้ว ใคร ๆ ก็ต้องวิ่งวนเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้เขา แต่หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก เขาก็จะกลับเข้าแบบเดิมนั่นแหละ เขาไม่ใช่คนที่ใจคอมั่นคงอะไรหรอกนะคะแรนด์”

“แล้วคุณคิดว่าเราควรจะทํายังไงล่ะ ไม่มีใครเขาใจแข็งเท่าคุณหรอกนะวาล ในบางเรื่องซูซานก็ไม่อยากทำ แม้ว่ามันจะเพื่อตัวเขาเองก็ตาม”

ทันทีที่กล่าวออกไปเช่นนั้น เขาอยากจะเรียกมันกลับคืนมาเสียนักถ้าทําได้ สีหน้าของวาเลนไทน์ในยามนี้ราวถูกตบหน้าอย่างแรง

“วาล...ผมขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะทําให้คุณเสียใจหรอก”

“คุณทําแน่” เธอกะพริบตาถี่ ๆ หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด สูบ “ที่ฉันพูดเมื่อกี้มันทําให้คุณไม่พอใจใช่ไหมล่ะ เวลานี้คุณตัดสินเกี่ยวกับตัวฉันแล้ว หรืออย่างน้อยก็ตัดสินในเรื่องจริยธรรมของฉันละ...”

“และที่คุณพูดอย่างนั้น ก็เพราะคุณอยากเห็นฉันเหมือนซูซาน ไม่ยอมรับผิดชอบอะไรเลย อ่อนแอก็เท่านั้น เป็นใครบางคนที่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นกับเขาก็ตาม...”

“แต่คนอย่างฉันน่ะเป็นคนรักษาตัวรอดนะคะแรนด์ ฉันเอาตัวรอดได้เสมอ ไม่ว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม และไม่ว่าฉันจะต้องลงทุนลงแรงขนาดไหนด้วย และฉันก็ยังเป็นใครบางคนที่คุณต้องวิ่งเข้ามาหาเวลาที่คุณจะดึงน้องภรรยาคนสวยนั่นออกจากกองไฟ...

“เพราะฉะนั้นจงอย่าได้บังอาจมาตัดสินในความเป็นตัวฉันอย่างเด็ดขาด จําไว้ให้ดีนะคะ ลอร์ดแรนด์ เนลสัน เอาละ ไหนล่ะคะอาหารเช้าของฉัน...แต่เดี๋ยว ไม่จําเป็นต้องทําแล้ว ฉันไปหากินข้างนอกเองดีกว่า” พูดจบเธอก็เดินแกมวิ่งออกจากครัว ชายเสื้อคลุมสะบัดอยู่กับข้อเท้า

แล้วทั้งหมดนี่มันหมายความว่ายังไงกันเล่า...แรนด์คิดขณะต่อยไข่ใส่ลงในกะทะ เพราะไม่รู้จะทําอย่างไรกับมันดี ได้กลิ่นเนยไหม้ เมื่อหันรีหันขวางอย่างตัดสินใจไม่ถูก เขาก็จับกะทะโยนลงในอ่างล้างจาน ควันโขมงขึ้นจากเครื่องปิ้งขนมปัง พร้อมกับเสียงกริ่งสัญญาณเตือนควันดังรัวกึกก้องขึ้น เขารีบวิ่งไปเปิดหน้าต่าง เปิดประตูให้กว้างไว้

“ไอ้ห่าเอ๊ย...” เขาร้องออกมาอย่างขุ่นเคือง

เขาคว้าบุหรี่ที่วาลยังทิ้งไว้ในที่เขี่ย ขึ้นมาอัดควันแรง ๆ หลายครั้ง เสียงกริ่งสัญญาณยังกรีดร้อง จะด้วยอะไรก็ตามแต่ เขากระชากที่ปิ้งขนมปังออกแล้วก็จับมันโยนทิ้งออกไปทางประตูหลัง เสียงมันกระทบกับพื้นคอนกรีตดังสนั่นหวั่นไหว อีกาฝูงหนึ่งส่งเสียงร้องด้วยความตกใจพร้อมกับถลาร่อนขึ้น

“ก๊อดแดม” เขาเผ่นขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ กระชากกริ่งสัญญาณลงจากเพดาน ความเงียบที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันกรีดก้องอยู่ในหู เมื่อปีนกลับลงมาจากเก้าอี้แล้วจึงได้กระแทกประตูครัวปิดบังใหญ่จนกระจกสะเทือน

“ชิท”

วาลปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าประตู สุ้มเสียงของเธออ่อนโยนราวจะขออภัย เธอแต่งตัวเรียบร้อยแล้วอยู่ในชุดสูทแบบนักธุรกิจสีฟ้าใส สวมทับด้วยแจ๊คเก็ตสีขาวขลิบฟ้า ประดับด้วยสร้อยคอแบบโบราณแต่งหน้าสดสวยตามแบบของเธอ สิ่งเดียวที่ขาดหายไปจากใบหน้าคือประกายยิ้มในดวงตา

“ฉันคงจะกลับมาประมาณสี่โมงเย็น” เธอบอก “เห็นจะไม่ช้าไปกว่านั้นหรอกค่ะ จะเอารถมาส่งไว้ให้ แล้วจะเรียกแท็กซี่ไปสนามบิน”

“วาล...”

“ฉันจะส่งบัญชีค่าใช้จ่ายมาให้ หลังจากที่ทําเรื่องนี้เสร็จแล้ว ฉันคิดว่าทางที่ดีเราควรจะรักษาความสัมพันธ์ไว้ด้วยการที่ฉันลาออกไปเสีย คุณจะได้หาทนายความคนใหม่ที่เหมาะสมกว่าฉันได้”

“วาล...ผมขอโทษ ไม่รู้จริง ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านี้เรายังดีกันอยู่ แต่นาทีต่อมา คุณก็ขอลาออก...นี่มันเรื่องอะไรกัน”

“ไม่มีอะไรมากไปกว่าฉันไม่อยากทํางานให้คุณหรือครอบครัวของคุณอีกต่อไปน่ะสิคะแรนด์ คุณไม่ได้นับถือฉันเลยแม้แต่น้อย คุณเพียงแต่ต้องการจะใช้ฉันเป็นเครื่องมือเพื่อประโยชน์ของคุณเองเท่านั้น”

“ผมน่ะเรอะใช้คุณเป็นเครื่องมือ ถ้าพูดอย่างนี้มันก็เป็นไปได้ทั้งสองทางนั่นแหละ คุณเองก็ใช้ครอบครัวเราเป็นเครื่องมือด้วย เพราะแน่นอนที่มันไม่ใช่เรื่องเสื่อมเสียอะไรแน่ที่คุณจะบอกกับใคร ๆ ว่าคุณเป็นทนายความประจําครอบครัวเรา ยิ่งกว่านั้นเราก็ยังจ่ายเงินให้คุณมากพอที่คุณจะเอาไปตั้งสํานักงานทนายความของตัวเองได้ละ” น้ำเสียงของเขาบอกการปกป้องอย่างเต็มที่ ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทําไมต้องทําถึงเพียงนั้น...

“ก็ด๊าย...” วาเลนไทน์ชูมือขึ้นในอากาศ “จะเอายังงั้นก็ได้ ขอให้วันนี้เป็นวันดีสําหรับคุณด้วยก็แล้วกัน” เธอยิ้มเยือน “อ้อ...แล้วอย่าลืมใช้ความพยายามกําจัดกลิ่นควันนั้นเสียด้วยล่ะ นายหน้าเขาคงไม่ชอบกลิ่นแบบนี้เท่าไหร่นักหรอก”

นาทีต่อมาเธอก็หายตัวออกจากหน้าประตูครัว ใจหนึ่งแรนด์อยากจะออกวิ่งตามไปเพื่องอนง้อขอคืนดี แต่เขาก็ตรึงร่างไว้ ทั้งที่อยากจะปัดเป่าแววสะเทือนใจให้เลือนหายไปจากสีหน้าของเธออย่างเหลือเกินก็ตาม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel