1.บทนำ
*** ทักทายคร้า อาญารักพยัคย์ร้าย เป็นนิยายสนุกๆ ลุ้นระทึกอีกเรื่องที่อิงทรายอยากนำเสนอจ้า ฝากติดตามด้วยนะคะ กอดๆ จ้า***
******
กริ๊งงง…
เสียงสัญญาณบ่งบอกถึงเวลาการเรียนรู้ของโรงเรียนนานาชาติชื่อดังประจำวันสิ้นสุดลง นักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลหนึ่งจนถึงมัธยมศึกษาปีที่หก (kindergarten.1 – grade 12) ต่างเดินลงจากอาคารเรียนเพื่อกลับบ้าน บางคนก็ไปยืนรอผู้ปกครองที่หน้าประตูใหญ่ของเรียน บางคนก็ยังคงเล่นกีฬาหรือเครื่องเล่นที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้ เสียงหัวเราะดังเซ็งแซ่อย่างมีความสุข รอยยิ้มไร้เดียงสาแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าของเด็กทุกๆ คน ทำให้คุณครูมณีริน วิจิตรเดโช คุณครูเวรที่ยืนส่งเด็กกลับบ้านอยู่หน้าประตูมองอย่างมีความสุข
“คุณครูมณีขา มาเล่นกับจีน่าไหมคะ” มณีรินมองหาต้นเสียงหวานใส ก่อนจะไปหยุดสายตาที่เครื่องเล่นรูปกระต่ายตัวใหญ่ เด็กหญิงจีน่า แมคคาเดราส วัยสี่ขวบนั่งโบกมือน้อยๆ ให้กับคุณครูสาว และมีเพื่อนๆ อีกสามคนช่วยกันหมุนตัวกระต่ายเป็นวงกลม มณีรินโบกมือตอบพร้อมกับมอบรอยยิ้มแสนหวานจริงใจส่งผ่านไปทักทาย
มณีรินและครูเวรอีกคนยืนส่งนักเรียนจนกระทั่งถึงห้าโมงเย็น นักเรียนทยอยกลับบ้านจนดูบางตาไปมาก หญิงสาวจึงเดินตรงไปที่สนามเดินเล่น จีน่าและเพื่อนอีกคนยังคงเล่นเครื่องเล่นอย่างสนุก ใบหน้าเล็กกลมชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อหันมายิ้มให้อย่างไร้เดียงสา มณีรินยืนยิ้มอยู่ข้างสนามใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มจริงใจ
“จีน่า แม่เบลล์เบลล์มารับแล้ว เบลล์เบลล์กลับบ้านก่อนนะ” เพื่อนที่เล่นด้วยกันวิ่งไปหยิบกระเป๋าทันทีที่เห็นมารดามารับ “สวัสดีค่าคุณครู” เด็กหญิงเบลล์เบลล์ประนมมือไหว้คุณครู ก่อนจะวิ่งไปจับมือมารดาเดินไปที่รถ เมื่อไม่มีเพื่อนเล่นเด็กหญิงจีน่ากระโดดลงจากของเล่นมาหาคุณครูสาว
“เหนื่อยหรือคะ เหงื่อชุ่มเชียว” มณีรินย่อตัวลงไปเสมอร่างเล็ก
“เหนื่อยแต่สนุกค่าคุณครู” จีน่ายกมือน้อยขึ้นปราดเหงื่อที่หน้า คุณครูสาวพาเดินไปนั่งที่ม้าหินอ่อนข้างสนาม มือเรียวสวยหยิบผ้าเช็ดหน้าไปซับเหงื่อบนใบหน้าให้อย่างเอ็นดู
“วันนี้รถที่บ้านมารับช้าจังเลยนะคะจีน่า” มณีรินยกร่างน้อยขึ้นนั่งบนตักและกอดร่างเล็กไว้หลวมๆ อ้อมกอดอบอุ่นของคุณครูสาว ทำให้เด็กน้อยที่กำพร้าแม่มาตั้งแต่เกิดยิ้มกว้างอย่างอบอุ่นในใจ
“วันนี้อาตรัยจะมารับค่ะ แต่ยังมาไม่ถึงค่า” เด็กหญิงจีน่าเอ่ยถึงวิคเตอร์ หรือตรัย แมคคาเดราส คุณอาสุดหล่อที่มาเมืองไทยเมื่อสองวันก่อน มณีรินมองนาฬิกาข้อมือแล้วยิ้มให้
“ห้าโมงเย็นแล้วด้วยสิ เดี๋ยวครูอยู่เป็นเพื่อนนะคะ”
“ขอบคุณค่ะคุณครู” มือป้อมประนมมือไหว้ขอบคุณอย่างเด็กที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี
“อาทิตย์หน้าจะปิดเทอมแล้ว จีน่าจะทำอะไรบ้างคะ” หนูน้อยจิ้มนิ้วที่แก้มอย่างครุ่นคิด มณีรินมองท่าทางน่ารักอย่างเอ็นดู และรู้สึกดีใจที่เธอมีลูกศิษย์น่ารักแบบนี้
“คุณย่าจะพาไปหาคุณพ่อค่ะคุณครู”
“คุณพ่อไม่ได้อยู่ที่กรุงเทพฯ หรือคะ” หนูน้อยส่ายหน้าไปมา ปลายหางเปียสะบัดช้าๆ “แสดงว่าจีน่าอยู่กับคุณแม่ ส่วนคุณพ่อไปทำงานใช่ไหมเอ่ย” เธอชวนคุยไปเรื่อยๆ เพื่อรอเวลา
“คุณครูตอบถูกข้อเดียวค่า คุณพ่อไปทำงานบนเกาะกลางทะเลจริงๆ ส่วนคุณแม่อยู่บนสวรรค์ค่า” คำตอบของเด็กน้อยทำเอามณีรินอึ้ง วงแขนอบอุ่นโอบกอดร่างน้อยแนบอกอย่างสงสารจับใจ เพราะเธอเข้าใจเด็กที่ขาดแม่แท้จริงแล้วว้าเหว่แค่ไหน เธอเองก็เสียมารดาตั้งแต่เด็ก แต่ที่อยู่ได้ทุกวันนี้เพราะมีความรักจากอาสาว ส่วนบิดาแต่งงานใหม่หลังจากมารดาเธอเสีย พร้อมกับพาภรรยาใหม่และลูกคนใหม่เข้ามาอยู่ในบ้าน และนั่นคือจุดเปลี่ยนของชีวิตเธอ
“คุณครูขา คุณครู…” มณีรินสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงเรียกของลูกศิษย์ตัวน้อย ใบหน้าคมสวยก้มลงไปหาและยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “คุณครูทำไมเงียบไปคะ”
“ครูกำลังคิดถึงคุณแม่ค่ะ แม่ของครูก็อยู่บนสวรรค์เหมือนกัน” จีน่าตาโตอย่างดีใจเพราะไม่รู้ว่าคนที่อยู่บนสวรรค์ คือคนที่หมดลมหายใจไปแล้ว
“จริงหรือคะ งั้นคุณแม่ของจีน่ากับแม่ของคุณครูต้องเจอกันแล้วแน่ๆ เลยค่ะ เดี๋ยวเราไปหาแม่ของเรากันนะคะคุณครู…” เด็กหน้าจีน่าบอกอย่างกระตือรือร้น มณีรินน้ำตาคลอและยกมือลูบศีรษะเล็กไปมาอย่างสงสารจับใจ
“ถึงเวลาเราก็ต้องไปหาท่านที่นั่นจ้ะคนเก่งคุณครู” มณีรินปลอบพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น หากความสุขของคุณครูกับลูกศิษย์ตัวน้อยก็มีอันต้องจบลง เมื่อเสียงเกรี้ยวกราดของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“ยายมณี!!!” ร่างบอบบางหันหลังกลับไปมอง พอเห็นดารินพี่สาวต่างมารดาเดินตรงมาด้วยแววตาเกรี้ยวกราด มณีรินก็ยกร่างน้อยลงไปนั่งข้างๆ
“พี่ริน!!!” จิกเล็บลงบนท่อนแขนกลมกลึงแรงๆ จนมณีรินต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ จีน่าเห็นคุณครูสาวถูกทำร้ายก็เข้าไปดึงมือดารินออก ดารินรำคาญสะบัดแขนเต็มแรง จนร่างเล็กเสียหลักล้มลงก้นกระแทกพื้นหญ้า มณีรินตกใจรีบวิ่งไปกอดร่างเล็กแนบอกอย่างปกป้อง
“คนใจร้าย” ปากจิ้มลิ้มต่อว่ามือเล็กก็ซุกหน้ากับอกอุ่น ดารินขึงตาใส่อย่างเกรี้ยวกราด
“เด็กเวร ปากจัดเดี๋ยวแม่ตบซะเลย!” ดารินยกมือขึ้นสูงหมายจะตีไปที่ร่างเล็ก
“อย่านะพี่ริน” แม่พิมพ์ของชาติยกมือขึ้นรับ ทำให้ลำแขนกลมกลึงโดนฝ่ามือเต็มๆ จนเธออุทานด้วยความเจ็บ แต่มืออีกข้างยังกอดลูกศิษย์ตัวน้อยอย่างปกป้อง
“ดี! สมน้ำหน้าแม่คุณครูผู้แสนดี!” ดารินเบ้ปากอย่างเหยียดหยันที่เห็นน้องสาวต่างแม่ต้องเจ็บ จีน่าชำเลืองหางตามองอย่างกลัวๆ
“พี่รินมาทำอะไรที่นี่คะ”
“อาดาวบังคับให้ฉันมารับแกนะสิ แล้วนี่จะกลับบ้านได้หรือยังยะหล่อน” ดารินถามอย่างหงุดหงิด แต่สายตามองร่างเล็กในวงแขนน้องสาว จีน่าสะดุ้งแล้วซุกหน้าอกอุ่น
“แต่เด็กยังกลับบ้านไม่หมดเลยนะคะ มณีต้องอยู่อีกสักพัก…” เธอขอก่อนจะพาจีน่าลุกยืนขึ้น หนูน้อยเบี่ยงกายไปด้านหลัง
“โอ๊ย!!! ฉันไม่รอหรอกนะ ถึงไม่มีแกเด็กมันก็กลับบ้านได้ พ่อแม่มันก็มี”
“แต่…” มณีรินพูดได้เพียงเท่านั้นก็ต้องหยุด เพราะเสียงแหลมของดารินแทรกขึ้นอย่างคนเอาแต่ใจ
“ไม่ต้องแต่ แกต้องกลับเดี๋ยวนี้ เร็วๆ ฉันมีนัดต่อ…” พูดจบดารินก็เดินส่ายสะโพกไปที่รถเก๋ง แล้วเปิดปิดประตูรถอย่างกระแทกกระทั้นด้วยความอิจฉาริษยาที่อยู่ในใจ ยิ่งเห็นหน้าใสสะอาดของน้องสาวอารมณ์โกรธเกลียดยิ่งมากขึ้น มณีรินถอนหายใจเบาๆ กับนิสัยเอาแต่ใจของพี่สาว ร่างงามย่อตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้นตรงหน้าลูกศิษย์ตัวน้อย
“ไม่ต้องกลัวนะคะ พี่สาวของครูเอง” มณีรินยิ้มด้วยประกายอ่อนโยน แววตากลมใสแฝงไปด้วยความหวาดหวั่น ทำให้เธอต้องรั้งร่างน้อยเข้าไปกอดและลูบหลังอย่างปลอบโยน จีน่าวางหน้ากลมใสกับบ่าบางมือน้อยโอบลำคอระหงแน่
“พี่สาวคุณครูไม่เห็นใจดีเหมือนคุณครูล่ะคะ” จีน่าถามเสียงเครือเล็กน้อย มณีรินดันร่างน้อยออกห่างอย่างเอ็นดู
“เธออาจจะหงุดหงิดนิดหน่อยจ้ะ ว่าแต่จีน่าอยู่กับครูคนอื่นได้ไหมจ๊ะ” เธอถามพลางประคองแก้มใสแล้วไล้นิ้วไปมา
“ได้ค่ะคุณครู”
“เก่งมากจ้ะ” เธอชมแล้วลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าเด็กน้อยมาถือ ก่อนจะจับมือพาเดินไปหาครูเวรอีกคน
“อรจ๋า พี่ฝากจีน่าไว้กับอรจนกว่าอาของจีน่าจะมากลับได้ไหมจ๊ะ” คุณครูนามอรอุมาหันมายิ้มให้อย่างคุ้นเคย
“ได้สิคะ วันนี้อรพักในโรงเรียนกลับตอนไหนก็ได้” มณีรินส่งกระเป๋าลูกศิษย์ในคุณครูอร พร้อมกับเอ่ยขอบคุณอย่างจริงใจ
“ขอบใจจ้ะ งั้นจีน่ารอคุณอาอยู่กับคุณครูอรนะคะ” ประโยคท้ายเธอก้มลงไปบอกจีน่าที่แหงนหน้ามายิ้มให้
“ได้ค่ะ แล้วเจอกันวันจันทร์ค่าคุณครู” มือน้อยโบกมือลาในขณะที่เท้าก็ก้าวไปข้างหน้ากับครูคนใหม่ โดยมีสายตาของมณีรินมองตามจนกระทั่งเสียงพี่สาวแว้ดมาแต่ไกล
“นี่ยายมณี แกจะกลับไหมบ้านน่ะ” มณีรินหันไปมองแล้วเดินแกมวิ่งข้ามถนนไปที่รถพี่สาว พร้อมกับตะโกนบอก
“กลับค่ะกลับ” ดารินกระแทกแผ่นหลังกับพนักเบาะ มือกำพวงมาลัยแน่นอย่างไม่พอใจ มณีรินเดินอ้อมไปไปนั่งตรงข้ามกับคนขับ ดารินตวัดสายตาไปมองอย่างแข็งกร้าว
“ชักช้าแบบนี้ คราวหน้าก็นั่งรถแท็กซี่กลับเองเลยนะ!” ดารินบ่นพลางสตาร์ทรถแล้วขับรถวนวงเวียนเพื่อออกไปที่ประตูใหญ่
“ขอโทษค่ะพี่ริน” เธอกล่าวขอโทษเพื่อให้พี่สาวอารมณ์เย็นลง
“เมื่อไหร่แกจะหัดขับรถสักที ฉันเบื่อมารับแกจะตายอยู่แล้ว ถ้าไม่เพราะฉันจะขอเงินอาดาวฉันไม่มาแน่” ดารินบอกพลางเลี้ยวอ้อมวงเวียนเพื่อออกประตูใหญ่
*** ขอบคุณคร้า ***
