ตอนที่หนึ่ง อัญมณีเลอค่า 3
โดยเฉพาะรอยยิ้มที่ช่างภาพแฟชั่นทั่วอเมริกาขนานนามให้นางแบบหน้าใหม่ของวงการที่กำลังจะก้าวไปได้ไกลอย่างหล่อนว่าเป็นรอยยิ้มที่ทำให้โลกสว่างขึ้นมาทันตานั้นทำให้หล่อนต้องเลือกที่จะปฏิเสธงานมากมายที่หลั่งไหลเข้ามาเพราะไม่อาจจัดคิวได้ทัน ความดังของหล่อนได้มาเพียงชั่วข้ามคืนหลังจากที่หล่อนหันหน้าเข้าวงการแฟชั่นอย่างแท้จริงเมื่อตอนที่มีปัญหาครอบครัวเพราะหล่อนต้องการทำงานที่หนักมากเพื่อให้ตนเองไม่ต้องฟุ้งซ่าน การมุมานะเรื่องงานครั้งนั้นทำให้หล่อนทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดของวงการอย่างรวดเร็วและเป็นที่ต้องการของสินค้าที่ต้องการนางแบบที่มาแรงอย่างหล่อนเป็นพรีเซนเตอร์ให้ และหนึ่งในงานที่เสนอมาต้องมีงานของร้านมิราเคิล เจ็มด้วยอย่างแน่นอน...
“คุณพ่อช่างวางแผนได้อย่างชาญฉลาดจริงๆ ค่ะเดือนหวังว่าเราคงได้เพชรคืนมานะคะ เราอาจจะสลับเปลี่ยนเพชรได้ยากในวันงานเพราะว่ามีคนคุ้มกันแน่นหนาแต่เดือนหวังว่าเราจะประมูลมันได้”
“พ่อก็หวังอย่างนั้น พ่ออยากได้เพชรนั้นคืนมาเหลือเกิน ความเลวร้ายทุกอย่างที่รายล้อมเราอยู่ย่อมต้องหายไปหลังจากที่เราได้เพชรนั้นกลับคืนมา” น้ำเสียงเศร้าๆ ของบิดาทำให้พิจิกาต้องกอดท่านไว้แน่นเพื่อให้กำลังใจและเป็นการบอกท่านว่าหล่อนอยู่ข้างๆ ท่านเสมอไม่มีวันทอดทิ้งท่านไปอย่างแน่นอน
“เดี๋ยวคุณพ่อรอเดือนอยู่ที่นี่ก่อนได้ไหมคะ... เดือนขอไปโทรศัพท์หาผู้จัดการก่อนจะได้คุยเรื่องงานทีเดียว” หญิงสาวขอตัวกับบิดาเพราะต้องรีบโทรไปเคลียร์กับผู้จัดการให้เลื่อนคิวให้หล่อนพร้อมยินยอมจ่ายค่าปรับที่จะเกิดขึ้นเพราะหล่อนต้องการที่จะหยุดงานของช่วงนี้จนกว่าจะเห็นมารดาฟื้นขึ้นมาและพ้นขีดอันตรายไปแล้ว...
พ้นร่างลูกสาวคนเล็กของเขาไปแล้วเอ็ดเวิร์ดก็ถอนหายใจเพื่อปลดปล่อยความเครียดทั้งหมดที่อัดแน่นอยู่ในหัวอกออกมา.. ดวงตาสีน้ำตาลหรี่มองตามลูกสาวไปความรู้สึกผิดที่ต้องดึงหญิงสาวเข้ามาตกอยู่ในอันตรายท่วมท้นในอก
ไม่นานนักมีชายสูงวัยพร้อมบอดี้การ์ดเกือบสิบคนเดินเข้ามายืนตรงหน้าเอ็ดเวิร์ด
“ผมพูดตามที่ท่านสั่งไว้ทุกอย่าง... หวังเพียงแต่ว่าเมื่อเราทำทุกอย่างตามที่ท่านต้องการพวกเราทั้งหมดจะปลอดภัย”
“นายไม่มีสิทธิ์ต่อรองเอ็ดเวิร์ด คนที่ควบคุมทุกอย่างทั้งหมดคือฉัน... ถ้าไม่อยากตายหมู่ทั้งครอบครัวก็ทำตามที่ฉันสั่ง พอฉันได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วพวกนายถึงจะได้สะกดคำว่าปลอดภัย จำเอาไว้”
ชายผู้ทรงอำนาจที่ควบคุมคำพูดและการกระทำทุกอย่างของเอ็ดเวิร์ดไว้หัวเราะเยาะและมองเอ็ดเวิร์ดด้วยสายตาที่เกลียดชังอย่างไม่ปกปิด... รู้สึกดีเหลือเกินที่ตอนนี้อยู่เหนือเอ็ดเวิร์ดหลายขุมและรู้สึกดีที่ทำให้เอ็ดเวิร์ดต้องเอาลูกสาวสุดที่รักเข้ามาร่วมแผนการรับความเสี่ยงพร้อมๆ กับมัน
ดี... เขาอยากให้มันทุกข์อยากให้มันเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกตายไปก่อนอัยราได้ยิ่งดี...
เสียงหัวเราะของคนที่เดินจากไปกลุ่มใหญ่ทำให้เอ็ดเวิร์ดกำมือแน่น... เกลียดความกดดันนี้เหลือเกินแต่เขาบอกกับตัวเองว่าเขาจะไม่มีวันยอมแพ้ชายผู้เป็นตัวแทนแห่งความร้ายกาจจากนรกคนนี้... เขาหวังมาตลอดว่าความดีที่เขาทำมาตลอดชีวิตจะชนะความชั่วร้ายของปิศาจในร่างคนอย่างมันให้ได้...
พิจิกาคุยกับผู้จัดการเรียบร้อยแล้วเดินกลับเข้ามาหาบิดาแค่เห็นท่านนั่งร้องไห้เครียดเคร่งอยู่ก็รู้ว่าท่านกดดันเป็นอย่างมากเพราะท่านไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้หล่อนเห็นเช่นนี้แม้แต่สักครั้งเดียวความเครียดครั้งนี้ของบิดามันคงมากมายหลายเท่าตัวหล่อนรีบเข้ามากอดปลอบบิดาอีกรอบและเอ่ยให้กำลังใจ...
“คุณพ่อคะคุณพ่อร้องไห้ทำไมหรือคะ... เรามีทางออกนะคะอย่าเครียดไปมากกว่านี้อีกเลย ...เดือนบอกผู้จัดการแล้วเขาต้องช่วยให้เดือนได้เข้าไปอยู่ในงานและเป็นพรีเซนเตอร์ตามแผนของคุณพ่อได้แน่นอนค่ะ...”
เอ็ดเวิร์ดได้แต่พยักหน้ารับเพราะเครื่องดักฟังของคนที่ชั่วร้ายราวกับผุดจากนรกติดตั้งไว้ที่เขาตลอดเวลาทำให้เขาไม่อาจพูดสิ่งใดที่อยากพูดได้เลยหูตาราวกับสับปะรดของพวกมันที่สอดแนมเขาอยู่ทำให้เขาไม่สามารถแม้แต่จะเขียนโน้ตเล่าความจริงให้ลูกสาวฟังเพราะนอกจากจะเสี่ยงที่พวกมันจะรู้พิจิกาต้องมีท่าทีที่แข็งกระด้างจนถูกจับได้และไม่ยอมให้ความร่วมมือทำให้เขาไม่อาจพูดได้... มันทรมานอย่างยิ่งยวดเหลือเกินที่พูดไม่ได้ว่าตอนนี้เขาไม่อยากให้ลูกสาวได้เพชรสีชมพูนั้นมาเลยเพราะนั่นมันจะหมายถึงหายนะอันยิ่งใหญ่...
แต่หากเพียงแค่พูดคัดค้านคำสั่งของผู้ที่ควบคุมเขาอยู่หรือแม้แต่แง้มความเป็นจริงให้ลูกสาวฟังจนไม่ยอมทำตามแผนของมันหลายชีวิตที่เป็นคนสำคัญต่อเขาและสำคัญมากที่สุดของประเทศชาร์จาจะต้องถูกทำลายลงไปทีละคนทีละคนอย่างน่าอาดูร...
เอ็ดเวิร์ดจึงอยู่ในสภาวะที่ไม่ต่างจากถูกหมุดปักตรึงเท้าไว้กับพื้นเจ็บปวดหนักหน่วงหากแต่ต้องฝืนก้าวเดินต่อไป ...
เอ็ดเวิร์ดได้แต่หวังเพียงว่าเรื่องมันคงจะจบลงเร็วๆ โดยไร้ซึ่งการสูญเสีย
