6.ตัวแทน
*** ทักทายคร้า ***
พิมพ์ดาราตกใจจนชาดิกไปทั้งร่าง ริมฝีปากร้อนบดคลึงดูดดึงริมฝีปากนุ่มอย่างจาบจ้วงเอาแต่ใจ พิมพ์ดาราครางออกมาด้วยความเจ็บ เมื่อรู้สึกถึงอ้อมแขนแกร่งคลายออกเธอก็อาศัยจังหวะที่เขาเผลอผลักอกกว้างเต็มแรง รามาเอลถอยห่างไปเพียงก้าวเดียว แล้วใบหน้าคมเข้มก็ต้องสะบัดไปตามแรงกระแทกของฝ่ามือบางที่ฟาดลงมา ทำเอาฟรังซ์และองครักษ์คนอื่นๆ ที่ลงมาเห็นถึงกับชะงัก
ดวงตาคมลุกวาว จับข้อมือบางกระชากเธอมาปะทะอก พิมพ์ดาราตาโตมองเขาอย่างหวาดหวั่นว่าจะถูกเอาคืน แต่ก่อนที่รามาเอลจะลงโทษเธอด้วยจูบจาบจ้วง เสียงของฟรังซ์ก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน
“ไม่เจอครับ”
รามาเอลสบตาลูกน้องคนสนิทแล้วก้มมองคนในอ้อมกอด เขาคุกคามเธอด้วยสายตาเพื่อต้องการคำตอบ แต่หญิงสาวก็ปิดปากเงียบและเมินหน้าหนีเขา
“ธนาธรอยู่ที่ไหน”
“ฉันไม่รู้” เธอตอบเสียงสั่น ก่อนจะหันไปมองฟ้าลัดดาที่เดินกะเผลกลงมาจากชั้นสอง
“เมื่อวานธนาธรอยู่กับเธอและคนของฉันก็เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดเวลา ถึงมันมีปีกก็บินหนีไม่ได้ บอกมามันไปไหน”
“ก็คนของคุณห่วยน่ะสิถึงไม่รู้ว่าพี่ชายฉันออกไปตอนไหน คอยดูนะ ฉันจะแจ้งความจับคุณข้อหาบุกรุก และถ้าคุณยังไม่ปล่อยฉัน คุณโดนข้อหาลวนลามอีกหนึ่งกระทงแน่ ฟ้าลัดดาเป็นทนายและอยู่ในเหตุการณ์ด้วย” พิมพ์ดาราขู่เขากลับ
ฟรังซ์หันกลับไปมองทนายสาวหน้าอ่อนที่ยืนถือตะหลิวอยู่ที่เชิงบันไดด้วยแววตาเป็นประกายเป็นครั้งแรก
“มองอะไร ไม่เชื่อรึไงว่าฉันเป็นทนาย” ฟ้าลัดดาขึงตาใส่ฟรังซ์ แต่องครักษ์หนุ่มก็ไม่ทันได้เห็นเพราะมัวแต่ก้มไปมองเบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้ามา ฟรังซ์พูดสายไม่นานก็ตัดสายทิ้งแล้วสบตาผู้บังคับบัญชา
“ธนาธรออกจากเมืองไทยเมื่อชั่วโมงที่แล้วครับ” สิ้นเสียงรายงาน พิมพ์ดาราก็ได้ยินเสียงกัดฟันกรอดจนเธอสะดุ้ง เพราะแรงกอดรัดแน่นขึ้นจนหายใจแทบไม่ออก
“ระยำ!” รามาเอลสบถออกมาอย่างหัวเสีย คลายอ้อมแขนออกแต่ไม่ยอมปล่อยมือบาง “ในเมื่อมันหนีเข้ากลีบเมฆ ฉันก็จะให้มันร่อนลงไปหาเราเองฟรังซ์”
แม้จะไม่เข้าใจคำพูดของชายแปลกหน้า แต่พิมพ์ดาราถึงกับใจหายวาบ พยายามบิดข้อมือออกจากมือใหญ่ ฟ้าลัดดาเดินไปจับมืออีกข้างของเพื่อนไว้
“ในเมื่อพี่ธนาไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกคุณก็กลับไปได้แล้ว” พิมพ์ดาราบอกพลางสบตาคมเข้มอย่างไม่เกรงกลัว รามาเอลยิ้มบางๆ ที่มุมปาก
“ไม่ใช่แค่ฉัน แต่เธอต้องไปด้วย” พูดจบรามาเอลก็ฉุดกระชากพิมพ์ดาราออกจากร้าน ฟ้าลัดดาพยายามดึงมือเพื่อนไว้ รามาเอลจึงหันไปสบตาฟรังซ์
เพียงเท่านั้นองครักษ์หนุ่มก็เดินไปดึงมือฟ้าลัดดาออกจากข้อมือพิมพ์ดารา แล้วพาเธอไปขึ้นรถอีกคัน
“เฮ้ย! นายหุ่นยนต์จะพาฉันไปไหน ปล่อยนะ” ฟ้าลัดดาโวยวาย พยายามขืนตัวไว้แต่ก็ถูกลากไปที่รถจนได้
“ฟ้า ฟ้า...’’ พิมพ์ดารามองร่างเพื่อนที่ถูกจับเข้าไปในรถคันที่จอดอยู่ข้างหลัง ส่วนเธอก็ถูกรามาเอลจับยัดเข้าไปในรถอย่างไม่ปรานี พอเข้าไปนั่งได้ไม่นานสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบลง ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง
เปรี้ยงๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
เสียงปืนดังแว่วมาพร้อมกับสายลมท่ามกลางความร้อนระอุและความเวิ้งว้างของพื้นทราย แถบรอยต่อระหว่างรัฐอานาเวียร์กับรัฐอากัตซอร์ โกเมซและอาลีซึ่งนั่งพักข้างโอเอซิสเล็กๆ รูปเดือนเสี้ยวต่างมองหน้ากัน ก่อนจะมองไปทางต้นเสียงที่อยู่ไม่ไกล ฝุ่นละอองทรายลอยฟุ้งขึ้นบนท้องฟ้า แสดงให้รู้ว่ามีคนกลุ่มใหญ่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหน้า
“ไป อาลี”
สิ้นเสียง โกเมซและพันเอกอาลีเพื่อนคู่ใจก็โหนตัวขึ้นนั่งบนหลังอาชาดำตัวใหญ่แล้ววิ่งทะยานออกไป พอมาถึงจุดหมายทั้งสองก็กระโดดลงจากหลังม้า วิ่งไปหลบบนเนินทรายเตี้ย มองไปยังกลุ่มคนที่ยิงต่อสู้กันอยู่เบื้องล่าง ฝ่ายหนึ่งเป็นทหารมีตราสัญลักษณ์ของรัฐอากัตซอร์ปักที่อกเสื้อ ส่วนอีกฝ่ายเป็นชายชุดดำแปดคนพร้อมอาวุธสงครามครบมือกำลังรุกคืบเข้าไปใกล้
โกเมซพยายามเพ่งมองคนในรถคาดิลแลคที่จอดนิ่งอยู่ท่ามกลางวงล้อม แต่ก็ไม่เห็นเพราะกระจกติดฟิล์มกรองแสงมืดทั้งคัน
“ทหารอากัตซอร์ครับคุณชาย” อาลีบอกพลางหยิบปืนออกจากเอว
ทั้งสองฝ่ายยังคงสาดกระสุนพุ่งเข้าใส่กันอย่างดุเดือด กระสุนหลายนัดพุ่งชนกระจกกันกระสุนเสียงดังสนั่นราวพายุทรายที่พัดกระหน่ำ ทำให้ร่างอรชรของท่านหญิงกีย่าห์ ทายาทคนเดียวของชีคจามินนั่งอกสั่นหวั่นไหวอยู่ข้างในกับพี่เลี้ยงสูงวัยนามนอร่า
“คงถูกปล้นกลางทาง จัดการกับโจรพวกนั้นก่อนอาลี”
ว่าแล้วโกเมซและอาลีก็เคลื่อนตัวอ้อมไปข้างหลังแล้วกราดกระสุนเข้าใส่จนพวกโจรทะเลทรายวิ่งหลบกันจ้าละหวั่น
ปังๆ ๆ ๆ ๆ
กระสุนจากปืนของโกเมซและอาลีเจาะทะลุเป้าหมายอย่างแม่นยำ ชายสวมชุดรัดกุมสีดำมีผ้าปิดบังใบหน้าล้มตายราวใบไม้หล่นจากต้น ตามด้วยเสียงโหยหวนด้วยความเจ็บดังลั่น เลือดสีแดงฉานไหลอาบพื้นทราย
“เฮ้ย! มีคนมาช่วยพวกมัน ถอยก่อนโว้ย” เสียงสั่งเป็นภาษาพื้นเมืองดังแข่งกับเสียงปืน ทำให้คนที่เหลือรีบถอยร่นไปขึ้นม้าที่ซ่อนอยู่แล้วควบออกไปอย่างรวดเร็วจนฝุ่นทรายฟุ้งตลบ
เมื่อเสียงปืนสงบลง พันเอกฟาริส โคมา นายทหารองครักษ์ของอากัตซอร์กวาดตามองไปรอบๆ เพื่อมองหาคนที่มาช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีใครปรากฏกายออกมา
“ท่านที่มาช่วยเหลือเรากรุณาแสดงความบริสุทธิ์ด้วย”
โกเมซสบตาอาลีแล้วขยับตัวเตรียมจะลุกขึ้น แต่ถูกมือคนสนิทยึดแขนไว้และเอ่ยเตือนอย่างเป็นห่วง
“ระวังนะครับ พวกนั้นอาจจะไม่ใช่ทหารหลวงของอากัตซอร์ก็ได้”
“อย่าห่วงเลยไอ้เพื่อนยาก มาถึงขั้นนี้แล้ว พวกนี้จะเป็นฝ่ายไหนก็คงพอจะช่วยเราหาข่าวได้ ผูกมิตรไว้ไม่เสียหลายหรอก” โกเมซส่งยิ้มให้ มือใหญ่ตบบ่าหนาของอาลีเบาๆ ก่อนจะชูมือที่ถือปืนขึ้นเหนือศีรษะแล้วเดินออกจากที่ซ่อน
ฟาริสและทหารอีกสี่นายเดินออกมายืนโอบล้อมคนทั้งสองไว้อย่างไม่ไว้ใจ
พันเอกฟาริสมองร่างสูงกำยำของชายแปลกหน้าในชุดคาฟตานสีเข้มมีผ้ากัฟฟีเยปิดบังใบหน้า ดวงตาสีอำพันคมกริบทอดขนานกับคิ้วหนา ส่วนอีกคนรูปร่างกำยำบึกบึนเหมือนผ่านการฝึกหรือออกกำลังสม่ำเสมอ
แต่เสียงหวานใสและกลิ่นหอมจากคนที่เปิดประตูรถออกมา ทำให้โกเมซถึงกับตกตะลึง
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วทำไมยังไม่เดินทางอีกฟาริส”
ร่างอรชรในชุดคาฟตานสีหวาน เนื้อผ้าเนียนพลิ้วปักดุนลายทองก้าวลงจากรถ หน้าผากนูนสวยชุ่มด้วยไอแดดยามบ่าย กับดวงตาคมโตที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าคลุมหน้าสีหวานเช่นเดียวกับชุดทอดยาวไปกับคิ้วเรียวโค้งดุจคันศร ปลายจมูกโด่งรับกับริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อ เครื่องหน้าได้รูปภายใต้กรอบผมยาวสยายคลุมแผ่นหลังดูกลมกลืนสวยงาม จนโกเมซไม่อาจละสายตาจากภาพนี้ไปได้
“ท่านหญิงลงมาทำไมครับ ทุกอย่างยังไม่เรียบร้อย”
พันเอกฟาริสโค้งคำนับอย่างนอบน้อม ทำให้โกเมซและอาลีขยับตัวเมื่อรู้ถึงฐานันดรศักดิ์ของอีกฝ่าย
“เสียงปืนเงียบไปนานแล้วแต่ยังไม่เดินทางก็เลยลงมาดู แล้วสองคนนี้เป็นใคร” กีย่าห์ตวัดสายตาคมมองร่างสูงสง่าก่อนจะเชิดขึ้น โกเมซก้มหน้ามองพื้นทรายเพื่อซ่อนแววตาขบขันไว้ เมื่อเห็นสายตาคมสวยเกรี้ยวกราดและดูถูกดูแคลน
“สองคนนี้มาช่วยเราไว้ครับท่านหญิง” ฟาริสรายงานแล้วหันไปสั่งคนทั้งคู่ “ทำความเคารพท่านหญิงกีย่าห์แห่งอากัตซอร์”
อาลีโค้งคำนับอย่างสุภาพตามประเพณี แต่โกเมซยังคงยืนนิ่งไม่ยอมทำตามคำสั่ง ทำให้กีย่าห์มองอย่างไม่พอใจ
“แล้วเราต้องทำความเคารพขอบใจเจ้ามั้ย”
คำพูดของท่านหญิงแห่งอากัตซอร์ทำให้คุณชายโกเมซที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของอานาเวียร์ผู้เก่งกาจถึงกับสะอึก สบตาคมสวยที่มองมา ริมฝีปากหยักรูปกระจับเตรียมจะโต้ตอบ แต่อาลีก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน
“ต้องขอโทษด้วยขอรับท่านหญิง พี่ชายข้าคนนี้หูตึงและพูดไม่ได้จึงไม่ได้ยินคำสั่งของท่านองครักษ์ ต้องขออภัยจริงๆ ครับ” อาลีโค้งคำนับอีกครั้ง ทำให้ร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ มองมาอย่างคาดโทษ
***
